TUNA Dunn

TUNA Dunn | Millennial Love รสชาติความรักของคนหนุ่มสาวยุคใหม่ในสายตา TUNA Dunn

“เบื่อมาก” เป็นคำตอบสั้นๆ ของ TUNA Dunn หรือ ‘ตุล’ – ตุลยา ตุลย์วัฒนจิต นักวาดภาพประกอบหญิง เมื่อเราถามเธอว่า หลายปีมานี้่ที่เธอวาดการ์ตูนเกี่ยวกับเรื่องความรักความสัมพันธ์ไว้เยอะมาก เคยรู้สึกไม่อยากวาดหรือเอียนกับเรื่องพวกนี้บ้างไหม แต่เธอก็ตามด้วยคำว่า ล้อเล่น พร้อมกับหัวเราะออกมา ถ้านึกเป็นภาษาแชตออนไลน์ ก็คงเป็นเลข 5 ที่ยาวเป็นพืด นับได้มากกว่าสิบตัว

แต่เราจะไม่ยอมให้เธอเบื่อวาดการ์ตูนเรื่องความรักง่ายๆ หรอก เพราะเราหลงรักเธอผ่านผลงานมาเนิ่นนาน เธอมักจะเอาเรื่องความลึกลับซับซ้อนภายในใจของมนุษย์ออกมาเล่าผ่านลายเส้นที่เรียบง่ายแต่มีสไตล์ที่ชัดเจน เรารักในความเฉียบคมที่เธอมองโลกและมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความรักความสัมพันธ์ระหว่างคนหนุ่มสาวยุคใหม่ เราก็อดไม่ได้ที่จะขอนั่งคุยกันเล็กน้อย ในยุคสมัยที่ความรักหาได้เกลื่อนกลาดในโลกออนไลน์ แต่เราทุกคนยังรู้สึกขาดพร่องและโหยหา เราเหงาและเห็นคนเหงามากมายรอบตัว คนที่มองหาความรัก และคนที่มีความรักที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ความรักความสัมพันธ์ผ่านสายตาของ TUNA Dunn นั้นเป็นอย่างไรกันแน่?

Tuna Dunn

ในโลกที่อิ่มตัวไปด้วยเทคโนโลยี เราสนใจว่า ต่อไปมนุษย์อาจจะหลงรักกับระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์ เหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง HER ก็ได้ แล้วคุณเห็นด้วยไหม

“เราว่ามันต้องมีอยู่แล้วนะ คนที่ตกหลุมรักกับอะไรที่ไม่ใช่คน และมีเยอะด้วย บางคนก็ตกหลุมรักรถยนต์ หรือหุ่นยาง ขนาดคนแต่งงานกับหมอนลายการ์ตูนยังมีเลย แล้วยิ่งถ้าเป็นอย่างในหนังเรื่อง HER ก็ยิ่งเป็นไปได้ เพราะตัวละครซาแมนตา ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการนั้นสามารถโต้ตอบกับคนได้จริงๆ เราคงไม่แปลกใจถ้าหลายๆ คนจะเลิกคบมนุษย์แล้วไปคบกับเทคโนโลยี เรื่องแบบนี้มันต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว”

องค์ประกอบสำคัญในการ์ตูนของคุณที่ชอบนำมาใช้เป็นความขัดแย้งของความสัมพันธ์ คือโทรศัพท์มือถือ ทำให้เรานึกขึ้นได้ถึงประเด็นของความรักออนไลน์อีกเรื่องที่สร้างปัญหาให้กับหลายๆ คน ในยุคนี้ นั่นคือการถูกตัดพ้อว่าทำไมอ่านข้อความแล้วไม่ตอบ คุณรู้สึกยังไงกับมัน

“เราก็เคยหงุดหงิดกับเรื่องพวกนี้เหมือนกัน แต่ก็พยายามทำความเข้าใจประมาณหนึ่ง เพราะเทคโนโลยียังไงก็ยังมีความบกพร่องในตัวมันเองอยู่ และมนุษย์เองก็มีความบกพร่องด้วยเหมือนกัน”

