เพราะวิถีและเงื่อนไขการใช้ชีวิตในยุคดิจิตอล ณ ปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ใครหลายคนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ต้องเหน็ดเหนื่อยวิ่งไล่ตามโลกและสิ่งต่างๆ รอบตัวให้ทัน ด้วยกลัวว่าจะถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง จนบางครั้งก็ลืมที่จะพักสูดลมหายใจของตนให้เต็มปอด หรือปรับคลื่นความถี่ด้วยการฟังเพลงเพราะๆ สักเพลง ลืมที่จะใช้เวลานั่งมองพระอาทิตย์ตก เพื่อที่ทำให้ชีวิตนั้นกลับมามีชีวาและเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ คงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าหากเรามีชีวิต แต่กลับไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น
เพราะไลฟ์สไตล์ของคนเราสามารถแปรเปลี่ยนไป และเปิดโอกาสให้เราได้ขยายมุมมองขอบเขตเพื่อสร้างสมดุลให้ชีวิตเป็นสุขได้เสมอ เราจึงชวนแขกรับเชิญของเราทั้ง 9 คน มาพูดคุยถึงการค้นหาไลฟ์สไตล์และตัวตนที่หลากหลายแต่ทว่าชัดเจน ซึ่งแต่ละคนสามารถหาและจัดสรรพื้นที่ส่วนตัวให้เข้ากับตัวตนที่เป็น ทั้งยัง Extend Style ส่วนตัวของพวกเขาออกมาเจอกับสิ่งใหม่ๆ สามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อแชร์กับคนอื่นได้เสมอ ซึ่งพวกเขาทำอย่างไรเราจะพาคุณไปคุยกับพวกเขากัน
…
Paul Sirisant: Managing Director, Universal Music Group (Thailand)
พอล สิริสันต์ เป็นทั้งผู้บริหารค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ชื่อดังระดับโลกซึ่งมีสาขาประจำประเทศไทย เป็นแฟมิลีแมนผู้อบอุ่น ที่มีดนตรีเป็นบทบาทความสำคัญเกี่ยวข้องกับชีวิตเขาและครอบครัว เช่นเดียวกับพื้นที่อยู่อาศัย ซึ่งมี ‘คลื่นความถี่’ เฉพาะส่งถึงกัน จะดีสักแค่ไหนหากเราสามารถออกแบบที่อยู่อาศัย เพื่อหา ‘vibration’ ที่เหมาะสม ซึ่งจะเชื่อมต่อและขยายขอบเขตแสดงออกถึงตัวตน แชร์สิ่งดีๆ ให้กับผู้คนและโลกภายนอกได้
My Life, My Style, My Rules
“บ้านของผมคือทุกอย่างของครอบครัว ตอนนี้ผมมีลูกชาย 1 คน อายุ 14 เดือน ครับ ก่อนที่ผมกับภรรยาจะมีลูกเราตั้งใจว่าบ้านของเราจะต้องเป็นสเปซที่เป็นตัวเรา ต้องรู้สึกสบายและปลอดภัย ในพื้นที่อยู่อาศัยของเราจะมีทั้งห้องครัว ชั้นหนังสือ ลีฟวิงรูม หรือมุมที่ผมใช้เล่นดีเจ เวลาที่เพื่อนๆ มาปาร์ตี้ที่บ้าน ทุกอย่างจะอยู่ในพื้นที่เดียวกันได้ทั้งหมด
