Qraft by AQUA เรื่องของ ‘กลิ่น’ ที่ผันเปลี่ยนชีวิตนางฟ้าสู่นักปรุงน้ำหอม

‘กลิ่น’ ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดกับชีวิต แต่ ‘กลิ่น’ เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สร้างสีสันให้ชีวิตคนเราไม่ราบเรียบจนเกินไป 

        แม้ใครบางคนอาจเถียงในใจว่า “ไม่จริง ฉันให้ความสำคัญกับกลิ่นอยู่ทุกวันอย่าง กลิ่นตัว กลิ่นปาก ฉันซื้อน้ำหอมมาฉีดให้ตัวหอม ฉันใช้ยาอมดับกลิ่นปากหลังจากอาหารทุกมื้อ ฉันใช้แชมพูที่ทำให้ผมหอม หรือเลือกกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ทำให้เสื้อผ้าไม่เหม็นอับ”  

        แต่ต้องยอมรับว่าในบรรดา สัมผัสทั้ง 5 อันได้แก่ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส… เรื่องของ ‘กลิ่น’ มักถูกพูดถึงอย่างจริงจังในแง่ของวิทยาศาสตร์ และประวัติศาสตร์ค่อนข้างน้อยมากในบ้านเรา ดังนั้น คนที่สนใจจริง หรืออยู่ในแวดวงเท่านั้นจึงจะพูดกันเรื่องนี้ในเชิงลึก แน่นอนว่าพวกเขามักหาความรู้จากหนังสือ และคอร์สเรียนของสถาบันต่างประเทศ

        ทว่าในช่วงของการ Work from Home เรื่องของ ‘กลิ่น’ ได้รับความนิยมมากขึ้นจากบรรดาเทียนหอม เครื่องพ่นควันไอน้ำที่หลายคนต้องมีติดไว้เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในบ้าน ทดแทนการไม่ได้ออกไปข้างนอก หรือเพื่อบำบัดความเครียด รวมถึงสร้างสมาธิในการทำงาน นั่นจึงทำให้มิติด้านอื่นๆ ในเรื่องของกลิ่นเป็นที่สนใจมากขึ้น 

        เรื่อยไปจนถึงได้เปลี่ยนชีวิตแอร์โฮสเตสสาว ‘น้ำ’ – กันต์นที นีระพล นางฟ้าที่ไม่สามารถสยายปีกบินได้ในช่วงโควิด-19 ให้กลายมาเป็น ‘นักปรุงกลิ่น’ แห่งสตูดิโอ Qraft by AQUA เธอยังเป็นเจ้าของหนังสือ Nose Note บันทึกเรื่องกลิ่นจากปลายจมูก ฝนตกข้างบ้าน ถึงจักรวาลอันไกลโพ้น’ หนังสือเล่มแรกที่เล่าประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาของมนุษย์ได้ด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน 

        เราจึงตาม ‘กลิ่น’ ของเธอไปจนถึงสตูดิโออันไกลโพ้นเหมือนชื่อหนังสือกัน…

 

Mint กลิ่นแห่งความเย็นซาบซ่าน 

พร้อมตื่นสู้งาน สู้ชีวิต

        ความสดชื่นพุ่งเข้าใส่ตัวเราอย่างรวดเร็วหลังเปิดประตูเข้าไปยังสตูดิโอ อาการงัวเงียเล็กน้อยกลับหายไปโดยพลัน ราวกับถูกดึงวิญญาณเข้าร่างเฉียบพลัน เราพบกับหญิงสาวผมสียูนิคอร์นต้อนรับเดือน Pride Month ยืนอยู่ในห้องขนาดกะทัดรัด น้ำหันมายิ้มให้แล้วพวกเราต่างก็กล่าวทักทายกันเล็กน้อย

        “หลายสื่อต่างมอบฉายา ‘กูรูด้านศาสตร์แห่งกลิ่นคนแรกของไทย’ ส่วนตัวคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง” เราถามจนทำเอาเธอหลุดขำ ก่อนจะรวบรวมสมาธิตอบอย่างอารมณ์ดีว่า 

