มองย้อนกลับไปสามทศวรรษก่อน ทั้งประเทศจับตาเขาและครอบครัวในฐานะผู้ทรงอิทธิพลในท้องถิ่น และเป็นนักการเมืองระดับประเทศที่กุมอำนาจไว้มากมาย เคยเข้าไปนั่งเก้าอี้บริหารมาหลายกระทรวง ทุกคนรู้กันว่าเขาคือหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่สามารถปั้นรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีได้ ก่อนที่จะประกาศยุติบทบาททางการเมืองในปี 2555
สิ่งที่น่าสนใจ คือ ณ ปัจจุบัน ความเป็นผู้ทรงอิทธิพลของเขาได้แพร่กระจายตัวออกและเปลี่ยนแปลงรูปแบบไป จากผลของความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งทศวรรษที่ผ่านมา เด็กหนุ่มสาวยุคใหม่ เจนฯ วาย เจนฯ แซด รู้จัก เนวิน ชิดชอบ ในภาพลักษณ์ใหม่ ในขณะที่คนรุ่นเก่าๆ ก็ยังคลางแคลง หวาดระแวง และแอบจับตาดูเขาในบทบาทที่พลิกโฉมไปจากเดิม
ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีได้ละลายตัวตนเดิมของเขา แล้วนำพาเขาหลั่งไหลทะลักทะล้นออกไปสู่ปริมณฑลใหม่ๆ มากมายและกว้างไกล ภาพจำใหม่คือภาพแห่งความสำเร็จในฐานะประธานสโมสรฟุตบอล ที่มีบทบาทและสีสันมากที่สุดในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลไทย ทีมปราสาทสายฟ้า – บุรีรัมย์ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมอันดับ 1 ของประเทศ มีที่ยืนในโลกฟุตบอลเอเชียแบบไร้ข้อกังขา
แล้วต่อมาก็ค่อยๆ ต่อยอดเพอร์ซันนอลแบรนด์ของตัวเองให้กลายเป็นแบรนด์ธุรกิจอีกหลายอย่าง อีกทั้งเปลี่ยนจังหวัดทางผ่านให้กลายเป็นหมุดหมายที่ผู้คนหันมาสนใจและต้องมาเยือน ด้วยเมกะโปรเจ็กต์มากมายทยอยออกมาเปิดตัวผ่านสื่อ
จนล่าสุดเมื่อคนอย่างเขาออกมาหนุนหลังอีสปอร์ต พร้อมประกาศสร้างทีมอาชีพ สร้างสนามแข่งขัน และอคาเดมีเพื่อปลุกปั้นผู้เล่นในอนาคต เด็กรุ่นใหม่ออกมาไชโยโห่ร้องด้วยความสนุกสนาน ในขณะที่คนรุ่นเก่าอย่างเราเกิดข้อสงสัยในใจ
ทำไมจึงดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วราวกับเพียงแค่พลิกฝ่ามือ จากที่เคยติดตามข่าวคราวของเขามานานตั้งแต่สมัยเป็นนักการเมือง กลับพลิกโฉมตัวเองเข้ามาจับธุรกิจใหม่ และจับจิตจับใจคนรุ่นใหม่ได้อย่างน่าทึ่ง
อะไรที่ทำให้ชายในวัยแซยิดแบบนี้ปรับเปลี่ยนตัวเองได้อย่างรวดเร็วฉับไว มุมมองต่อเทคโนโลยีใหม่ โอกาสทางธุรกิจใหม่ โลกรอบตัวของเรากำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางไหน และที่สำคัญที่สุด อิทธิพลของเขาจะดำรงอยู่ต่อไปในรูปแบบใด ในโลกแห่งเทคโนโลยีที่พัดโหมกระหน่ำเข้ามาราวกับพายุหมุน
ตอนที่ผู้อ่านได้อ่านบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ ทีมปราสาทสายฟ้าของคุณคงจะได้แชมป์ไทยลีกไปอีกสมัยแล้ว ความสำเร็จในระดับนี้ คุณรู้สึกอย่างไร
ชัยชนะ ได้แชมป์ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องดีเสมอ แฟนทีมเราเองก็ชื่นชอบในชัยชนะ แต่ส่วนตัวยังไม่พอใจหรอก เป้าหมายในการทำทีมยังต้องมีก้าวต่อไปอย่างชัดเจน
สำหรับไทยลีก ผมอยากมั่นใจได้เร็วกว่านี้ว่าทีมเราจะเป็นแชมป์ อยากจะมั่นใจตั้งแต่เลกแรกของฤดูกาล จบในตำแหน่งจ่าฝูงโดยมีช่องว่างจากทีมอื่นสัก 6-10 แต้ม เป็นแบบนั้นก็การันตีแชมป์ได้ ผมรู้สึกว่าช่วงต้นฤดูกาลเป็นเรื่องยากทุกทีสำหรับบุรีรัมย์ฯ เพราะเรามีโปรแกรมต้องไปแข่งเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เราจึงหนักมากทั้งเกมในสนาม เพราะตอนนี้ไม่มีทีมไหนเอาตัวสำรองมาเจอบุรีรัมย์แล้ว เขาขนตัวจริงชุดที่ดีที่สุดมาชนเราตลอด และยังเรื่องนอกสนาม การเดินทาง เรื่องขาใหญ่ พวกนี้มันมีหมดนั่นแหละในโลกฟุตบอล ธงแฟร์เพลย์ที่ใช้ก่อนเกมก็กางแค่ในสนาม พอนอกสนามก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจุดนี้ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบ ก็ต้องยอมรับให้ได้ในถ้าจะอยู่ในเกมนี้