“ผมเป็นดีเจมาตลอด 22 ปี ชีวิตผมอยู่กับเพลงมาโดยตลอด จนตอนนี้ได้เป็นผู้บริหารค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุดค่ายหนึ่งของโลก ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม เกือบทุกเช้าผมมักจะฟังแผ่นเสียง ตอนนี้ลูกผมเริ่มที่จะเดินได้ สิ่งที่เขาพูดอย่างแรกแทบจะทุกเช้าคือ ‘ปาป๊า ดีเจ’ ผมก็อุ้มลูกผมนั่งตรงบูธดีเจ เขาก็จะชอบ เพลงมันเป็นมากกว่า ambient และเป็นการ extend mood มันช่วยเติมเต็มความรู้สึกและความสุขของคนเราได้นะครับ ซึ่งโดยหลักวิทยาศาสตร์มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะร่างกายและอารมณ์ของคนเรามักถูกกำหนดด้วย vibration”
Co-sharing Vibration
“สำหรับผม vibration หรือคลื่นความถี่ของเสียง คือพลังงานในรูปแบบหนึ่งซึ่งเรามีให้กันและกัน และมันถูกกำหนดด้วยสเปซที่เราอยู่ สมมติว่าในที่อยู่อาศัยของผมมีห้องสำหรับดีเจห้องหนึ่ง ห้องกินข้าวห้องหนึ่ง ห้องอาหารอีกห้องหนึ่งแยกกันทั้งหมด ผมเชื่อว่าบ้านของผมจะไม่มี vibration อย่างที่มันเป็นอยู่ทุกวันนี้ คือเมื่อผมเปิดพื้นที่ให้ทุกคนในครอบครัวได้เดินมาเจอกันในห้องใหญ่ห้องเดียวที่เราสามารถทำทุกอย่างร่วมกันได้ มันจะมีพลังงาน มีความรู้สึก มันจะมีเซนส์ของการเป็นแฟมิลี เช่นเดียวกับการขับรถ การเดินเท้า และการใช้ขนส่งมวลชนในบ้านเรา ซึ่งถ้าเราอยู่แต่ภายในรถยนต์ส่วนตัว ก็จะไม่รู้สึกถึงสิ่งเหล่านี้ เพราะจะถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก ถ้าเราอยู่ในพื้นที่สาธารณะซึ่งสามารถแชร์อะไรกันได้ เราก็จะได้รับ vibration ของผู้คนและสังคมเราจริงๆ”
Extend Your Style
“แท้จริงแล้วสไตล์ก็คือ ‘อัตลักษณ์’ ของคนเรา มันคือการแสดงออกถึงตัวตน ดังนั้น ‘Extend Your Style’ สำหรับผมก็คือการบอกกับโลกใบนี้ให้รู้ว่าคุณเป็นใคร คุณจึง extend หรือทำสิ่งเหล่านั้นออกมา เพราะสไตล์มันมาจากข้างใน ดังนั้น สุดท้ายแล้วเนี่ย สิ่งที่คุณทำมันก็ควรจะเป็นตัวตนของคุณที่แท้จริง ซึ่งคุณสามารถที่จะแชร์ร่วมกับคนอื่น และแชร์กับโลกภายนอกได้ด้วย”
Chanicha Boonpanuvichit: Freelance Actress / Artist / DJ
หญิงสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความสดใส มั่นใจ และพลังบวก ‘ฌา’ – ชณิฌา บุญภาณุวิจิตร ปัจจุบันนอกจากจะเป็นทั้งนักแสดงอิสระ ดีเจแห่งคลื่น Mellow 97.5 FM แล้ว ฌายังเป็นศิลปินดนตรีอิสระที่กำลังซุ่มทำงานเพลงส่วนตัว มาพบกับเราในคราวนี้ เธอพกแนวคิดในการออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยแห่งแรงบันดาลใจให้เหมาะสมกับวัยและไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว รวมถึงตัวตนของเธอให้มากที่สุด
My Life, My Style, My Rules
“ตอนนี้นอกจากเป็นดีเจอยู่ที่คลื่น Mellow 97.5 FM แล้ว ฌาคิดว่าไม่น่าจะเกินปลายปีนี้น่าจะมีการปล่อยซิงเกิลเพลงของตัวเองออกมา ตอนนี้เราก็กำลังอยู่ในช่วงทดลองทำเพลงหลายๆ แบบไปเสนอกับค่ายเพลงต่างๆ ดู แล้วก็ยังมีงานอีกส่วนหนึ่งที่ฌาอยากจะทำ คือทำงานเบื้องหลังเขียนซึ่งคือการเขียนบทด้วย