        “ครั้งแรกที่เห็น เราส่งข้อความไปถามเขาว่า ‘ใช้คำนี้เลยเหรอคะ’ เขาตอบกลับมาว่า ‘สมฐานะแล้ว’ แต่จริงๆ เรารู้นะว่าไม่ได้มีแค่เราคนเดียวหรอก แต่ก็ดีใจที่เขาให้ฉายานี้มา อาจเพราะคนเห็นเราเยอะ และอาจจะเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงที่ค่อนข้างใหม่มากๆ ในประเทศไทย แต่ความจริงแล้วนอกจากน้ำยังมีคนอื่นอีกเยอะเลยค่ะที่เขาถนัดและสนใจเรื่องนี้” 

        เธอว่าถ้าใช้คำว่า ‘คนเดียว’ คงเป็นมุมของคนที่สนใจเรื่องนี้ แล้วสามารถเขียนหนังสือออกมาเป็นเล่ม รวมทั้งเธอยังเป็นคนแรกที่เปิดคลาสสอนเรื่องการปรุงกลิ่นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว 

        “แต่ถ้าจะใช้คำว่า ‘กูรู’ เลย” เธอหยุดคิดไปครู่หนึ่ง… ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “คงไม่ใช่หรอก แต่เราก็รู้สึกดีใจนะที่เขาเรียกเราแบบนั้น มันก็กลายเป็น value ให้กับตัวเองไป  

        “เพื่อไม่ให้ขัดเขินจนเกินไปเวลาถูกเรียก น้ำจึงลงเรียน Certified Aromatherapist กับองค์กรใหญ่ของเรื่องอโรมาจากอเมริกาโดยตรงเลย พอได้ใบประกาศจากอเมริกามา หลังจากนี้เราจะได้ไม่เขินอายเวลาที่คนอื่นเรียก” เธอยิ้มด้วยความเขินเล็กน้อย 

 

Spice กลิ่นแห่งความเผ็ดร้อนจากเครื่องเทศ 

เหมือนชีวิตที่มักจะสู้กลับเราทุกเวลา

        ก่อนจะเล่าไปถึงการผันตัวมาเป็นนักปรุงกลิ่นในช่วงโควิด-19 นั้น น้ำกล่าวกับเราว่าอยากจะแก้ข่าวให้ตัวเองหน่อยว่า เธอยังคงประกอบอาชีพเป็นแอร์โฮสเตสอยู่ เพียงแต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เธอไม่สามารถขึ้นทำการบินได้ ประกอบกับสายการบินที่เธอสังกัดอยู่ประกาศฟื้นฟูกิจการ น้ำได้แสดงเจตจำนงไม่รับเงินเดือน เธอจึงต้องหาอย่างอื่นทำระหว่างนี้ 

        “เราเป็นคนชอบเรื่องกลิ่นมาตลอด ชอบจำทุกอย่างด้วยกลิ่น พอโตขึ้นมาถึงรู้ว่า เราเป็นคนจมูกดี ไวต่อการได้กลิ่นกว่าคนอื่นนิดหนึ่ง พอเริ่มเป็นแอร์โฮสเตส เราต้องบินไปนอนที่อื่นตลอด เราก็จะเริ่มไม่คุ้น นอนไม่หลับ เลยรู้สึกว่าอยากให้มีกลิ่นเหมือนที่บ้าน เราเลยเริ่มทำเองแล้วพกไป เราจึงนอนหลับได้ เลยคิดว่าจริงๆ กลิ่นช่วยเยอะมากนะ”

         จากนั้นเธอก็เริ่มศึกษาด้วยตัวเองเรื่อยมา “มีครั้งหนึ่งได้บินไปลอนดอน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขามีเวิร์กช็อปพอดี เลยลองไปร่วมกิจกรรม จากนั้นจึงเริ่มศึกษาเอง เริ่มซื้อหนังสือ เริ่มซื้อน้ำมันหอมระเหยเก็บ” 

