ด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ที่มาพร้อมกับการอธิบายขั้นตอนการทำอาหารที่มีจังหวะจะโคน บวกกับสูตรเมนูอาหารคาวหวาน เครื่องดื่มและสารพัดเบเกอรีที่ทำตามได้ไม่ยาก ที่บรรจุอยู่ในรายการทีวี พลพรรคนักปรุง มาเป็นเวลากว่า 11 ปี ของนักแสดงมืออาชีพ ที่มีดีกรีเป็นถึงเชฟมือฉมังอย่าง พล ตัณฑเสถียร
ปัจจุบันได้กลายมาเป็นคอนเทนต์ครีเอทีฟด้านอาหาร แต่สองมือก็ยังจับเครื่องครัวและปรุงอาหารให้ผู้บริโภคได้รับชมแทนการรับชิมผ่านแชนแนลออนไลน์ที่มีทั้งเฟซบุ๊กแฟนเพจ อินสตาแกรม ยูทูบ และล่าสุดแพลตฟอร์มที่หลายคนคาดไม่ถึง TikTok ที่เจ้าตัวถึงกับเอ่ยเองว่า เป็นแพลตฟอร์มที่สนุกและได้สาระมากกว่าที่คิด
“คอนเทนต์อาหารของเราเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการเพิ่มแพลตฟอร์ตที่แตกต่างตามความสนใจของผู้บริโภค TikTok คืออีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ใช้เวลาสั้นๆ แค่ 1 นาที ก็รู้เรื่อง และทำตามได้ไม่ยาก”
ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องแพลตฟอร์มใหม่ที่เขาดึงมาร่วมรายการ เพื่อเติมความสนุกและสีสันให้กับภาคธุรกิจของเขาเพียงอย่างเดียว แต่สิ่งนี้คือบทสนทนาที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความสุข ที่ปรุงรสชาติชีวิตให้กลมกล่อมด้วยแพสชันและพลังแห่งความคิดเชิงบวกของนักปรุงอาหารคนนี้
ภาพจำของ พล ตัณฑเสถียร สำหรับใครหลายๆ คน คือนักแสดงและเชฟทำอาหาร แต่วันนี้คุณได้เปลี่ยนอาชีพมาเป็นคอนเทนต์ครีเอทีฟด้านอาหาร ความแตกต่างของสองสิ่งนี้คืออะไร
เรามองว่านี่คือบทบาทที่ต่างกัน การทำคอนเทนต์สามารถนำเสนอได้หลากหลายรูปแบบ แม้ว่าเบื้องหลังคือเราทำอาหาร แต่ข้างหน้าอาจจะเป็นกล้องภาพนิ่ง หรือวิดีโอเคลื่อนไหวก็ได้ ในขณะเดียวกันการเป็นเชฟคือคนที่ทำอาหารอยู่ในครัว ซึ่งทุกวันนี้เราไม่ได้เป็นเชฟแล้ว ร้านสุดท้ายของเราก็ยุติไปเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ในส่วนตอนทำร้านอาหารก็ต้องคิดเรื่องการตลาด ซึ่งเราก็ทำได้แต่คงไม่ถนัด แต่การทำธุรกิจจะสอนเราเองว่าเราจะยืนอยู่ได้อย่างไร เราต้องการอะไรมาเติมเต็ม
การเติมเต็มทางด้านธุรกิจของคุณคืออะไร
รายการของเรา 50% คือ sponsorship review อีก 50% คือ organic content ที่บ่งบอกความเป็นเรา เพื่อให้เราได้ทำในสิ่งที่อยากทำ บางส่วนได้นำเสนอเนื้อหาที่ทำให้เรายังอยู่ในกระแส ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เรามองว่า ทำให้รายการของเราก็มีคาแรกเตอร์ที่ชัด และที่สำคัญคือ มีรายได้ในเชิงธุรกิจ
ธุรกิจไปได้ดี เพราะมีความรู้เป็นเครื่องนำทาง
