น้องแพรพาเพลิน

น้องแพรพาเพลิน | เอาชนะทุกคำกล่าวหาและ cyberbully น่ารังเกียจด้วยพลังของผู้เป็นแม่และครอบครัวที่รัก

ในวันที่ความโหดร้ายมากร่ำกราย ครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ ย้อนกลับไปในวานวัน วันที่ ‘น้องแพรพาเพลิน’ – ด.ญ.ณัฏฐนันท์ สนุ่นรัตน์ ถูกใช้ถ้อยคำรุนแรงในโลกออนไลน์ แม่และครอบครัวของเธอคือพลังสำคัญที่ช่วยปลุกปลอบให้กำลังใจ และหล่อหลอมดูแลให้เธอกลายเป็นช่างแต่งหน้าอายุน้อยที่ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่น และยืนอยู่จุดที่สูงเกินกว่าคำด่าทอและการกลั่งแกล้งทางออนไลน์ใดๆ จากสัญชาตญาณดิบและความน่ารังเกียจของใครบางคนในอดีตจะทำร้ายเธอได้อีก

น้องแพรพาเพลิน

 

     น้องแพรมีเมกอัพอาร์ทิสต์หลายคนเป็นไอดอลประจำใจเธอ อย่างเช่น โมเมพาเพลิน, แพรี่พาย และมิเชล ฟาน เธอใช้เวลาว่างนั่งดูคลิปสอนแต่งหน้าของสาวๆ เหล่านี้ แล้วก็ทดลองทำตามเพื่อความสนุกสนาน ก่อนที่จะเริ่มอัดคลิปเล่นๆ แล้วคุณแม่เห็นว่าน้องน่ารักดี จึงโพสต์คลิปนั้นลงโซเชียลมีเดียเมื่อห้าหกปีก่อน จนกระทั่งกลายเป็นกระแสไวรัลโด่งดังอย่างฉุดไม่อยู่ แล้วหลังจากนั้นเส้นทางชีวิตของน้องแพรมุ่งตรงไปยังสายบิวตี้ตลอดห้าหกปีมานี้

     ช่างแต่งหน้าเซตผมไป ชวนน้องคุยไป เขาถามน้องว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร เธอตอบทันทีว่าอยากเป็นช่างแต่งหน้า ทำเอาช่างของเราหัวเราะชอบใจใหญ่

 

ไปเป็นนางแบบไม่ดีกว่าเหรอ – เราแซวน้อง

     “ไม่ค่ะ หนูอยากทำงานเบื้องหลังมากกว่า” น้องตอบกลับมาเหมือนเป็นผู้ใหญ่

 

     ล่าสุด เด็กหญิงสอนแต่งหน้าในไวรัลคลิปนั้น ได้โกอินเตอร์ไปทำงานร่วมกับเมกอัพอาร์ทิสต์มืออาชี ให้กับแบรนด์ดังในงานลอนดอนแฟชั่นวีก 2018 เราถามน้องถึงประสบการณ์และความรู้สึกในวันนั้น

     “พ่อบอกว่าถ้ามีโอกาสเข้ามา เราก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ มันเป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเองด้วย แล้วก็ไม่ต้องห่วง ชาวต่างชาติเขาจะเป็นคนที่ให้เกียรติกันและกัน เด็กกับผู้ใหญ่เขาจะไม่แบ่งแยกกันเลย แพรก็เลยตัดสินใจไป ไม่กลัว แต่ว่าจะตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ ได้ไปทำงานใหญ่ด้วย เข้าไปห้องแต่งหน้าจริงๆ เลย เพราะว่าอาจารย์เขาทำงานกับช่างภาพอยู่แล้ว แต่ละปีเขาก็เชิญนักเรียนเข้าไปแต่งหน้าจริงๆ บรรยากาศในที่ทำงานจริงต่างกับการนั่งไลฟ์ในห้องเลยค่ะ คือมันจะวุ่นวาย เร็วทุกอย่าง แล้วก็มีคนเยอะมาก ทั้งนางแบบ ช่างแต่งหน้า สไตลิสต์ รู้สึกดีมากเลย แพรดีใจมาก เพราะนึกไปถึงวันที่แพรโดนคนว่าแล้วคิดจะเลิกทำ แต่พอมาวันนี้เราข้ามมันมาได้แล้ว แล้วฝันมันชัดขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เราก็ดีใจค่ะ”

 

น้องแพรพาเพลิน

 

     ในสายตาของผู้ใหญ่อาจจะไม่เข้าใจโลกในความฝันของเด็ก แม่น้องแพรเล่าให้ฟังว่า ตอนแรกๆ เธอพยายามส่งให้น้องไปเรียนหลายอย่าง เปียโน บัลเลต์ ศิลปะ ร้องเพลง เพื่อเป็นการทดลอง เมื่อลองแล้วก็ต้องสังเกตดูว่าลูกชอบอะไรมากที่สุด ลูกทำอะไรแล้วมีความสุข ได้เป็นตัวของตัวเอง พ่อแม่ควรใช้เวลาเฝ้าดูพัฒนาการของลูก แล้วส่งเสริมให้เต็มที่ แล้วเขาจะรู้สึกว่าได้ทำในสิ่งที่เขารัก แล้วมีความสุข แล้วจะทำให้เขาพัฒนาได้เร็วขึ้นได้