เชื่อไหมว่าเราไปแข่งรายการเอเชียแต่ละเกมๆ ต้องควักอย่างน้อยเกมละ 3 ล้านบาท บอกกันไว้ก่อนเลยนะ เพราะเห็นหลายๆ คนคันกันนัก อยากไปกันนัก มันไม่ง่ายหรอก นรกเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก มันน่ากลัวกว่านรกไทยลีกเยอะ เมื่อบุรีรัมย์ฯ มีงานหนักในรายการเอเชีย ขณะที่ทีมอื่นกลับได้มาเจอเราอย่างสมบูรณ์แบบจากปรีซีซัน ตัวผู้เล่นพร้อม ซ้อมมาเต็มที่ ดังนั้น หากทีมเรารับมือไหว ได้ผลแข่งขันตามที่ต้องการ ความสำเร็จก็จับต้องได้แน่ๆ
อีกเป้าหมายที่ผมมุ่งไปตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือ ให้นักเตะอายุน้อยๆ ลงสนาม ทั้งในไทยลีกและเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เพื่อเก็บประสบการณ์และพัฒนาทีมไปพร้อมกัน ตอนนี้เราจึงได้เห็น ศุภชัย ใจเด็ด, สุภโชค สารชาติ, รัตนากร ใหม่คามิ ฯลฯ เด็กพวกนี้อายุยังไม่ 20 ดีเลย แต่ฟอร์มการเล่น ศักยภาพร่างกาย สามารถขึ้นไปเบียดกับซูเปอร์สตาร์ทีมชาติรุ่นพี่ได้แล้ว นี่คือจุดต่างของเด็กที่เติบโตมาจากระบบการสร้างของบุรีรัมย์ฯ ซึ่งแตกต่างจากอคาเดมีของทีมอื่นอย่างชัดเจน
ขอยกตัวอย่าง อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ อยู่กับเรา ทีมเราพยายามแล้วหาที่ลงไม่ได้จริงๆ แล้วเป็นยังไง พอเขาไปบางกอกกล๊าส เอฟซี กลายเป็นนักเตะตัวจริงคนสำคัญไปแล้ว เป็นคนที่กองเชียร์ถามหาในทีมชาติ นี่คือความต่างของเยาวชนบุรีรัมย์ เป็นดอกผลที่มาจากการทุ่มเทสร้างอคาเดมีลงไป
เชื่อเถอะว่าการสร้างผู้เล่นขึ้นมาเองมันมีข้อดีเยอะมาก ไม่ใช่ภาระที่ถูกผลักมา เงินลงทุนน้อยกว่า ตอนนี้นักเตะไทยฝีเท้าดีๆ อายุน้อยๆ ราคาสูงมาก ห้าล้านบาทซื้อไม่ได้หรอก ที่สำคัญ ทีมได้คนที่รู้จักทีมจริงๆ รักทีมจริงๆ ให้ใจกับเราเต็มเปี่ยม อย่างอานนท์ ตอนนี้มีสัญญายืมตัวและซื้อขายขาดในราคา 19 ล้านบาท ซึ่งยินดีหากมีการซื้อเข้ามา เพราะเราสามารถเอาไปพัฒนาสร้างนักเตะขึ้นมาใหม่ได้อีก
นักเตะมีราคางอกเงยขนาดนี้ ถือเป็นผลกำไรมหาศาลจากที่ทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ดได้ลงทุนไปใช่ไหม
ทำธุรกิจย่อมต้องหวังผลกำไร ผมไม่ได้ทำฟุตบอลเพราะหวังชื่อเสียง บางคนมาทำเพราะอยากเป็นที่รู้จัก ก็เอาเงินมาลงๆ บางคนมาทำฟุตบอลเพราะหวังผลทางการเมือง แต่ผมทำเพราะอยากชนะและอยากเป็นฟุตบอลอาชีพ ซึ่งต้องมีกำไร ตอนนี้เรามาไกลมาก ปีหน้าจะยื่นบุรีรัมย์ยูไนเต็ดเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นมหาชน เพราะเราเชื่อว่าการจะทำให้องค์กรยั่งยืนต้องมี good governance มีการควบคุมภายในที่ดี มีธรรมภิบาล นักฟุตบอลบุรีรัมย์ฯ ทุกคนต้องเสียภาษีครบร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้แต่รายได้จากของที่ระลึกและรายได้พนักงานก็ตาม ทุกอย่างต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้
ซึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับทีมฟุตบอล ในเอเชียไม่มีเลย ยกตัวอย่าง กว่างโจวเอเวอร์แกรนด์ ในจีน ที่เข้าไปตลาดหลักทรัพย์ได้ ไม่ใช่มีแค่ธุรกิจทีมฟุตบอล แต่มีเรื่องอื่นมาด้วย ทั้งอสังหาริมทรัพย์ มหาวิทยาลัย แต่บุรีรัมย์ยูไนเต็ดเข้าด้วยทีมฟุตบอลอย่างเดียวเท่านั้น ไม่มีสนามแข่งรถหรือโรงแรมมาเกี่ยว