แล้วอย่างเรื่องการแชตตอบโต้กันละ พวกข้อความประมาณว่า อยู่ที่ไหน ทำอะไร กินข้าวหรือยัง หรือส่งสติ๊กเกอร์มาตอนเช้าว่า Good Morning อะไรแบบนี้คุณตอบกลับไปยังไง

“เราเข้าใจนะกับคำถามเหล่านี้ เพราะเวลาที่คนไม่มีอะไรจะคุยกันคำถามเหล่านี้เป็นชุดคำถามที่เบสิกที่สุดแล้ว แต่คำถามพวกนี้ก็เอามาใช้วัดได้นะว่าอีกฝ่ายอยากคุยต่อไหม เพราะถ้าถามง่ายๆ แบบนี้แล้วอีกฝ่ายเขาไม่อยากตอบก็ต้องพิจารณากันแล้วล่ะ”

 

วันที่ทุกคนยึดติดกับชีวิตออนไลน์ แม้แต่ความรักทุกคนก็ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือเพื่อหาใครสักคน ก็ยอมรับว่าเทคโนโลยีช่วยให้เรามีความสะดวกรวดเร็ว แต่ก็พาเราไปถึงเส้นคั่นบางๆ ของความฉาบฉวยในเรื่องความสัมพันธ์ แล้วข้อดีของความรักออนไลน์คืออะไร

“เราว่ามันคงดีสำหรับคนที่อยู่ไกลๆ กัน เพราะความห่างไกลคงทรมานกว่าสมัยก่อนน่าดู ที่คนรักกันทำได้แค่ส่งจดหมายและคุยโทรศัพท์ทางไกลหากันเท่านั้น การมีเครื่องมือออนไลน์ช่วยทำให้การติดต่อกันง่ายขึ้น”

หลายครั้งเทคโนโลยีก็กลายเป็นเชือกที่ผูกมัดคนสองคนไว้แน่นเกินไป เราเห็นคู่รักหลายคู่มักตั้งกฎต่อกันอย่างเข้มงวดอย่าง ต้องโทร.หากันหลังสี่ทุ่มทุกวัน หรือฉันสามารถเช็กโทรศัพท์เธอได้ตลอดเวลา ไปไหนต้องรายงาน ซึ่งเรามองว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นเรื่องที่ไร้สาระ คุณล่ะ

“ถ้าเป็นกฎที่ตกลงกันได้ทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น เข้าใจกันมากขึ้นมันก็ดี แค่เราอย่าไปก้าวก่ายหรือครอบครองอีกฝ่ายมากเกินไปก็พอ”

TUNA Dunn

เราสังเกตเห็นว่าเนื้อเรื่องในการ์ตูนแก๊กของคุณไม่ค่อยสดชื่นสมหวัง คนหนุ่มสาวแสดงอาการอึดอัด ลังเล วิตกกังวล นั่นคือความรู้สึกของยุคสมัยจริงๆ หรือเปล่า แล้วอย่างคำคมสอนใจซึ่งคนมักพูดกันประมาณว่า ความรักทำให้โลกเป็นสีชมพูบ้าง ความรักทำให้คนตาบอดบ้าง คุณคิดว่าเป็นความจริงแค่ไหน

“กับคนอื่นเราไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่สำหรับเราความรักไม่ส่งผลอะไร โลกก็ยังมีสีที่เหมือนเดิม และเราก็ยังมองเห็นอะไรแบบเดิมๆ ความรักไม่ได้ทำให้เราเกิดอาการที่น่าเป็นห่วงแบบนั้น”

เราเคยเห็นผู้หญิงหลายคนพอถึงเวลาเขาจะกลัวเรื่องความสัมพันธ์อย่างเรื่องการผูกมัด หรือตัดสินใจยกเลิกงานแต่งงานแบบกะทันหันเพราะไม่แน่ใจในตัวเองเหมือน จูเลีย โรเบิร์ต ในภาพยนตร์เรื่อง Runaway Bride แล้วคำว่าความรักความสัมพันธ์กับ TUNA Dunn ล่ะ น่ากลัวแบบนั้นไหม