        “ปกติชีวิตหลายมักมองชีวิตแอร์ฯ ว่ามีสีสัน ได้ไปหลายๆ ที่ ได้เจอผู้คนมากมาย เรียกว่าชีวิตคุณมีสีสันหลายมิติ ทราบมาว่าคุณเรียนนิติศาสตร์ ก่อนจะไปเป็นแอร์ฯ แล้วตอนนี้ยังเป็นนักปรุงกลิ่นอีกด้วย” เราพูดด้วยความทึ่ง

        เธออมยิ้ม “เส้นทางเราเป็นอย่างนี้หมดเลย” พลางทำมือเคลื่อนไหวเป็นคลื่นขึ้นลงๆ ให้เราดู 

        “ตอนเด็กๆ เราเป็นเด็กเรียนมาตลอด พ่อแม่ก็จะชมว่าเรียนเก่ง เราก็เลยรู้สึกว่าเรามีข้อดีคือเราเป็นคนเรียนเก่ง พอเริ่มโตมาอีกนิดนึงเริ่มหาตัวเองได้มากขึ้น มีจุดเปลี่ยนชีวิตที่ทำให้จากเป็นเด็กที่ไม่ค่อยมั่นใจ ไม่ค่อยกล้าแสดงออก กลายเป็นกล้าแสดงออก เพราะว่ามีแคมป์หนึ่งของ คุณนาเดีย โสณกุล (พิธีกรรายการ ดาวกระจาย) ชื่อว่า ‘Sis to Sis’ เป็นแคมป์ที่รวบรวมเด็กผู้หญิงที่กำลังโตมาทำกิจกรรมในเชิงใช้ชีวิตกัน

        “นี่คือจุดแรกที่ทำให้เราซึ่งเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ไม่กล้าคุยกับใคร เพราะพูดเหน่อ ติดสำเนียงเมืองกาญฯ เขาก็สร้างความมั่นใจให้เราภูมิใจในตัวเองไปเลย พอเข้ามัธยมปลายเลยลองสมัครประธานนักเรียน ยิ่งทำให้ self esteem พุ่งมาก จากที่เรามีอยู่แล้วแหละ แค่ตอนแรกไม่รู้ว่าจะแสดงออกมาอย่างไร พอได้เป็นประธานนักเรียนปุ๊บเลยทำให้รู้ว่าพอเราอยากทำอะไรสักอย่างเราทำได้จริงๆ นะ”

        เธอเล่าว่าที่อยากเรียนนิติศาสตร์เพราะมีคุณพ่อจบกฎหมาย แต่พอเข้าไปเรียนก็รู้ตัวว่าไม่ชอบ โชคดีที่สนใจเรื่องภาษาเป็นเดิมทุน เมื่อเรียนจบ เธอจึงตัดสินใจลองสมัครงานแอร์โฮสเตส  

        “เพราะคิดว่าน่าจะทำได้ ด้วยส่วนตัวเราชอบเจอคน ชอบคุย รู้สึกว่าชอบงานบริการ สมัครอยู่นานมาก ระหว่างนั้นก็ไปทำงานที่สถานทูตก่อน เป็นพนักงานต้อนรับคนที่จะมาทำวีซ่า เลยทำให้เราได้ฝึกในการเจอผู้คนไปด้วย เราสมัครแอร์ฯ หลายรอบมาก แต่มักตกรอบสุดท้ายตลอดซึ่งก็ไม่รู้เหมือนว่าเพราะอะไร

        “จนครั้งสุดท้าย ตอนนั้นอายุ 24 แล้ว สำหรับการเป็นแอร์ฯ ถือว่าช้าแล้วนะ คือถ้าไม่ได้ก็ไม่เอาแล้ว เราต้องไปหาอย่างอื่นทำแล้วแหละ แต่โชคดีที่ได้ซึ่งคิดว่าเพราะเรามีประสบการณ์การทำงานแล้วเรามั่นใจมาก หลังจากนั้นเราก็บินมาเรื่อยๆ เลย รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่ตอบโจทย์ตัวเองมาก เราสามารถปรับเปลี่ยนไฟลต์ได้ตลอด อยากไปบินที่ไหนก็ขอสลับได้ ตอนนั้นเราได้เลื่อนคลาสขึ้นเร็วมาก คิดว่าจะอยู่จนเกษียณที่นี่เลย แต่ในที่สุด… โควิด-19 มา ทุกอย่างเปลี่ยน”