ในอนาคต ซึ่งตอนนี้เราเริ่มแล้ว นั่นคือบุรีรัมย์ฟุตบอลแอนด์อีสปอร์ต ตอนนี้เราเซ็นสัญญากับเกมเมอร์ไปแล้ว วางแผนทำสนามแข่งขัน ปัจจุบันมีที่เดียวคือเดอะสตรีท รัชดา จากที่ไปดูสถานที่มาด้วยตัวเอง ผมเชื่อว่าบุรีรัมย์ฯ สามารถทำได้แน่ๆ แต่เราไม่ได้เป็นคู่แข่งกันนะ ขอให้มองเป็นเพื่อนกัน ช่วยให้วงการนี้โตขึ้นเพื่ออุ้มซึ่งกันและกัน เมื่อมีสเตเดียมเพิ่ม รายการแข่งขันมีมากขึ้น จำนวนคนเล่นก็มากขึ้น เรื่องคอมเมอร์เชียลก็ตามมา ทุกวันนี้กลุ่มคนที่เล่นอีสปอร์ตมากกว่า 10 ล้านคน แต่กระจายออกไปไม่เป็นกลุ่มก้อน ยังเล่นกันเป็นมวยวัดหัดกันเองเสียมาก จะได้ทริกอะไรก็ยากลำบาก
ดังนั้น บุรีรัมย์ฯ ทำหมดเลย ทั้งสนามแข่ง ทีมแข่ง รวมทั้งอคาเดมีสร้างนักแข่ง ซึ่งคุณต้องมีความเชื่อก่อน คุณต้องยอมรับก่อนว่าตอนนี้ E กำลังครองโลก แต่ไม่ใช่อีส้ม อีมะนาวนะ พวกนั้นครองโลกมานานแล้ว อย่างพวกเราอย่าไปคิดสู้ (หัวเราะ)
เราสงสัยว่านักการเมืองรุ่นเก่า วัยปาเข้าไปหกสิบ ทำไมหันมาสนใจและกล้าลงทุนกับเรื่องทันสมัยไฮเทคโนโลยี
ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้จักเลย ก็มาเห็นจากลูกสาวลูกชายนี่แหละ พวกมึงติดเกมอะไรกันนักหนา ติดเกมเสียการเสียงาน เห็นแล้วผมรำคาญตา รู้สึกเสียเวลา แน่นอนคนเจเนอเรชันผมไม่เข้าใจหรอก เราย่อมต้องมองแบบไม่พอใจทั้งนั้น แต่พอได้คุยกันแบบเปิดใจกว้างๆ สิ่งที่ได้รับรู้ใหม่ คือ โอ้โฮ กูนี่ตกยุคไปแล้วว่ะ กูนี่โง่จริงๆ แอนะล็อกของจริงเลยกู
ความรู้สึกแรกที่ผุดขึ้นมา มันพาย้อนไปนึกถึงสมัยหนุ่มๆ เราเตะฟุตบอล โลกของคนเตะบอลสมัยนั้นถูกผลักไปเป็นโลกของเด็กเกเร เรียนแย่ เรียนไม่ได้ เลยเกาะกลุ่มกันไปเตะบอล ก็เหมือนกับวันนี้ที่ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ของเมืองไทยมองเด็กเล่นเกม หมอยังออกมาบอกถ้าไม่แก้ ไม่รักษา จะเป็นปัญหาซินโดรมอะไรกันไปใหญ่
ลูกผมมาอธิบายให้ฟังง่ายๆ ด้วยคำถามว่า พ่อรู้ไหม ประเทศไทยตอนนี้มีคนเล่นเกม 10 ล้านคน มูลค่าธุรกิจกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี เออ กูโง่จริงๆ ว่ะ ที่สำคัญ เรื่องนี้มันสอดคล้องกับการสร้างบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ที่ผ่านมาพ่อก็ใช้ E ทั้งนั้น คือพวกเฟซบุ๊กกับอินสตาแกรม ไม่มีหรอกที่ไปจ้างสื่อมาโปรโมต จนมาถึงวันนี้เรามีแฟนบุรีรัมย์ยูไนเต็ดกว่าล้านคนที่ประกาศตัว ลูกพูดให้ฟังแบบนี้แล้วมันใช่ คุณมองธุรกิจตอนนี้สิ ใครจะเชื่อว่าสื่อใหญ่อย่างบีอีซีเทโร ไทยรัฐ เดลินิวส์ เนชั่น จะขาดทุน นี่ไงพิสูจน์ว่าเป็นพลังของ E นี่ไงมันเปลี่ยนโลกไปแล้ว
โลกฟุตบอลก็เหมือนกัน ปีหน้าพรีเมียร์ลีก คุณจะดูทางทีวีไม่ได้แล้ว ต้องไปโน่นเลย เฟซบุ๊ก อาชีพที่เกี่ยวข้องแต่ไม่ปรับตัวก็ตายแน่ๆ ยิ่งคนสมัยนี้ พวกเจนฯ วาย เจนฯ แซด โลกเปลี่ยนไปจนกลายเป็น Economy of Speed ไม่ใช่ Economy of Scale แล้วนะ ธุรกิจใหม่ต้นทุนต่ำกว่าเดิมมาก แถมได้ผลตอบรับที่ดีกว่า ตรงจุดกว่า
ดูสื่อกีฬาสิ Goal.com ต้นทุนน้อยกว่าสยามกีฬาตั้งเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะ E เหรอ มันสู้กันที่ความเร็ว สื่อกระแสหลักก็เลยต้องปรับมาเล่นออนไลน์ ไม่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีใครรอคุณเหมือนก่อนแล้ว เรื่องเกิดตอนนี้ ไม่มีคนรออ่านพรุ่งนี้ ผมเองยังเสียเงินซื้อหนังสือพิมพ์อ่านอยู่ แต่ถ้าต่อไปเห็นพาดหัวมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แบบนี้ไม่ต้องซื้อก็ได้นี่หว่า