“สมัยก่อน คำว่าความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ไกลตัวเรามาก แต่สุดท้ายพอได้เจอกับเรื่องนี้จริงๆ เรากลับพบว่ามันคือการใช้ชีวิตต่อไปข้างหน้า แค่นั้น ซึ่งชีวิตก็ไหลต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้เกิดการบรรลุหรือทำให้เราเข้าใจอะไรมากกว่าเดิมหรอก”

ในระหว่างที่ชีวิตดำเนินไปข้างหน้า ความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวในอดีตจะส่งผลถึงความรักครั้งใหม่อย่างไร

“เรื่องนี้เราเห็นจากเพื่อนๆ หรือคนรอบข้างมาแล้ว ซึ่งยอมรับว่าความล้มเหลวในรักครั้งก่อนมันส่งผลกับความรักครั้งใหม่จริงๆ นะ แต่ก็มีข้อดีที่ทำให้พวกเขารู้ว่าคนประเภทไหนที่ไม่อยากยุ่งด้วย หรือถ้าเจอปัญหาแบบเดิมๆ จะรับมือด้วยวิธีไหนที่แตกต่างกันไป”

อีกเหตุผลหนึ่งคงเป็นเรื่องที่คนเบื่อความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน วุ่นวาย จนเลือกที่จะไปอยู่กับสิ่งที่ให้ความสุขทางใจกับเรามากกว่ากับคนด้วยกัน เพราะการคบกัน บางทีก็ต้องมานั่งเดาอารมณ์ของอีกฝ่ายให้ปวดหัวเปล่าๆ ใช่ไหม? ผลงานของ TUNA Dunn หลายครั้งก็นำเสนอเรื่องราวของมนุษย์ในแบบตลกร้าย ความลำไยของมนุษย์และสังคม ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม แล้วผู้หญิงนั้นเข้าใจยากกว่าผู้ชายจริงไหม หรือจริงๆ จากมุมของคุณ ผู้ชายนั่นแหละที่เรื่องมากและเข้าใจยากกว่าผู้หญิง

“เราว่าผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกันจริงๆ บางคนอาจจะมองว่ามันเป็น stereotype เฉยๆ แต่เราว่าก็จริงอยู่ ผู้หญิงต่อให้ไม่ใช่คนที่คิดมาก จู้จี้ ก็จะมีการเก็บรายละเอียดโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ผู้ชายจะชอบมองอะไรเป็นภาพรวมใหญ่ๆ รายละเอียดเขาจะไม่ได้เก็บมา แล้วเขาจะมีพื้นที่โล่งแบบหนึ่งในหัวสมอง เวลาถามว่าคิดอะไรอยู่แล้วเขาตอบว่าไม่ได้คิดอะไรเลย บางทีเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ เขาแค่ไปนั่งอยู่ในที่โล่งนั้นเฉยๆ ซึ่งถ้าเป็นผู้หญิงมักจะไม่ค่อยมีพื้นที่โล่งนั้น เลยทำให้หลายคนคิดว่าอีกฝ่ายเข้าใจยากก็ได้มั้ง”

บางคนใช้วิธีทำให้ความสัมพันธ์ยืดยาวด้วยการไม่แอดเฟซบุ๊กของกันและกัน วิธีนี้ได้ผลหรือหรือไม่

“อันนี้ก็แล้วแต่คนเหมือนกัน มันไม่มีหนังสือไกด์บุ๊กสำหรับความสัมพันธ์ที่เวิร์กกับทุกคน คุณต้องไปลองกันเอง”

ความรักไม่มีไกด์บุ๊กเล่มไหนมาสอนเราได้ แต่เราคิดว่าการ์ตูนของ TUNA Dunn จะช่วยเผยให้เห็นความรู้สึกภายในของเราทุกคน นำออกมาตีแผ่และแชร์กัน คนส่วนใหญ่ชื่นชอบผลงานของเธอก็เพราะเหตุนี้ ทุกคนรู้สึกว่า ใช่… เราก็เป็นเหมือนกัน และนี่แหละที่ทำให้เราหลงรักผู้หญิงคนนี้มาตลอด