Woody กลิ่นไม้ กลิ่นควัน 

ให้ความรู้สึกอบอุ่นแต่หนักแน่นเหมือนใจคน

        หลังจากที่ตัดสินใจหยุดงานก่อน 6 เดือนแรก ระหว่างที่กำลังค้นหาว่าตัวเองจะทำอะไรดีนั้น สายตาของเธอไปสะดุดกับน้ำมันหอมระเหยที่สะสมไว้ 

        “เราก็ปิ๊งขึ้นมาว่า เรื่องกลิ่นยังไม่เคยมีคนสอนอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เราเคยไปเรียนสบู่ เคยไปเรียนเทียน ซึ่งเขาไม่เคยสอนเรื่องกลิ่นเลย แต่กลิ่นสามารถทำให้ทุกอย่างพิเศษได้ เลยลองเอากลิ่น 30 ตัวแรกที่ซื้อเก็บสะสมตอนไปบินมาเปิดคลาสแรกซึ่งชวนเพื่อนสนิทมาเรียน โชคดีที่คลาสแรก น้องมารีญา (มารีญา พูลเลิศลาภ) มาเรียนด้วย เรารู้จักกันจากงานหนึ่งแล้วเขาพูดขึ้นมาว่า ‘ถ้าพี่น้ำเปิดคลาส มารีญาจะไปเรียนด้วย’ ซึ่งเรารักมารีญามากอยู่แล้ว ก็เลยเปิดคลาสเพราะมารีญา หลังจากจบคลาสนั้นไป แม้ว่าตอนสอนจะตะกุกตะกักบ้าง แต่เพื่อนบอกว่าเราเปิดได้นะ มารีญาก็พูดว่า ‘พี่น้ำสอนสนุกมาก’ …เปิดเลยจ้า ” 

        หลังจากนั้น น้ำก็เปิดการสอนอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก ในนามของ Qraft by AQUA เป็นจำนวน 10 คลาส ผลตอบรับคือเต็มทุกคลาส จึงทำให้เธอมีความมั่นใจว่าสามารถเดินไปในเส้นทางนี้ได้ 

        “โชคดีที่เพื่อนแชร์ให้เยอะมาก และพอเดือนแรกเต็มปุ๊บก็เริ่มมีคนสนใจเยอะขึ้นจากคนที่มาเรียนนี่แหละ เขาเริ่มบอกต่อๆ กันไป เพื่อนเขียนรีวิวให้ เพื่อนที่เป็นยูทูเบอร์ก็รีวิวให้ จนยาวมาเรื่อยๆ ถึงวันนี้” 

Earthy กลิ่นดิน กลิ่นป่า หนักแต่เย็นสดชื่น

เหมาะกับการเริ่มคลาสพิเศษในเรียนรู้เรื่องกลิ่น

 

Lesson 1

กลิ่น สมอง ความทรงจำ

        อย่างที่ได้กล่าวไปว่าความจริงแล้วเรื่องของกลิ่นมีอีกหลายมิติที่น่าสนใจให้ลองค้นหาและสนุกไปกับมัน แต่ก่อนอื่น เราควรต้องรู้ก่อนว่ากลิ่นทำงานกับร่างกายเราอย่างไร แค่จมูกได้กลิ่นแล้วจบเลยหรือเปล่า…

        “จมูกเราทำงานได้แค่สองอย่างคือหายใจกับรับกลิ่น ปิดจมูกก็คือจบแล้ว ชีวิตจบแล้ว (หัวเราะ) จากจมูก กลิ่นกับอากาศ แต่กลิ่นจะทำงานกับสมอง คือถูกส่งไปที่สมองโดยตรงทันที จึงทำให้มนุษย์รู้สึกถึงความใดๆ ต่างๆ ได้