เทคโนโลยีคืออะไร สำหรับคนรุ่นคุณ
สำหรับผมเอง มันคือความเร็วที่ไม่มีขอบเขตจำกัดทั้งเวลา ระยะทาง สถานที่ ทำให้เราสื่อสารกันง่ายเร็วขึ้น ทำอะไรใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น ส่วนตัวผมเชื่อในความคิดสร้างสรรค์ คนเรามีต้นทุนต่างกัน แต่ความคิดสร้างสรรค์ การลงมือทำอย่างตั้งใจ และอดทนนั้น เรามีได้เท่ากัน จึงมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน ซึ่งเทคโนโลยีช่วยให้ความสำเร็จเกิดเร็วขึ้นได้
หากต่อไปเราวัดกันที่ความเร็วแล้ว จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจอย่างไร
ยกตัวอย่างสำหรับคนทำคอนเทนต์อย่างคุณ คุณก็ยังเป็นมนุษย์ Content is the king อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ วิธีเล่าเหมือนเดิม คือคุณต้องคิดว่าจะทำยังไงให้เตะตาดึงดูด เพียงแต่ที่เปลี่ยนไปก็คือระบบกระบวนการสื่อสารที่ใช้ หากเป็น E มันไปได้เร็ว ไกลข้ามประเทศก็ได้ ไปแบบทันทีทันใด แถลงข่าวใหญ่ตอนนี้ ไลฟ์ก็เห็นเลยตอนนี้ พวกหนังสือพิมพ์ยิ่งปรับมาใช้ออนไลน์มากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับฮาราคีรีตัวเอง ยุคสมัยเปลี่ยนรูปแบบชีวิตเปลี่ยนทุกอย่างต้องปรับตัว
เทคโนโลยีมันจะเข้ามาทดแทนสิ่งเก่าได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ยกตัวอย่างกับปัญหาที่เถียงกันไม่ตกเกี่ยวกับอีสปอร์ต ผู้ปกครองจำนวนมากไม่สนับสนุน เขาบอกว่าเกมพวกนี้แท้จริงแล้วมันไม่ใช่กีฬา
เรื่องนี้มันพาเราย้อนกลับไปที่แก่นของความเป็นมนุษย์ เรื่องพื้นฐานแรกสุดของชีวิตคืออะไร ก็คือเรื่องการเอาชีวิตรอด เรื่องปากท้องใช่ไหม ผมมองประเด็นถกเถียงว่าอีสปอร์ตดีไม่ดี เป็นกีฬาหรือเปล่า เรื่องแบบนี้เป็นปัญหาของเจเนอเรชันเก่าๆ อย่างผมคือพวก 50 ปีขึ้น ยังไงๆ เราก็มองว่าไม่ใช่กีฬาแหงๆ แต่ถ้าต่ำกว่า 50 ปี อาจจะว่ายอมรับได้ว่ามันเป็นกีฬา
สำหรับผม ผมมองไปที่เรื่องปากท้อง ไอ้คำว่ากีฬาที่คุณอยากสนับสนุนเพื่อความเป็นเลิศโน่นนี่นั่นก็ทำไป กีฬาที่คุณยอมรับแทบทั้งหมด อยู่ในโลกกีฬาสมัครเล่นทั้งนั้น มีอาชีพบ้างไหมล่ะ ต่อยอดให้พวกเขาได้ไหมล่ะ อย่างในบ้านเราขอยกตัวอย่างที่เห็นภาพชัดๆ กีฬายกน้ำหนักคนไทยเก่งมาก ได้เหรียญทองโอลิมปิก พอได้เหรียญแล้วทำอะไรต่อ ขอโทษนะ นี่ยังไม่เคยเห็นบริษัทน้ำมันมวยจ้างเป็นพรีเซ็นเตอร์เลย พอได้เหรียญรางวัลมา สุดท้ายก็รอบรรจุเป็นข้าราชการทหาร ตำรวจ มันมีเท่านั้นเองเหรอ
“
จะกีฬาหรือไม่กีฬา ผมว่าไม่เกี่ยว ผมว่ามันต้องเลี้ยงชีพได้ ต้องมีอุตสาหกรรมรองรับอย่างต่อเนื่อง หากไม่สามารถทำแบบนี้ได้ แล้วจะเสียเวลาไปทำไม
”
สำหรับอีสปอร์ต สิ่งที่คุณปฏิเสธไม่ได้คือ คนเล่นเกมไม่น้อยลงแน่ๆ แล้วเห็นไหมว่ามันมีอุตสาหกรรมอะไรรองรับอีกบ้าง แทนที่จะเถียงกันว่าถ้าสนับสนุนแล้วเด็กมันจะไม่เรียน ทำไมไม่คิดให้โรงเรียนสอนมันเล่นอย่างถูกวิธี ฝึกยังไงให้เก่ง ให้เด็กมันดูแลตัวเอง ให้มันสร้างอนาคตไปอย่างไร พวกบ้าเกมรักเกมมากๆ ทำไมไม่คิดสอนให้เขาเข้าใจ แล้วเราสอนให้เขาสร้างเกมเองเลยได้ไหม คนพวกนี้แหละที่จะทำเกมได้ เพราะมันบ้า มันรักที่จะทำ รู้สึกว่าตรงไหนสนุกมันก็ถูกดึงดูดให้ไปตรงนั้น หากทะลุไปจนสามารถเขียนโปรแกรมสร้างเป็นผลงานตัวเอง คิดเกมเองได้ รายได้จะมหาศาล อยู่สบายไปทั้งชาติ ดูง่ายๆ หากเกมเลวร้ายทำไม นินเทนโด โซนี่ ถึงรวยเอาๆ