เราเรียกว่า การหามุมมองใหม่มากกว่า ซึ่งไม่ใช่การมองหาเพื่อความสำเร็จ หากเทียบกับสมัยก่อน เราต้องพาตัวเองไปเรียนที่เลอ กอร์ดอง เบลอ รวมทั้งการอ่านหนังสือต่างประเทศเป็นหลัก ได้ดูคนต่างชาติทำอาหารไทย ได้เห็นความครีเอตทางด้านอาหาร สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือไอเดียที่เราเก็บเล็กผสมน้อยมา ทั้งการทำเสนอที่แปลกใหม่ รูปร่างรูปทรงที่แปลกตา บางทีก็เห็นเทคนิคหรืออะไรบางอย่างที่คิดว่านำมาใช้ได้ เรื่องเทรนด์ในช่วงเวลานั้นๆ ประกอบร่างและผสมผสาน ขยำมันออกมา ท้ายสุดก็กลายเป็นเมนูของเรา ซึ่งหากทำออกมาแล้วดันมีคนคิดและทำเหมือนกัน เพราะคนเราเสพสื่อเดียวกัน ผ่านประสบการณ์มาใกล้เคียงกัน คิดคล้ายกัน เราก็มองว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่หลังๆ เราจะอ่านหนังสือที่ว่ามานี้น้อยลง เพราะทุกอย่างเปลี่ยนไป เราหันไปหาความรู้จากคอร์สออนไลน์ หลักๆ คือ Master Class ที่มีให้เลือกเรียนได้หลากหลาย ตั้งแต่เรียนเทนนิส ยันทำอาหาร อีกส่วนคือออกไปเรียนกับเชฟที่เก่งๆ เวลาที่เขามาจากต่างประเทศ
ทำไมคุณถึงยกให้เส้นทางสายอาหารเป็นทางหลักของชีวิตและธุรกิจ
เพราะนี่คือความสุข การได้ทำสิ่งที่ทำแล้วมีความสุขที่เกิดจากความโชคดีของตัวเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ทำในสิ่งที่ชอบและอยากทำเสมอ เราเชื่อว่าทุกคนมีทางเลือกและเลือกได้ อะไรที่เราชอบ เราก็จะมองหาแต่สิ่งเหล่านั้น ท้ายสุดก็จะคว้ามาได้ แต่พอทำได้แล้วจะไปต่อหรือไม่ นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะเป็นไปตามช่วงอายุ อย่างเราสมัยเป็นวัยรุ่นก็รู้สึกอยากอยู่ในวงการบันเทิง อยากเดินแฟชั่น ซึ่งก็ได้ทำ ต่อให้ตอนนั้นเราเป็นนายแบบที่ตัวเตี้ยขาสั้นที่สุดก็ตาม (หัวเราะ) ถัดมาหน่อย อยากร้องเพลง แต่เดิมเป็นคนที่ไม่มีจังหวะ แค่จะตบมือให้เป็นจังหวะยังเริ่มเองไม่ได้เลย ต้องมีคนตบมือนำเราถึงจะตบมือตามได้ ลองคิดดูว่าคนที่มีความพิการเรื่องนี้ (หัวเราะ) ยังได้ออกเทป แถมครั้งหนึ่งในชีวิตอยากเป็นแดนเซอร์ เราก็ได้ทำ แต่พอไปถึงจุดหนึ่ง เราก็หยุดและเลิกไปเอง แต่การทำอาหารไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอยากหยุด
รวมทั้งรายการทีวีด้วยหรือเปล่า
ถูกต้อง – นี่คือสิ่งเราอยากทำมาตั้งแต่สมัยเป็นนักแสดงแล้ว ถึงขั้นเคยทำเทปรายการไปเสนอช่อง 3 ตั้งแต่ตอนแรกๆ แล้วไม่ผ่าน เวลาก็ผ่านไป มองย้อนกลับมาเราก็ยังอยากทำอยู่ จึงลองทำโครงการไปเสนอใหม่ และแล้วก็เป็นจริง
มีสิ่งใดที่รู้สึกว่า ‘ไม่อยากทำ’ แต่ต้องทำบ้างไหม