        “กลิ่นเลยทำงานร่วมกับความทรงจำด้วย เพราะเรามีสมองส่วนที่ช่วยเก็บความทรงจำ เลยทำให้บางกลิ่นเมื่อดมแล้วเราจะ เอ๊ะ ว่ากลิ่นนี้เคยดมมาแล้ว กลิ่นนี้เหมือนที่เราเคยไป หรือเหมือนคนที่เราเคยเจอ ทั้งๆ ที่ร่างกายเราเก็บกลิ่นไว้ไม่ได้นะ แต่เราเก็บความทรงจำได้  เพราะฉะนั้น เวลาเราดมกลิ่น สมองส่วนลิมบิก (Limbic System) เลยเรียกความทรงจำกลับมาให้ จึงกลายเป็นที่มาว่าทำไมคนถึงจดจำเรื่องกลิ่นและเรียกความทรงจำกลับมาได้ ทั้งยังช่วยเปลี่ยนบรรยากาศ และอารมณ์ของเราด้วย กลิ่นช่วยมนุษย์เราได้หลายเรื่องมาก” 

        “ปกติเราจะมีคำพูดที่ว่า สิ่งของล้วนเป็นที่เก็บความทรงจำ แต่จริงๆ แล้ว กลิ่นก็เก็บความทรงจำได้เหมือนกัน” เรากล่าวพลางทำตาลุกวาวด้วยความตระหนักรู้ในสิ่งใหม่ น้ำพยักหน้าตอบแล้วเล่าต่อว่า

        “เราเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง เขาบอกว่าเวลาคนเราเจอคนคนหนึ่งแล้วเราลืมเขาไป หรือไม่ได้เจอเขา สิ่งแรกที่เราจะลืมคือเสียง เราจะจำเสียงเขาไม่ได้เลยนอกจากจะอัดเอาไว้ แล้วสิ่งสุดท้ายที่เราจะลืมคือกลิ่น ในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส กลิ่นเป็นสิ่งที่ลืมยากที่สุด จริงๆ อาจไม่ได้ลืมยาก แต่เพราะกลิ่นทำงานกับสมอง เวลาเราได้กลิ่นนั้นอีกครั้งเลยทำให้เรานึกถึงคนคนนั้นได้อีกครั้งหนึ่ง” 

        กลิ่นเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่ทำงานกับร่างกายคนเราอย่างสลับซับซ้อน รวมถึงทำให้น่าพิศวงในแง่ของจิตใจ รวมถึงความทรงจำ และยังเป็นเรื่องปกติที่เวลาคนเราได้กลิ่นเดียวกัน แต่อาจรู้สึกหรือเชื่อมโยงกับสิ่งอื่นไม่เหมือนกัน เพราะประสบการณ์และความทรงจำที่เราเคยเจอมาย่อมแตกต่างกัน กลิ่นจึงเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากๆ และไม่มีถูกผิด มีแต่จะเหม็นหรือหอม มากน้อยต่างกันเท่านั้น 

        ทุกวันนี้ในยามที่เราอยู่คนเดียวก็ยังนึกถึงกลิ่นหอมๆ ของปลาร้าทอดฝีมือแม่ได้อยู่เสมอ… 

Lesson 2

การเป็นนักปรุงกลิ่นขั้นพื้นฐาน

        สำหรับใครที่อยากเรียนเรื่องกลิ่นมากขึ้น แต่ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน เราจึงสรุป 3 หัวข้อพื้นฐานหลักอย่างสังเขปจากคำบอกลเล่าของ ‘กูรูด้านศาสตร์แห่งกลิ่น’ คนนี้มาให้ คือ 