สำคัญที่สุด ในโลกแห่งอนาคต กีฬาเป็น sport อย่างเดียวไม่ได้ ต้องบวก entertainment โยนบันเทิงใส่เข้าไป ดูมวยไทยที่ลุมพินี ราชดำเนิน รายได้เป็นยังไงกันตอนนี้ ทั้งคนจัดคนชก ย้อนไปดูความนิยมของมวยไทยแท้ๆ ราชดำเนิน ลุมพินี มันเทียบกับ Thai Fight ไม่ได้ พวก UFC Martial Art มวยกรงที่ยกระดับเป็น Sport Entertainment มวยไทยแบบเก่าทำรายได้สู้ไม่ได้แล้วนะ เพราะพวกนี้ขายความบันเทิงไปได้ทั่วโลก ทั้งๆ ที่เรื่องทักษะการชกจริง เอาแชมป์ลุมพินีของเราไปชกกับแชมป์ไทยไฟต์ ในกติกาและน้ำหนักเดียวกัน ผมว่าลุมพินีชนะขาด
ผมว่าอีสปอร์ตนี่คือโคตร Sport Entertainment มีเลือกหลากหลายตามแต่จะถูกจริต ไหนใครชอบ ROV PubG DotA ชอบบอลก็ไปหา FIFA PES มันเป็นความบันเทิงส่วนตัวเลย เพราะฉะนั้น ก็ช่วยทำความเข้าใจด้วยนะพวกคุณพ่อแม่ปู่ย่าทั้งหลาย เราต้องเปิดใจ ทำตัวฉลาดขึ้นหน่อย ผมเองก็เคยคิดแบบพวกคุณมาก่อน จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เล่นสักเกม แต่ผมยอมรับการเปลี่ยนแปลง นี่มันโลกของคนยุคใหม่ ไม่ใช่ยุคของพวกเราแล้ว เรื่องพวกนี้เอาคน 50 อัพมาทำก็มีแต่จะเจ๊ง
เรื่องนักกีฬาก็เหมือนกัน กว่าจะเป็นมืออาชีพทีมบุรีรัมย์ได้ มันยากไม่น้อยกว่าการเป็นนักฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ฯ ทีมฟุตบอลเราขึ้นชื่อเรื่องวินัยเคร่งครัด ไม่มีหลุดเหลวไหล ซ้อมเต็มที่เฉลี่ยวันละ 2 ชั่วโมง แต่นักกีฬาอีสปอร์ตระดับแถวหน้าซ้อมวันละไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง เก็บตัวในบ้าน มีคนหุงอาหารเพื่อให้มีสมาธิกับเกม กินนอนด้วยกัน ดูสิ มันบ้ากว่านักฟุตบอลอีก แสดงว่าพวกนี้ต้องมีวินัยสูงซ้อมหนัก ถึงเป็นอาชีพได้ เราจะไปเหมารวมพวกเล่นเกมไปวันๆ ไม่ใช่ จากใจเลยนะ ฟังวิธีสร้างทีมอีสปอร์ต ผมว่าให้กลับไปทำทีมฟุตบอลง่ายกว่า
ขอถามเป็นความรู้หน่อย ว่าทำไมมันไม่เป็นเกมคอมพิวเตอร์ต่อไปล่ะ จะข้ามมาเป็นกีฬาเพื่ออะไร
อย่างที่อธิบายไปแล้วว่าสำหรับผม มันต้องสร้างอาชีพได้ สร้างอุตสาหกรรมรองรับต่อเนื่องไปได้ และต้องเป็นความบันเทิง ไม่ว่าจะหมู่หรือเดี่ยวก็ตามที หากเข้าข่ายนี้ ผมโอเค แล้วไปๆ มาๆ ไอ้คำว่าอีสปอร์ตมันกลายเป็นเวรเป็นกรรมของพวกเกมเมอร์ไปเลย หากไม่เอาคำว่า sport มาต่อท้าย ก็จะไม่ต้องไปเถียงกับโอลิมปิก เอเชียนเกมส์ ห่าเหวบ้าบออะไร ส่วนตัวก็เลยไม่เห็นความจำเป็นที่เกมคอมพิวเตอร์ ต้องไปเป็น sport หรือกีฬาเลย เพราะมูลค่ามันมหาศาลอยู่แล้ว
คนดูอีสปอร์ตที่แข่งชิงเงินรางวัลระดับนานาชาติ ก็มากกว่าผู้ชมที่ดูอีสปอร์ตตามมหกรรมกีฬาอยู่แล้ว เอาแบบนี้ไหม เรามาเรียกมันว่า ‘อีเกม’ ให้รู้แล้วรู้รอดกันไป จะได้ไม่ต้องไปเถียงกับพวกป้าๆ จากหน่วยไหน ไม่ต้องเถียงกับย่าทวดคนไหนอีก
และถึงแม้ต่อให้เรียกว่า ‘อีเกม’ บุรีรัมย์ฯ เราก็จะเข้ามาทำอยู่ดี เพราะเรามองเรื่องโอกาสทางธุรกิจ เหมือนกับตอนที่เราตัดสินใจทำสนามแข่งรถ ตอนแรกมีคนต่อต้าน จะทำให้มีรถซิ่งมากขึ้น คนขับรถเร็วแล้วอันตราย ลงทุนทำไม เป็นกีฬาจริงเหรอ เหมือนกันเลย พวกเขาไม่มองเรื่องอื่น จนถึงปัจจุบัน เราได้ MotoGP มาแข่งขันในเดือนตุลาคมนี้แล้วนะ เรามีผู้ชมจากทั่วโลกจับจ้องรายการนี้หลักร้อยล้านคน มีการลงทุนจากบริษัทรถมอเตอร์ไซค์เท่าไหร่ พอแบรนด์พวกนี้มาลงทุนตั้งโรงงาน เกิดงานแก่คนไทยเท่าไหร่ สร้างรายได้มากมาย