“ด้วยความที่มีความเป็นศิลปินค่อนข้างสูง ก็เลยทำให้ฌาค่อนข้างให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว เพราะงานที่เราทำนั้นต้องใช้ทั้งสมาธิและอารมณ์ค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ฌาให้ความสำคัญมากๆ ในการหาที่อยู่อาศัย คือเป็นพื้นที่ของเรา ที่เราจะสามารถใช้สร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน สามารถตอบโจทย์ทั้งการทำงาน ไลฟ์สไตล์ และตัวตนของเราให้มากที่สุด”
My Personalised Space
“ฌาเป็นคนที่ชอบมองพระอาทิตย์ตก ชอบบรรยากาศตอนที่แสงอาทิตย์กำลังจะตกลอดส่องเข้ามาภายในห้อง ซึ่งเราว่ามันให้ความรู้สึกที่ดีมาก ดังนั้น จะอย่างไรก็ตามห้องหรือคอนโดฯ ที่ฌามองหาต้องอยู่ทางทิศตะวันตก และก็ต้องมีพื้นที่ของระเบียงกว้างๆ สักหน่อยให้เราได้นั่งมองดูวิวพระอาทิตย์”
“อีกอย่างคือเราอยากจะออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับไว้วางคีย์บอร์ดสำหรับเล่นแล้วก็ใช้แต่งเพลง ซึ่งฌาคิดว่าเลย์เอาต์ของห้องนั้นมีความสำคัญมากๆ ถ้ามันออกแบบมาสำหรับเราโดยเฉพาะ ให้ตอบโจทย์ความชอบและตัวตนของเราได้ก็จะดี ยิ่งถ้าห้องของเราสามารถมีความยืดหยุ่นหรือ flexibility ให้สามารถปรับมาใช้ประโยชน์ได้หลายแบบก็จะดีมากๆ เพราะถึงแม้จะบอกว่าฌาจะรักความเป็นส่วนตัว แต่ก็เป็นเวลาที่เราทำงานเท่านั้น ถ้าเวลาว่างๆ ฌาก็อยากจะให้เพื่อนมานั่งเล่น มีปาร์ตี้เล็กๆ มานั่งกินอะไรหรือมานั่งดูหนังด้วยกันบ้าง ซึ่งเวลาแบบนั้นเราก็จะทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดีมากๆ”
Extend Your Style
“สไตล์ก็คือสิ่งที่แสดงถึงความเป็นตัวเรา ซึ่งสามารถแสดงออกผ่านหลายสิ่งที่เราทำ อย่างภาพของฌาที่ลงผ่านอินสตาแกรมก็บ่งบอกถึงสไตล์ของฌาได้ในส่วนหนึ่งแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ต้องดูหลายๆ อย่างในสิ่งที่เราทำประกอบกัน ไปจนถึงเรื่องที่อยู่อาศัยซึ่งก็บอกถึงตัวตนของเราได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ทำเลที่ตั้ง หรือชื่อและภาพลักษณ์ของโครงการที่เราเลือก ไปจนถึงคอนเซ็ปต์และความน่าเชื่อถือของโครงการนั้นๆ ซึ่งเราควรจะเลือกในสิ่งที่สะท้อนถึงความเป็นตัวเราได้ดีที่สุด”
Teerut Wongwatanasin: Designer & Founder of V ACTIVEWEAR & V.2