     ตัวคุณแม่เองก็เกือบจะมองข้ามไป เธอย้อนรำลึกความหลังเมื่อครั้งน้องแพรยังอยู่อนุบาล 1 แล้วเธอเคยเขียนสะกดคำว่าอยากเป็นเมกอัพอาร์ทิสต์ ครูประจำชั้นก็ยังสงสัยว่าน้องแพรไปเอาความคิดเรื่องนี้มาจากไหน เพราะตอนนั้นก็ยังไม่เคยมีใครพาน้องไปเรียนแต่งหน้า แต่นั่นคือความฝันของเด็กคนหนึ่ง ใครจะไปคิดว่าเขาจะทำได้จริง จนกระทั่งเมื่อพ่อแม่สังเกตเห็น และสนับสนุนไปถูกทาง

     ในวันที่น้องแพรถูกใช้ถ้อยคำรุนแรงในโลกออนไลน์ แม่ช่วยปลุกปลอบให้กำลังใจ และถามความมั่นใจจากน้องอีกครั้ง ย้ำให้ชัดเจนว่ารักในแนวทางนี้จริงหรือไม่

     “คอยแนะนำเขาว่าทุกอย่างมีทั้งดีและไม่ดี มีคนรักก็มีคนเกลียด เราก็มองคนที่รักเรา แล้วเอามาเป็นกำลังใจดีกว่า ถ้าเรามองแต่คนที่ว่าเรา มันก็ทำให้เราหมดกำลังใจ แล้วก็ไม่ได้พัฒนาตนเอง ไม่ได้ทำในสิ่งที่เรารักด้วย”

     ทุกวันนี้น้องแพรปรับตัวได้ดีขึ้นมาก ถึงแม้เวลาอยู่กับผู้ใหญ่แปลกหน้าจะดูเขินๆ แต่เวลามีคนรู้จักคอยอยู่ให้กำลังใจ น้องก็จะเข้มแข็งและทำได้ดี เมื่อมีแฟนๆ มาสวัสดี ทักทาย แม่สอนให้น้องไหว้อย่างนอบน้อม

     “เพราะเขายังเป็นเด็ก แม่ไม่อยากให้มีอีโก้มากเกินไป จริงๆ แล้วเขาเป็นเด็กขี้อาย บางคนบอกเจอตัวจริงน้องแล้วรู้สึกว่าหยิ่งๆ จริงๆ ไม่หยิ่งหรอก เขาแค่ขี้อาย ถ้าเจอแล้วก็ทักได้ค่ะ” แม่ตอบและยิ้มอย่างโล่งใจ

 

อยากจะฝากอะไรถึงชาวโซเชียลมีเดียที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงต่อคนอื่น – เราถามคุณแม่

     “อยากให้มีการใช้วิจารณญาณในการคอมเมนต์ใครในทางลบ ว่ามันจะมีผลกระทบกับเขาไหม ยิ่งกับเด็กด้วยมันมีผลกระทบมาก มันเป็นปมที่ติดตัวเขาไปในอนาคต อย่าคิดว่าคำพูดหรือว่าคนไม่มีผล ถึงจะเป็นการพิมพ์ก็เถอะ คนที่เขามีปัญหาหรือกำลังจิตตก เขาอาจไปทำอะไรที่ร้ายแรงได้ เด็กบางคนอาจจะไม่ได้มีจิตใจแข็งแกร่งพอที่จะยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้”

น้องแพรเอาชนะช่วงเวลาแย่ๆ ตอนนั้นได้อย่างไร – เราหันไปถามน้องบ้าง

     “ก็เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูด ก็ไม่ต้องไปสนใจ หรือเก็บมาคิด แม่บอกว่าให้เอาคำที่คนเขาว่ามาเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเอง พิสูจน์ตัวเอง เราจะต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าความฝันของแพรเป็นความจริงได้ แพรไม่ยอมแพ้ แพรจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ จะพยายามให้ถึงที่สุดเลย แพรก็ขอแม่ว่าจะอยากเรียนแต่งหน้าทำผมเพิ่มค่ะ”

     น้องแพรบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องตลกที่เด็กผู้หญิงห้าขวบจะมีความฝันจะเป็นช่างแต่งหน้า มันเป็นความจริง และทุกคนควรลงมือทำความฝันของตัวเองให้กลายเป็นจริง ไม่มีคำว่าช้าเกินไปหรือสายเกินไป เพียงแค่เราลงมือทำ มันจะเป็นจริงได้ต่อเมื่อเราพยายาม

 

น้องแพรพาเพลิน

 

กฎกติกาในครอบครัว 

คำแนะนำจากคุณแม่น้องแพรพาเพลินในการควบคุมการใช้เทคโนโลยีและดูแลความปลอดภัยให้กับลูกหลานในครอบครัว

     – ไม่ปิดกั้นอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะจะทำให้เด็กยิ่งอยากรู้อยากเห็น

     – ทำข้อตกลงกันภายในครอบครัว และทุกคนยอมรับปฏิบัติตามร่วมกัน

     – จำกัดเวลาเล่นโทรศัพท์ให้พอเหมาะพอสม เช่น วันละ 1 ชั่วโมงในตอนเย็น

     – พ่อแม่ต้องนั่งอยู่ด้วยในระหว่างที่เด็กเล่นโทรศัพท์ เพื่อคอยให้คำแนะนำ

     – ห้ามติดต่อกับคนแปลกหน้า ใช้คุยกับเพื่อนที่รู้จักแล้วเท่านั้น

     – ห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น เบอร์โทรศัพท์ บ้านเลขที่

     – หลีกเลี่ยงหรือพยายามไม่ติดตามดูคอมเมนต์ในแฟนเพจ

     – พ่อแม่ต้องเรียนรู้เทคโนโลยีให้มากกว่าลูก เพื่อจะได้เตรียมมาตรการป้องกันต่างๆ รอไว้ได้ก่อน

 


FYI

สำหรับใครที่เผชิญปัญหา Cyberbullying ลองมาปรึกษากับพี่ๆ นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญได้ที่ http://stopbullying.lovecarestation.com