คนแอนะล็อกรุ่นเดียวกับผม บางทีก็ชอบค้านเรื่องเล็กๆ แบบชื่อนี่แหละ อย่างที่บอก เออ กูไม่เป็นอีสปอร์ตก็ได้ เป็นอีเกม มึงจะค้านกูอีกไหม พร้อมสนับสนุนหรือยัง พูดเรื่องนี้ยิ่งน่าคิด จีน เกาหลี มันก้าวไปมากกว่าแค่ตลาดที่เล่นเกม กลายมาผลิตเกมขายทั่วโลกไปแล้ว คิดดูสิหากมีคนไทยคิดเกมแบบ ROV แต่เป็นประวัติศาสตร์สงครามไทยพม่า มันจะน่าสนใจขนาดไหน สังคมที่ E มันขับเคลื่อนเรื่องเครียดๆ หนักอย่างการศึกษาควรสื่อสารในรูปแบบบันเทิงได้แล้ว ลองคิดเกมที่แข่งกันคิดเลข เกมฟิสิกส์ เด็กอาจจะอยากเรียน ตั้งใจกว่าเดิมอีก ในเมื่อเทคโนโลยีมาหน้าบ้านแล้วเอามาใช้สิ คุณหยุดมันไม่ได้หรอก
หากเอาเกมคอมพิวเตอร์มาใส่ในเรื่องการศึกษา เดาว่าก็ต้องมีพวกแอนะล็อกมาคัดค้านอีกนั่นแหละ
ใช่ ก็ยังมีพวก ‘อีค้าน’ กับทุกเรื่องแบบนี้ ถ้าเอาเทคโนโลยีมาช่วยให้การเรียนน่าสนใจขึ้นได้จริง เด็กศึกษาด้วยตนเองได้ พอถึงเวลาก็ไปทำสอบได้ ทุกอย่างก็น่าจะจบ แล้วที่รัฐบาลประกาศปาวๆ ว่าประเทศไทยเข้ายุค 4.0 แล้ว มันคืออะไรเนี่ย เฮ้ย นี่ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่ะ วันนี้ถ้าเรายังสับสน ไม่คิดให้ตกผลึก ประเทศเราไปไหนไม่ได้หรอก
นายกฯ ประกาศยุค 4.0 เป็นยุคที่เอาเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้นในทุกเรื่อง แต่กระทรวงสาธารณสุขออกมาประกาศว่าเด็กติดเกมมีปัญหาสมาธิสั้นไม่ดี ต้องเข้ามารักษา แล้วกระทรวงสาธารณสุขเคยคิดเอาเทคโนโลยีอะไรมารักษาเด็กสมาธิสั้นไหม มันอาจจะมีดีกว่าวิธีเก่าก็ได้นะ ไม่มีเด็กสมาธิสั้นคนไหนหรอกที่มานั่งเล่นเกมได้เป็นชั่วโมงๆ หากสมาธิสั้น มันทำอะไรไม่ได้สักอย่าง อันนี้ผมคิดของผมเองนะ
ที่เถียงๆ กัน เพราะสังคมไทยเรามองอะไรเป็นขาว-ดำ แบ่งฝักแบ่งฝ่ายทุกเรื่อง
บ้านเราเมืองพุทธ แก่นคำสอนก็คือเดินสายกลาง เรียกว่ามัชฌิมาปฏิปทา แต่พวกที่เรียกตัวเองว่าคนพุทธ ไม่เห็นจะเดินสายกลางกันเลย ก็เลยวุ่นวายจนทุกวันนี้ไง ก็เพราะเลือกข้างกันนักไง ไม่เป็นแดง ก็เป็นเหลือง ไม่มีสีบ้างไม่ได้เลยเหรอ ที่เถียงกันก็สะท้อนเรื่องนี้ออกมา หรืออาจจะมีเรื่องที่ยังคิดไปไม่ถึง เพราะกูแอนะล็อกไง กูไปไม่ถึงเทคโนโลยี กูไม่เข้าใจ ดังนั้น กูจึงไม่เอาดีกว่า เพราะเดี๋ยวถ้ามันมาแล้ว กูกลายคนโง่ไปเลย จากเดิมที่เคยเป็นคณะกรรมการกีฬาบ้าบอ ก็มาประชุมในฟอรัมนี้ไม่ได้ เพราะไม่รู้เรื่องพวกนี้ มันของคนผมดำ พวกเราหัวหงอกแล้วเลยมาไม่ได้ อาจจะทำให้สูญเสียสถานะของตัวเองไป อาจมีมนุษย์ส่วนหนึ่งที่คิดแบบนี้ เพราะกลัวสูญเสีย
ในฐานะคนมากประสบการณ์ ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น คุณว่าโดยภาพรวม เศรษฐกิจ สังคม และการเมืองจะเปลี่ยนไปขนาดไหน
ในตอนนี้การสื่อสารมีพลังมาก ผมว่าโลกโซเชียลมีเดียคือ Cinderella World มันมีประโยชน์มหาศาลหากใช้เป็น แต่ก็มีโทษร้ายแรงในเวลาเดียวกัน
“
คลิปหนึ่งคลิปอาจทำให้คนกลายเป็นหมา เป็นปีศาจ ไม่มีที่ยืนในสังคม ขณะที่คลิปหนึ่งคลิปอาจทำให้คนจนหนึ่งคนมีเงินล้านจากเงินช่วยบริจาค มันมีพลังเยอะขนาดนี้
”
ถ้าถามว่าการสื่อสารรวดเร็วแบบนี้ จะทำให้การเมืองในยุคของผมเปลี่ยนไปไหม ขอตอบว่า ‘หน้ามือกับหลังตีน’ ช่วงเวลาที่ผมอยู่ในงานการเมือง จะทำอะไรทีก็ต้องหาสื่อหลัก แมสมีเดีย หนังสือพิมพ์ ทีวี วิทยุ และไม่สามารถสื่อสารทางตรงกับคนโหวตเราได้ แต่ตอนนี้ทุกคนสื่อสารโดยตรงได้หมด เสพสื่อได้เอง ดังนั้น ไม่มีแล้วที่พิธีกรหนึ่งคน คอลัมนิสต์หนึ่งคน จะทำให้ทุกคนเชื่อได้หมด ใครมั่วมาโดนค้านตาย การเมืองในตอนนี้ไปจนอนาคต หากใครยังทำแบบเดิม คุณจองศาลาวัดที่ชอบๆ ไว้ได้เลย ต้องคิดใหม่ สื่อไปให้ตรง ระหว่างตัวคนสมัครกับคนโหวต