เรามักจะชอบมองย้อนกลับไปแล้วรู้สึกว่า ชอบชีวิตแบบนั้นจังเลย แบบที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือแล้วต้องไปเข้าแถวต่อใช้โทรศัพท์ หรือการนั่งมองดูฮัทชิสัน เพจโฟน เราชอบความแมนวลของชีวิตแบบนั้น แต่โลกก็ต้องเปลี่ยนไป แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้เปลี่ยนตามไปหมดเสียทุกอย่าง เราไม่ชอบบางอย่างของตอนนี้ ยกตัวอย่าง เรามีเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่อัพเดตปีละครั้ง (หัวเราะ) ส่วนใหญ่เราใช้แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กแฟนเพจเพื่อเล่นเป็น ‘อาชีพ’ มากกว่าการเล่นแบบส่วนตัว แต่เราจะไม่ทักทายเพื่อน ไม่แฮปปี้เบิร์ธเดย์ในไทม์ไลน์วันเกิด ไอจีส่วนตัวก็ไม่อยากเล่น แต่ที่ต้องสร้างแอ็กเคานต์จริงก็เพราะมีคนแอบอ้างใช้แอ็กเคานต์ปลอมไปหลอกคนอื่น แต่หากจะให้แอ็กทีฟมากๆ ก็คงเป็นไอจี Pholfoodmafia พลพรรคนักปรุง ที่เล่นเป็นอาชีพเช่นกัน
ถึงขั้นฝืนความรู้สึกหรือเปล่า
ไม่ถึงขั้นนั้น ที่บอกว่าเล่นเป็นอาชีพ ก็เป็นเพราะน้องในทีมไม่สามารถตอบคำถามบางอย่างได้ ทำให้เราต้องเป็นคนตอบ เราจึงกลายเป็นแอดมินทั้งเพจเฟซบุ๊ก ไอจีและยูทูบไปโดยปริยาย ล่าสุดก็มีแชนแนล TikTok ด้วยที่เราก็ดูแอ็กเคานต์เอง
เมื่อเป็นแอดมินเองทุกแชนแนล สิ่งที่คุณได้รับย่อมมีทั้งบวกและลบ คุณจัดการกับความรู้สึกและสิ่งเหล่านี้อย่างไร
ปล่อยไปเถอะ (ลากเสียงยาว) ก็เคยมีคนที่มาถามแบบยียวน สุดท้ายก็มาพลิกประเด็นกลับบอกเราว่า แค่อยากมาจีบ หลอกด่าก็มี แต่เราก็ไม่ถือสาหาความ เรามีภูมิคุ้มกันจากการเป็นนักแสดงสูง (หัวเราะ) ในเชิงที่เรารู้เท่าทันว่าเป็นบุคคลสาธารณะยังไงก็ต้องมีทั้งคนชื่นชอบและคนที่ไม่ชอบคอยจะด่า เรารู้ว่าสังคมออนไลน์มีความซับซ้อน บางทีก็ละเอียดอ่อนมากๆ บางครั้งก็แข็งกร้าวมากๆ ประมาณว่าอยากจะลองภูมิ บ้างก็มาถามแบบงงๆ เราเคยเจอแบบคนเดียวกันถามคำถามเดียวกันกับเพื่อนเชฟ อย่างมาดามตวง ที่นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ นั่นยิ่งทำให้เราต้องกลับมาดูจิตของเราให้มีความเข้มแข็ง เรื่องไหนจริงก็แก้ไขและพัฒนาตัวเอง เรื่องไหนไม่จริงก็ปล่อยผ่าน ไม่ต้องไปใส่ใจทุกคำพูด ไม่อย่างนั้นอาจจะสติแตกร้องไห้ สิ่งที่ไม่ดีก็คืนเขาไป ไม่ต้องไปรับมาให้เป็นทุกข์ อยู่ให้เป็น และมุ่งเน้นไปที่การทำงานที่ทำแล้วมีความสุขดีกว่า
เห็นว่าอีกความสุขและสนุกของคุณคือ การเล่น TikTok
เราเริ่มเล่น TikTok ก่อนที่ใครๆ จะเข้าใจว่าเป็นแพลตฟอร์มเต้น เพราะเพื่อน ‘แชมป์’ – ศุภวัฒน์ พีรานนท์ Head of Music ของ TikTok ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว เป็นคนชวนเราให้เริ่มทำความรู้จัก TikTok เพราะตอนนั้นแชมป์ได้รับโจทย์ให้หาอินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหารมาโปรโมตแพลตฟอร์มนี้ เวลาผ่านไปแชมป์ก็คงคิดว่าเราลืมไปแล้ว แต่เราไม่ได้ลืม เรานำกลับมาคิดและพบว่างานส่วนใหญ่ของเราก็ใช้โซเซียลมีเดียเป็นหลัก เราจึงเปิดใจและเปิดโอกาสให้แพลตฟอร์มนี้เข้ามา เริ่มต้นด้วยการลองเล่นในวันแรกรู้สึกยากมากกกก… (ลากเสียง) ต้องโทรศัพท์ไปบอกแชมป์ให้หาน้องมาสอน และเมื่อเล่นไปสักพักทาง TikTok ก็ได้ส่งน้องในทีมมาสอนให้เราใช้เอฟเฟ็กต์และลูกเล่นมากมายที่อยู่ข้างใน ทั้งหมดก็คือความบันเทิงที่มีสาระความรู้เข้ามาผสมจนกลมกล่อม