        1. ความแตกต่างระหว่าง Essential Oil กับ Fragrance Oil นั้นมีที่มาแตกต่างกัน Essential Oil สกัดจากธรรมชาติล้วน อาจเรียกง่ายๆ ว่าของจริง แต่เพราะความเป็นธรรมชาติทำให้หลังจากสกัดออกมา กลิ่นจะไม่คงที่เหมือนธรรมชาติที่เปลี่ยนผันไปตามเวลา มนุษย์เราจึงคิดค้น Fragrance Oil หรือกลิ่นสังเคราะห์ขึ้นมาเพื่อเลียนแบบ ทำให้ในแง่ของการค้าขายดีขึ้น ที่สำคัญคือกลิ่นนิ่งและชัดขึ้น รวมถึงสามารถใช้ปรุงกลิ่นอื่นๆ ได้อีกมากมาย

        2. กลิ่นสามารถแบ่งได้หลากหลายรูปแบบ แต่หัวข้อใหญ่สุดที่คนศึกษาเรื่องกลิ่นต้องรู้คือ หนึ่ง Family ซึ่ง Essential Oil จะมี 7 Family อิงที่มาจากธรรมชาติ (แต่จะมีอะไรบ้างนั้น อยากให้ติดตามอ่านในหนังสือ) และสอง Note คือการแบ่งระดับความเข้มข้นของโมเลกุลน้ำหอม แบ่งเป็น 3 ระดับคือ top note พุ่งแรงที่สุดได้กลิ่นก่อนใคร middle note มีความนุ่มนวลลงมา และ base note เป็นกลิ่นที่ค่อนข้างหนัก และระเหยช้า ดังนั้น ใจความหลักเในการทำน้ำหอม ในหนึ่งตัวควรต้องมีให้ครบทุก note เพราะว่าเมื่อโมเลกุลที่ต่างกันผสมกันจะทำให้กลิ่นที่ได้ออกมาละมุนและเข้าที่เข้าทางขึ้น

Lesson 3

กลิ่นใช้บำบัด ไม่ใช่การรักษา

        “กลิ่นสามารถช่วยปรับสมดุล ปรับระบบประสาท และอัตราการเต้นของหัวใจ ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับร่างกายกลิ่นสามารถทำได้ค่อนข้างเยอะ แต่เราจะไม่เรียกว่าการรักษา แต่ใช้คำว่า บำบัด เพื่อเป็นการรับมือมากกว่า เช่น ฮอร์โมน อารมณ์ สุขภาพจิตต่างๆ ก็ช่วยได้เหมือนกัน 

        ถ้าเรื่องการปรับฮอร์โมน เช่น ภาวะ PMS ของผู้หญิงที่จะแปรปรวนมากๆ เขาก็จะระบุว่ามีกลิ่นไหนที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ได้ อาจทำให้เราสงบลง รู้สึกสบายใจขึ้นเลยเชื่อมโยงไปถึงเรื่องการเปลี่ยนบรรยากาศที่ส่งผลโดยตรงต่อบุคคล ดังนั้น ช่วงที่ผู้หญิงมีประจำเดือน ต้องพยายามหากลิ่นที่ช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดี ซึ่งจะมีกลิ่นที่ดมแล้วรู้เองเลยว่าอันนี้ดมเข้าไปแล้วรู้สึกร้อนผ่าว ก็จะช่วยปรับให้ปวดท้องน้อยลงได้เพราะเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น 

        หรือเป็นกลิ่นโซนสดใสที่ดมแล้วจะรู้สึกในด้านบวก อย่างกลิ่นของ Citrus และ Floral จะได้ผลค่อนข้างเยอะ ช่วยเรื่องของจิตใจและอารมณ์ เพราะมีวิจัยออกมาว่าความหวานส่งผลต่อสมองโดยตรงว่ามันคือความหอม เราเลยได้ยินคำว่า ‘หอมหวาน’ มาด้วยกันเสมอ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปรับสมดุล อารมณ์ สมอง จิตใจ ความหวานจะช่วยได้เยอะมาก”

        “ดังนั้น การที่เรากินขนมบ่อยๆ อาจเป็นเพราะว่าความหวานส่งผลต่อสมองเรานั่นเอง” เราเสริมต่อ ทำเอาน้ำหัวเราะยกใหญ่ พร้อมพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอย่างยิ่ง  