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อ คือพลังของเทคโนโลยีจะทำให้เงินไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเลือกตั้งเที่ยวหน้า แต่เป็นการสื่อสารต่างหาก ใครทำได้ตรงใจมากกว่า สื่อสารให้คนโหวตเข้าใจในแนวทางของพรรคและตัวนักการเมือง เห็นถึงความจริงใจในนโยบายการทำงานนั่นแหละ จะครองคะแนนเสียง ต้องโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบได้ ต้องเลิกตอแหลกับชาวบ้านได้แล้ว
บ้านเรามันมีคนอยู่ 2 จำพวก หนึ่ง คือคนแกล้งโง่ กับสอง คนอวดฉลาด คือจริงๆ แล้วมันไม่มีใครโง่หรือฉลาดกว่าใครมากมายหรอก เพียงแต่เราก็แกล้งโง่ คือยอมๆ ให้เขาเอาเปรียบไป กับพวกอวดฉลาดก็โกหกตอแหลไป เอาเปรียบคนอื่นไปเรื่อยๆ เมื่อก่อนพวกที่ยอมๆ ก็เพราะเขาหาข้อมูลได้ยากจากยุคแอนะล็อก แต่โลกดิจิตอลมันจะง่ายมาก ข้อมูลฝั่งตรงข้ามมีเยอะไปหมด มันช่วยให้การตรวจสอบได้ ใครโกหกมา มึงก็ไม่รอด
การสื่อสารมากขึ้น ทำให้เราเข้าถึงความจริงได้มากขึ้นจริงหรือ
ก็เพราะมันทำให้ต้องพูดเรื่องจริง เลิกตอแหล คุณลองโกหกสิ ไม่ต้องรอข้ามวันหรอก หลักฐานจากคนที่จับโกหกคุณได้จะมาเพียบ คราวนี้คุณก็อยู่ไม่ได้แล้ว เพราะปัจจุบันเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่การรับรู้แค่คู่กรณี แต่มันเปิดเผยออกไปสู่สังคม หากโกหกก็โดนสังคมลงโทษ ไปเดินที่ไหนไม่ได้แล้ว เพราะคนเขาจำหน้าคุณได้หมดแล้ว ไม่มีที่ยืน เท่านี้พวกอวดฉลาดที่คอยเอาเปรียบคนอื่นก็อยู่ได้ยากขึ้น
คุณดูสิ วันนี้เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้อำนาจบ้าๆ บอๆ ใส่ประชาชนไม่ได้แล้ว กรณีตำรวจเอายาไอซ์ไปยัดพ่อค้าแม่ค้า แล้วเป็นไง ตอนนี้ตายห่าเลย โดนตั้งกรรมการสอบ ไล่ออก โลกทุกวันนี้ทุกคนกลายเป็น somebody มีสิทธิ์มีเสียง ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อตัวเองได้ แม้เขาจะไม่สามารถปกป้องตัวเองได้หมดทุกเรื่อง แต่จะมีคนในสังคมพร้อมยื่นข้อมูลมาช่วย
มองย้อนกลับไปในสังคมไทยช่วงที่คุณเป็นวัยรุ่น ไล่มาจนเป็นนักการเมืองมีชื่อเสียง จนปัจจุบันเป็นลุงเนวินทำทีมฟุตบอล คุณว่าสังคมมันเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน
สังคมตอนนี้สนุกกว่า เมื่อก่อนโลกมันเล็กมากนะ เอะอะๆ ก็ผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งภาพที่ออกมามันไม่ใช่อิทธิพลด้านดีเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ข้อมูลมันเร็ว anytime anywhere ผู้ทรงอิทธิพลในด้านลบจึงอยู่ยาก ไปแอบทำอะไรผิดมา คนถ่ายคลิปได้แชร์ตูมเดียว ตำรวจไปถึงบ้านมึงเลย หนีไม่รอด
ผู้ทรงอิทธิพลที่อยู่ได้ตอนนี้ ต้องทรงอิทธิพลในด้านดี เป็นไอดอล เป็นแบบอย่าง ทั้งนี้คุณก็อย่าไปมองว่าสังคมอยู่ยากไปหมด ทำอะไรพลาดก็โดนจับผิด โซเชียลฯ บิดเบือน แต่คุณจะอยู่ง่ายมากๆ ด้วย ขอเพียงอยู่แบบเสมอภาค ทำเรื่องดีๆ ไม่เอาเปรียบกัน มันเป็นสังคมของ sharing เหลือบมองไปใครก็ตามที่อยู่แบบเอาเปรียบ ผูกขาด โดนวิจารณ์ติดลบหมด ในทางกลับกัน ใครที่ทำเพื่อสังคม แบ่งปันแก่วงกว้าง เขาจะเป็นที่ยอมรับ
สังเกตว่าความหมายของคำว่าผู้ทรงอิทธิพลก็เปลี่ยนไป กลายเป็นพวกอินฟลูเอนเซอร์ที่เราเห็นกันในโซเชียลมีเดีย
ใช่ ผมยกตัวอย่างเจ้าของ Amazon เจฟฟ์ เบซอส ก่อนหน้านี้คนทั่วไปยอมรับว่าเขาเก่ง เขาร่ำรวย แต่ไม่ใช่ฮีโร่อะไร มาวันหนึ่งเขาทำเพื่อสังคม บริจาคเงินเพื่อสร้างโรงเรียน สังคมให้การยอมรับนับถือทันที เป็นที่ยอมรับในสังคมโลก ดังนั้น หากอยากจะอยู่ได้แบบมีเกียรติ คุณรวยได้แต่ต้องแบ่งปันด้วย เก่งได้แต่ต้องแบ่งปันด้วย ผู้ทรงอิทธิพลแบบนี้ยังชี้นำสังคมได้เสมอ พลังไม่ลดลง แต่จะทรงอิทธิพลได้ต้องดีจริงนะ มีความเป็นธรรม คิดและลงมือในสิ่งที่ถูกต้อง