ได้ลองแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง
ติด! (หัวเราะ) ตอนนั้นลิปซิงก์ยังไม่เยอะเหมือนทุกวันนี้ มีคอนเทนต์สนุกๆ ให้ดูเยอะมาก ยิ่งเราให้ความสนใจคอนเทนต์ไหนเป็นพิเศษ AI มันก็จะพาเราไปดูคอนเทนต์ใกล้เคียงกันไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเราไม่สนใจ มันก็จะบ๊ายบายเราไปเอง ความสนุกแบบนี้ เราให้ความรู้สึกประมาณอารมณ์ของตลกหน้าม่าน มาเล่นเร็วๆ แล้วก็จากไป แต่ปัจจุบันก็มีคลิปความรู้เยอะแยะมากมายให้เราได้ดู
จากการเล่นส่วนตัวเพื่อความสนุกสนาน แรงจูงใจใดที่ทำให้คุณเลือก TikTok ให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางของรายการ
เราไม่ได้ใช้ TikTok ในแง่ของการหาเงิน ในเมื่อเรามีคอนเทนต์อยู่แล้วก็แค่ตัดให้สั้นลงแล้วปล่อยลง TikTok หรือบางครั้งเรามีคอนเทนต์บางอย่างอยู่ในหัวแต่ไม่ได้ทำลงรายการ อย่างน้อยก็มียังมีแชนแนลนี้ให้เราทำสิ่งที่คิดสนุกๆ ออกมา เพื่อมอบความสนุกให้กับคนดูได้อีกทาง อย่างบะหมี่ใส่ช็อกโกแลต ปีโป้ชุบแป้งทอด ซึ่งเราสามารถทำได้เองทุกอย่างตั้งแต่ถ่าย ตัดคลิป และโหลดลง TikTok หรือให้น้องทีมตัดคลิปจากรายการให้เป็นฟอร์แมตแนวตั้ง ใส่เสียงสไตล์ TikTok ตัดให้ได้ความยาว 1 นาที ซึ่งก็จะแตกต่างจากแชนแนลอื่นๆ ที่คลิปวิดิโอเป็นแนวนอน
คุณคาดหวังยอดวิวคอนเทนต์จาก Tik Tok หรือเปล่า
เอาตรงๆ นะ เราว่าสำหรับคอนเทนต์ที่ตั้งใจมากๆ จะได้ผลตอบรับประมาณหนึ่ง แต่อันที่กลายเป็นไวรัลซึ่งเกิดจากความบังเอิญที่ลงตัวต่างหากกลับมีกระแสตอบรับที่เยอะเกินคาด ยกตัวอย่างสิ่งที่เราโพสต์ลง TikTok จากคาดหวังอีกอย่างกลายเป็นอีกอย่างที่ไม่ได้คาดหวัง คือคลิปที่เราต้องการนำเสนอที่ปอกเปลือกไข่ ตัดออกมาแล้วเปลือกไข่เรียบกริบ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เราชอบมาก มันทำได้หลายอย่าง เช่น ปอกออกมาแล้วรูปทรงไข่ก็สวย นำไปล้างให้สะอาด สามารถใส่ scramble eggs หรือใช้ทำแครมบรูเล ใส่ในเปลือกไข่ให้ดูเก๋ ในวันที่เราสาธิต เราก็ตั้งไข่แล้วเอาที่ปอกมาครอบปุ๊บ เราตั้งใจที่จะสื่อสารว่านี่คือ egg cracker โดยภาพที่ออกไปคือไข่ขาวไหลออกมาพรั่งพรู จุดประสงค์คือ เราต้องการสาธิตเครื่องปอกไข่ ปรากฏว่าสิ่งที่เราได้กลับมาคือคำด่ามากกว่าคำชมที่ผสมจนพายอดวิวไปถึง 6-7 ล้าน เพราะคนดูมุ่งไปที่เราทำไข่ขาวไหล หลังจากนั้นอีกคลิปหรือก็ตามมา วิธีการต้มไข่ให้ถูกต้อง ยอดวิวสี่หมื่น แต่หากอยากให้ยอดวิวเยอะๆ ต้องทำคลิปแนวทำบุญ แล้วจะมีคนเข้ามา ‘อนุโมทนา สาธุ ร่วมบุญ’ เยอะมาก (หัวเราะ)