ดีไซเนอร์ผู้มีสไตล์ของตัวเองชัดเจนที่สุดคนหนึ่งในวงการแฟชั่นไทย ‘วิค – ธีร์รัฐ ว่องวัฒนะสิน บอกเล่าถึงการจัดสรรพื้นที่ สร้างสภาวะแวดล้อมให้เอื้อต่อการสร้างสรรค์ผลงาน รวมไปถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับ Co-sharing Facilities ในฝันสำหรับคนยุคมิลเลนเนียล ซึ่งจำนวนไม่น้อยมีอาชีพเกี่ยวกับการค้าขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมกับมุมมองในการ Extend Your Style ตามความคิดของดีไซเนอร์ผู้เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ผู้นี้
My Life, My Style, My Rules
“ตอนนี้ผมทำแบรนด์เสื้อผ้าอยู่ 2 แบรนด์ คือ ‘V ACTIVEWEAR’ ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าออกกำลังกาย และ ‘V.2’ ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้าแนวสตรีท คนที่ทำงานสร้างสรรค์อย่างดีไซเนอร์เช่นเราล้วนต้องการพื้นที่และสเปซส่วนตัวในการคิดงานอยู่แล้ว พวกคนทำงานครีเอทีฟอย่างผมมักจะอยู่ในที่แคบๆ ไม่ค่อยจะได้ เพราะเวลาอยู่ที่แคบปุ๊บ ความคิดเรามันจะไม่ค่อยแล่นจนต้องออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ หรือไม่ก็ต้องจัดสภาพแวดล้อมในพื้นที่ของเราให้เอื้อต่อการคิดสร้างสรรค์ผลงาน
“อย่างที่บ้านผมพยายามจัดสรรพื้นที่ให้ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด โดยทำโซนหนึ่งให้เป็นสตูดิโอถ่ายภาพ เพราะเราต้องถ่ายสินค้าตลอดเวลาอยู่แล้ว เนื่องจากการขายของออนไลน์สมัยนี้โลกเรามันเดินไปเร็วมาก พอของมาปุ๊บก็ต้องขายทันที เลยต้องมีรูปปุ๊บ จะให้ไปรอถ่ายอีกสองอาทิตย์สินค้าของเราก็อาจจะตกเทรนด์ไปแล้วก็ได้ จึงต้องจัดสรรพื้นที่สำหรับการนี้ และเวลาที่ไม่ได้ใช้ถ่ายรูปเราก็ยังจัดสรรพื้นที่ตรงนี้เป็นห้องประชุมได้ด้วย ส่วนอีกด้านหนึ่งก็ทำให้เป็นสต็อกสำหรับเก็บและแพ็กของ และอีกชั้นหนึ่งก็เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเราสำหรับพักผ่อนเวลาที่ไม่ได้กลับบ้าน เรียกได้ว่าสามารถใช้ประโยชน์ให้ได้สูงสุดและเข้ากับไลฟ์สไตล์การทำงานของตัวผม”
My Dream Co-Sharing Facilities
“ผมว่าคนในสมัยนี้นอกจากจะต้องการอะไรที่ personalize ซึ่งเข้ากับตัวตนและชีวิตของแต่ละคนแล้ว เทรนด์ของ Co-sharing Facilities ก็มีประโยชน์ไม่น้อยสำหรับคนในเจเนอเรชันนี้ซึ่งหลายๆ คนทำอาชีพเป็นเจ้าของธุรกิจส่วนตัว และค้าขายทางออนไลน์ อย่างถ้ามีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เราสามารถแชร์กันได้ เช่น งานของผมก็ต้องมีสตูดิโอถ่ายภาพ หรือสตูดิโอสำหรับสร้างสรรค์งานคราฟต์ ถ้าโครงการที่อยู่อาศัยสามารถจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ส่วนกลาง นอกจากลูกบ้านจะได้มาใช้ประโยชน์แล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้กับคนที่มีความคิดสร้างสรรค์คล้ายๆ กันได้มาเจอกัน เพื่อแลกเปลี่ยนและแชร์ความคิดเห็น ข้อมูล ฯลฯ ซึ่งกันและกันได้ ก็จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเรามาก”