Floral กลิ่นแห่งความหอมหวานจากดอกไม้

เหมือนเวลามีความสุขที่ได้กินขนม 

        ล่วงเลยเวลาย่างบ่ายคล้อย บรรยากาศข้างนอกเริ่มอึมครึมด้วยเมฆครึ้มที่เม็ดฝนทำท่าจะตกลงมา แต่บรรยากาศภายในห้องสตูดิโอเล็กๆ แห่งนี้กลับสดใส และเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของพวกเรา

        “พอได้ฟังแล้ว กลิ่นดูเป็นเรื่องสนุกมาก” เราว่า น้ำยิ้มตอบรับก่อนจะเล่าต่อ

        “เราเริ่มรู้มากขึ้นตอนเขียนหนังสือนี่แหละ เพราะตอนแรกก็รู้แค่ผ่านๆ ไม่ได้รู้สึกว่าต้องรู้ลึกขนาดนั้น อย่างเวลาสอน เราจะสอนแค่เรื่องการผสมกลิ่น แต่พอได้เขียนหนังสือ เราต้องเริ่มหาข้อมูลที่ลึกมากขึ้น ซึ่งหายากมาก ภาษาไทยแทบจะไม่มีเลย แล้วเราต้องมานั่งอ่านให้เข้าใจก่อน ซึ่งเรื่องพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นวิทยาศาสตร์ แล้วเราเป็นเด็กเรียนสายศิลป์มาก่อน ดังนั้น เราต้องใช้เวลานานมากในการอ่าน อ่านให้เข้าใจถึงจะสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดของตัวเองได้ พอได้ศึกษาเพิ่มขึ้นแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องกลิ่นสนุกจริงๆ นะ

        “ก่อนหน้านั้นสำนักพิมพ์ avocado เขามาเรียนแล้วบอกว่าเล่าเรื่องสนุกจังเลย อยากเขียนอะไรไหม แล้วเราเป็นคนชอบเขียนสเตตัสในเฟซบุ๊กยาวๆ จึงตัดสินใจลองเขียนดู ตอนแรกวางการเขียนแค่เรื่องในคลาสก่อน ว่าเราเจอคนรูปแบบไหนแล้วเชื่อมโยงไปถึงกลิ่น ว่าเราจะเล่าอะไรได้บ้าง ทางสำนักพิมพ์อ่านแล้วก็ถามอีกว่า ลองเขียนเรื่องที่ใหญ่กว่านี้หน่อยได้ไหม เช่น กลิ่นของโลกใบนี้ เราก็… โอ้โฮ” เธอทำท่าทางเซอร์ไพรส์ประกอบ

        น้ำเล่าว่าช่วงที่เธอเขียนหนังสือ เธอเริ่มจากการตั้งคำถามก่อนว่าตัวเองอยากรู้เรื่องอะไรบ้าง พอคำถามส่วนตัวเริ่มหมด เธอก็ไปถามจากเพื่อนๆ ว่าสนใจเรื่องอะไรเป็นพิเศษแล้วไปหาข้อมูลมา ตอนแรกส่งต้นฉบับไปมีเนื้อหาเยอะมาก “แต่โชคดีที่ทางสำนักพิมพ์ช่วย groom ให้เข้าที่มากขึ้น” 

Citrus กลิ่นส้ม มะนาว สดชื่น ซู่ซา สีสันแห่งชีวิต

ต่อให้ชีวิตสู้กลับ เราก็แค่สู้กลับไปอีกรอบ

        อย่างที่น้ำได้เล่าไปในช่วงต้นว่า เส้นทางชีวิตเธอเปลี่ยนผันอยู่ตลอดเวลา จนถึงตอนนี้และต่อจากนี้ก็คงไม่อาจคาดเดาความแน่นอนได้ เนื่องจากมิถุนายนนี้เป็นเดือนสุดท้ายแล้วที่เธอลาหยุดไว้ และเดือนหน้า (กรกฎาคม) เธออาจจะต้องกลับไปเริ่มทำหน้าที่แอร์โฮสเตส อาชีพหลักของเธออีกครั้ง แต่เธอก็ยังไม่อยากทิ้งสตูดิโอที่ปลุกปั้นมากับมือนี้ไป จึงอยากจะลองทำทั้งคู่ดูก่อนว่าจะเป็นอย่างไร