คุณดูเข้าใจและมีความสุขกับทุกสิ่งที่ได้พบเจอระหว่างทาง ในขณะเดียวกันก็ยังพร้อมที่แชร์สิ่งที่ตัวเองมีให้กับคนอื่น เพราะเวลาหรืออายุที่เพิ่มมากขึ้นหรือเปล่า ทำให้คุณตกตะกอนเรื่องเหล่านี้ได้
เราอาจจะนำธรรมะเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่า เพราะเราเชื่อว่า เมื่อเรายิ่งให้ เราก็ยิ่งได้ คนที่ให้อาหารไม่มีวันอดตาย คนที่ให้ความรู้ไม่มีวันโง่ สิ่งที่เราทำก็คือการเปิดช่องให้เราได้เรียนรู้สิ่งนี้ ที่สำคัญ สิ่งที่เราให้นั้นยังเป็นอาชีพของเราด้วย เราพัฒนาเนื้อหา ค้นหาสูตรอาหารใหม่ๆ แถมยังได้เงินด้วย ที่ผ่านมาเราไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้ จนวันที่มีคนเข้ามาขอบคุณ – ในวันนั้นที่หนูไม่มีอาชีพ แต่เพราะได้สูตรนี้ของพี่… เราก็นึกออกเพราะทำไปแค่สองครั้ง แถมจำรสชาติไม่ได้ด้วยซ้ำ น้องนำสูตรที่ว่านี้ไปทำและพัฒนาต่อยอด จนสามารถเปิดร้านได้ในที่สุด คำถามคือ จะมีอาชีพไหนบ้างที่อยู่เฉยๆ แล้วทำอะไรให้กับสังคมทางอ้อมได้ ดังนั้น เราจึงไม่เคยหวงสูตรเลย แต่สำหรับคนที่ทำอาชีพสอนออนไลน์ ก็เข้าใจได้ เพราะรายได้ของเขามาจากการซื้อคอร์ส
หากเปรียบเทียบความสุขที่เกิดจากการเห็นคนกินอาหารแล้วอร่อย กับคนชมแล้วทำตาม คุณภูมิใจกับสิ่งใดมากกว่ากัน
เราไม่ได้รู้สึกยินดีหรือยินร้าย เหมือนกับจะอุเบกขา เพราะเราผ่านการทำร้านอาหารมาก่อน ชมก็ยิ้ม ด่าก็โอเค ตอบรับ ขอบคุณ เพราะไม่ว่าจะอย่างใด ทั้งหมดเราก็ทำเพื่ออาชีพแล้วก็เดินหน้าต่อไป
คุณเคยคาดเดาตัวเองตอนที่อายุมากกว่านี้ไว้ไหมว่า วันนั้นคุณจะยังคงเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรือจะเป็นนักปรุงอาหารอยู่ในวงการอาหารต่อไป
ในสมัยก่อน เราก็เป็นคนที่วางแผนอนาคตไว้แค่ระยะสั้นๆ 1-2 ปี แต่ปัจจุบัน เรามองแบบวันต่อวัน ไม่มองอนาคต เพราะทุกวันนี้มันเร็วมาก เร็วจนวางแผนอนาคตไม่ทัน เช่น วางแผนงานขายโฆษณาให้ได้ 1 ปี เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าปีนี้เราจะดำเนินชีวิตไปอย่างไร หากคิดไกลมากกว่า 3 ปี เราจะวางไว้แบบองค์รวมมากกว่า แต่จะไม่วางแพลตฟอร์มที่ชัดเจน เรารู้แค่ว่าอายุของเรามากขึ้น เราต้องการที่จะทำงานให้น้อยลง อยากมีบ้านที่ต่างจังหวัด อยากจะออกไปปลูกผักกินเอง เราอยากจะวางมือแล้วให้เด็กรุ่นใหม่สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยเรา แล้วเอาตัวเองไปทำอะไรอย่างอื่นที่สนุกขึ้น และทำอะไรคืนให้สังคมมากขึ้น เพราะชีวิตที่ผ่านมา เราทำอะไรมาเยอะมาก มีเงินที่หากไม่ได้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายก็สามารถอยู่ได้จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ต่อจากนี้เราก็จะออกไปใช้ชีวิตเพื่อคอนเน็กต์กับผู้คนอื่น ได้เจอเพื่อน และทำตัวให้ช้าลงบ้าง นี่ก็คงเป็นอนาคตแบบภาพรวมที่มองเอาไว้