Extend Your Style
“สำหรับผม การเปิดมุมมองใหม่ๆ ของการใช้ชีวิตเป็นเรื่องที่สำคัญ เราไม่ใช่คนอนุรักษ์นิยมอะไรมากมายนัก ทำให้สามารถเปิดใจลองสิ่งใหม่ๆ ได้ทำอะไรใหม่ๆ ได้เปิดตัวเองเข้าสู่ไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยเจอ จากไลฟ์สไตล์เดิมๆ ที่คุณมีหรือทำอยู่แล้ว ทำไมไม่ลอง extend หรือขยายขอบเขตให้มันกว้างขึ้นล่ะ คุณอาจจะได้สัมผัสประสบการณ์และได้รับมุมมองใหม่ๆ ในการคิดและในการใช้ชีวิตก็เป็นได้”
Alita Tantivirasut: Model / Founder of MERA Swimwear
สาวสวยสายเฮลตี้ตัวจริง ‘แพร’ – อลิตา ตันติวีรสุต ที่ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวขอเธอกลายเป็นต้นแบบให้สาวๆ อีกหลายๆ คนที่อยากจะมีหุ่นฮอตเป๊ะเวอร์ในฝันเหมือนเธอ นอกจากบทบาทการเป็นนางแบบและสปอร์ตตี้เกิร์ลแล้ว อีกด้านหนึ่งเธอก็เป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ชุดว่ายน้ำในชื่อ MERA Swimwear ซึ่งไลฟ์สไตล์ทั้งหมดเป็นแพสชันที่เธอเลือกผสมผสานเข้ากับชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว
My Life, My Style, My Rules
“นอกจากการบ้าออกกำลังแบบสุดๆ เหมือนที่คนเห็นเราอยู่ในไอจี ช่วงนี้แพรกำลังโฟกัสกับการไปเข้าคอร์สเรียนเทรนเนอร์แบบจริงจังเลย คือเราไม่ได้อยากเป็นเทรนเนอร์นะ แต่แพสชันของเรามาในสายนี้แล้ว เราก็อยากจะหาความรู้มาเติมให้กับตัวเองมากขึ้น เพราะเราก็ไม่อยากให้ความรู้ผิดๆ กับคนอื่น กับงานอีกอย่างที่ทำอยู่คือการเปิดแบรนด์ชุดว่ายน้ำของตัวเอง ชื่อแบรนด์ MERA Swimwear เพราะว่าเป็นคนชอบใส่ชุดว่ายน้ำ ชอบไปทะเล ซึ่งอันนี้ก็นีชมาร์เกตนิดหนึ่ง เพราะว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่กล้าใส่ชุดแบบที่เราทำ แต่เรามักจะเลือกทำทุกอย่างในแบบที่ตัวเองชอบก่อน”
Active Living, Active Learning
“ตอนแรกแพรเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายเลย ไม่กล้าใส่ชุดว่ายน้ำ แต่ที่เรามาเริ่มทำเพราะว่ามันมาจากการที่เราไม่ชอบหุ่นตัวเองก่อน เลยพยายามหาวิธีง่ายๆ ที่ไม่ต้องออกกำลังกาย แต่ทำไปทำมามันก็ไม่ได้ผล แต่การออกกำลังกายได้ผลไม่ใช่แค่เฉพาะหุ่น แต่เราได้สุขภาพ ได้ทัศนคติในการใช้ชีวิตกลับมาเยอะมาก แพรกลายเป็นคนที่มั่นใจขึ้น จากชีวิตเป็นคนที่ขี้เกียจเนือยๆ ก็กลายเป็นคนแอ็กทีฟ และมุมมองจากที่เราชอบมองโลกว่าเราทำนู้นทำนี่ไม่ได้หรอก พอมาออกกำลังกายแล้วมันทำให้เรารู้สึกว่าเราทำอะไรหลายๆ อย่างไรนะถ้าเราตั้งใจ”