        “เราอยากลองทำดูก่อน ถ้าทำไม่ได้ก็ค่อยเลือก ไม่อยากลาออกตอนนี้โดยที่ยังไม่รู้เลยว่าเป็นอย่างไร เราอาจจะทำทั้งสองอย่างได้ดีก็ได้

        “เรารู้สึกว่าคนเราไม่จำเป็นต้องมีอาชีพเดียว จากประสบการณ์มันทำให้รู้ว่า เราไม่มีทางรู้เลยว่าวันข้างหน้า อยู่ดีๆ อาชีพที่เราทำอยู่มันจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป เลยคิดว่าการมีอาชีพอีกทางที่รองรับไว้ มันน่าจะดีกว่า 

        “อีกเรื่องที่อยากแนะนำคือ ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่ชอบ เราจะอยู่กับมันได้นานมาก แล้วเราแทบจะไม่ต้องฝืนกับมันเลย เราจะอยู่กับมันได้ตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าคิดจะทำอะไร ให้เริ่มต้นจากความชอบ ซึ่งความชอบจะเป็นสิ่งสำคัญในการประกอบอาชีพต่อไปในอนาคต”

Herb สมุนไพร ความสลับซับซ้อนจากกลิ่นพืช 

เหมือนกับความหลากหลายมิติของชีวิตคน

        ในที่สุดเม็ดฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา พร้อมกับบทสนทนาโค้งสุดท้ายของเราทั้งคู่ เราถามน้ำว่า ตั้งแต่ชีวิตเปลี่ยนจากโควิด-19 ทำให้เธอได้เรียนรู้ หรือได้มุมมองใหม่ๆ จากชีวิตอย่างไรบ้าง 

        “ไม่ใช่แค่โควิด-19 แต่เราเรียนรู้มาจากทั้งชีวิตว่า คนเราไม่จำเป็นต้องจบอยู่แค่กับหนึ่งความฝันก็ได้ เราสามารถฝันได้ต่อไปเรื่อยๆ อย่างเราเคยฝันว่าอยากเรียนนิติฯ เราก็ทำได้แล้ว แต่ถ้าฝันนั้นไม่ตอบโจทย์เราก็แค่ไปลองดูอีกทางหนึ่ง อยากเป็นแอร์ฯ เราได้เป็นแล้วทำได้ดี จบ แต่วันหนึ่งที่อาชีพแอร์ฯ ไม่ดีขึ้นมา ทำไมเราถึงจะฝันต่อไปไม่ได้ 

        “บางคนอาจรู้สึกว่ายิ่งอายุเยอะแล้ว อย่าไปฝันเยอะเลยทำเท่าที่ทำได้เถอะ แต่เรารู้สึกว่าไม่ว่าจะอายุแค่ไหน เรามีสิทธิ์ที่จะฝัน เรามีสิทธิ์เลือก ทุกคนมีสิทธิ์เลือก เลือกที่จะตามฝันต่อ อย่างเราพอได้ทำเรื่องกลิ่น ก็จะมีความฝันต่อเนื่องไปอีกว่าเราอยากให้เรื่องนี้ไปอยู่ในวงกว้างมากขึ้น เราอยากพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่คนรู้จักมากขึ้นในฐานะคนสร้างกลิ่นให้ได้มากขึ้น” 

        ก่อนจบการสนทนา น้ำปิดท้ายการพูดคุยด้วยประโยคที่สร้างพลังใจ ท่ามกลางความสดชื่นของกลิ่นมินต์จากบรรดาเทียนหอมบนโต๊ะว่า…

        “ความฝันไม่ได้จบแค่ทำจนสำเร็จ แต่เราสามารถต่อยอดฝันนั้นไปอีกได้” 


เรื่อง: คุลิกา แก้วนาหลวง | ภาพ: นภัสสร เจริญสุข