ตอนนี้ผมว่าไม่มีใครยอมรับพวกผู้ทรงอิทธิพลแบบอำนาจมืด ไม่ว่าจะประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีปลัดกระทรวง ลองโกง ลองทำอะไรไม่ดี คุณตายห่าหมด เพราะคนมันเท่ากันแล้ว หนึ่งคนก็หนึ่งโหวต
ที่คุณพูดมานี่มันเป็นเรื่องเพ้อฝันถึงโลกในอุดมคติหรือเปล่า จริงๆ แล้วเบื้องหลังของคนอย่างพวกคุณยังมีอะไรดำมืดอยู่อีกเยอะ
ไม่ๆ ก่อนหน้านี้ผมพูดอัดคลิปเรื่อง Airbnb และ Grab ที่ผ่านมาประเด็นนี้มีแรงผลักดันเยอะมาก เพราะนี่คือ Sharing Economy ท้องถิ่นจะได้ประโยชน์โดยตรง แต่ไม่เป็นที่ยอมรับจากหน่วยงานรัฐ พอผมพูดใส่คลิปไป แล้วมีคนแชร์ไปกว่า 6-7 ล้านครั้ง ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ มีเสียงตอบรับจากนายกรัฐมนตรีว่าให้ไปศึกษาข้อมูลเลย เพราะนี่คือเรื่องดีช่วยเหลือชาวบ้าน คุณเห็นไหมนี่ไงคือพลังของมัน แล้วที่เกิดขึ้นโค้ชโย่ง (วรวุฒิ ศรีมะฆะ, โค้ชฟุตบอลทีมชาติไทยชุดเอเชียนเกมส์ 2018) ต้องออกไม่ใช่เรื่องเรื่องนี้เหรอ
อ้าว โค้ชโย่งไม่ได้ออกเพราะอิทธิพลของคุณเหรอ
(หรี่ตามองและยิ้มมุมปากแบบรู้ทัน) ไม่ใช่ ไม่ใช่เพราะผมพูด แต่ออกเพราะพลังโซเชียลมีเดีย ต่อให้ตัวเนวินพูดอะไรก็ตาม หากไม่ได้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ตรงใจกับคนส่วนใหญ่ มันก็ไม่มีอะไรเกิดตามมาหรอก คุณจะเอาตรรกะบิดเบี้ยวไปใส่สมองคนไม่ได้แล้ว หากเป็นอย่างนั้น ตัวคนนำเสนอเองต่างหากที่จะอยู่ไม่ได้ โดนค้าน โดนต่อต้านหักล้างตายเลย ไม่ว่าประเด็นจะใหญ่โตเป็นเรื่องระดับโลก ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะสั่งยิงนิวเคลียร์ใส่เกาหลีเหนือ รัฐบาลสั่งซื้ออาวุธ สุดท้ายถ้าประชาชนไม่ยอม เพราะพวกเขารู้ว่าจะมีอะไรตามมา หากสั่งยิงนิวเคลียร์ ก็ต้องโดนยิงสวนกลับมาเหมือนกัน สงครามโลกก็ตามมาเจ็บตัวกันหมด ไม่มีใครยอมหรอก ต้องออกมาต่อต้านแสดงพลังกันหมด
เหมือนที่พูดมาตอนต้น เรื่องพลัง E มันคือโลกแบบซินเดอเรลลา พลังมีเยอะมากทั้งบวกและลบเป็นคุณอนันต์-โทษมหันต์ ใช้คำนี้ดีกว่า
ทุกวันนี้ยังสนใจตามอ่านข่าวการเมืองบ้างไหม
อ่านสิ การเมืองอยู่รอบตัวเราอยู่แล้ว ถึงเราไม่ไปยุ่งกับมัน เดี๋ยวมันก็ยุ่งกับเรา ดังนั้น ต้องอ่านไว้ไม่ให้โง่
กำลังจะมีการเลือกตั้งแล้วนะ คุณวางแผนว่าจะเข้าไปยุ่งกับการเมืองไหม
ต้องยุ่งอยู่แล้ว ยังไงๆ ก็ต้องไปกาบัตร และในฐานะคนไทย อะไรที่เห็นว่าพรรคการเมืองทำไม่ถูกก็ต้องวิพากษ์วิจารณ์ หากมีพรรคไหนทำถูกต้องก็ต้องกล้าแสดงความคิดเห็น
แค่นั้นเองเหรอ ไม่ลงไปร่วมหัวจมท้ายกับฝ่ายไหนแล้ว
ไม่แน่นอน เป็นลุงเนวินของแฟนบุรีรัมย์ยูไนเต็ด แบบนี้ดีแล้ว มีความสุขมากพอแล้ว จะโดนด่าก็ให้แค่แฟนบุรีรัมย์ยูไนเต็ดด่าก็พอ นายกสมาคมฟุตบอลก็ไม่เป็นนะ โดนแค่แฟนทีมตัวเองด่าก็พอแล้ว อย่าให้โดนคนทั้งประเทศด่า เพราะขึ้นชื่อว่าฟุตบอล ทำให้ชนะทุกนัดไม่ได้หรอก (หัวเราะ) คิดดูสิทำบุรีรัมย์ยูไนเต็ด ถึงจะชนะ แต่บางทียังโดนด่า เพราะชนะ 1-0 แต่ราคาต่อรองมันต่อกันอยู่ลูกครึ่ง พอเสียเงินมา ก็มาด่ากูอีก
หากมีคนหนุ่มที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างยอดเยี่ยม เดินมาถามคุณว่า เขาอยากเป็นนักการเมือง อยากขึ้นสู่ตำแหน่งมีอำนาจต้องทำอย่างไร คำตอบของ เนวิน ชิดชอบ ในปี 2018 ต่อเด็กคนนั้นคืออะไร
มึงเคยตกนรกไหม นรกมีจริงนะ ไม่ต้องรอตอนตาย ลองเล่นการเมืองสิ ในที่สุดชีวิตมึงจะตายทั้งเป็น
เรื่อง: พรรษิษฐ์ วิชยคุปต์