“พอกิจกรรมส่วนตัวเป็นแบบนี้ แพรเลยจะชอบอยู่ในพื้นที่กว้างๆ มีอุปกรณ์ให้เราออกกำลังกาย อาจจะไม่จำเป็นต้องครบ เพราะเล่นฟรีเวตอยู่แล้ว แต่อาจจะต้องมีดัมเบล มีเวตให้เรานิดหนึ่ง หรือสระว่ายน้ำที่เป็นเอาต์ดอร์มีแดดลง เพราะเราอยากทำกิจกรรมหลายๆ อย่างของเราให้จบในที่เดียวจะได้ไม่ต้องไปไหน เพราะแค่ทำงานแต่ละวันเอาจริงๆ ก็ยุ่งอยู่แล้ว ถ้าเรารวมฟังก์ชันทุกอย่างที่จำเป็นมาไว้ได้จะดีมากๆ เลย”
Extend Your Style
“เราว่าชีวิตที่มีสีสันมันคือการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ นะ เหมือนอย่างที่แพรเล่าว่าเมื่อก่อนเราเป็นคนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย และคิดว่าหลายๆ อย่างเป็นไปไม่ได้ แต่พอเราได้ออกไปลองทำมัน ไปลองอะไรหลายๆ อย่าง จนเจอสิ่งที่เราชอบ และถ้าสิ่งเหล่านั้นมันทำให้เรามีความสุข สำหรับแพรนั่นคือการทำให้ทุกอย่างในชีวิตมีคุณค่าแล้ว”
Sorasak Chanmantana: Musician / Founder of Onion & Brave Roasters
หลายคนนึกไม่ถึงว่ามือกีตาร์หนุ่มหล่อจากวง Slur อย่าง ‘เฮ้าส์’ – สรศักดิ์ จันทรมัณฑนา จะมีแพสชันหลายอย่าง ทั้งเป็นผู้ก่อตั้งร้าน selected shop ที่รวมสินค้าแฟชั่นจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียว ก่อตั้งโรงคั่วกาแฟและคาเฟ่ ที่เยี่ยมทั้งรสชาติและสไตล์จนกลายเป็นแหล่งแฮงเอาต์ของวัยรุ่นยุคใหม่ได้ อะไรที่ทำให้เขาสามารถโฟกัสในการสร้างสรรค์และทำหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างไปพร้อมกันแบบนี้ได้ เขาจะมาแชร์ให้เราฟัง
My Life, My Style, My Rules
“ทุกวันนี้ผมมีสิ่งที่ให้โฟกัสอยู่สามอย่าง อันแรกเลยก็คือร้านที่ชื่อว่า Onion เป็น selected shop เป็นร้านที่นำเข้าสินค้าแฟชั่นจากหลายๆ ประเทศ มีหน้าร้านอยู่ที่เอกมัยและก็มีการขายออนไลน์ อย่างที่สองเป็น Brave Roaster เป็นโรงคั่วกาแฟและคาเฟ่ ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ที่ทำกับหุ้นส่วนอีกสองคน และอย่างสุดท้ายก็คือการเป็นมือกีตาร์ของวง Slur กับค่ายสมอลล์รูม ซึ่งดนตรีกับแฟชั่นสองสิ่งนี้เป็นแพสชันที่มันเชื่อมกันอยู่แล้วของผม และกาแฟเป็นการค้นหาด้านใหม่ๆ ของชีวิต เพราะเป็นด้านที่เราไม่ได้เชี่ยวชาญมาก แต่เราก็สนุกและทุ่มเทให้ทุกๆ อย่างเหมือนกัน”
My Personalised Space
“ผมชอบที่จะเอาทุกอย่างมารวมไว้ในห้องนอน เพราะผมสามารถจัดการงานต่างๆ แบบเร็วๆ ได้ มีอุปกรณ์อัดเสียงอยู่บนโต๊ะ มีคอมพิวเตอร์ เวลาที่เราตื่นมามีไอเดียในการทำเพลง เราก็สามารถบันทึกมันได้ทันที และก็สามารถทำระบบหลังบ้าน งานเอกสารของทั้งที่ร้าน Onion และ Brave Roaster ได้ด้วย ผมพยายามจัดให้ทั้งสามงานของผมทำในโต๊ะเดียวกันได้ เพราะฉะนั้น พื้นที่การทำงานซึ่งจริงๆ เป็นห้องนอน (หัวเราะ) ก็จะสำคัญที่สุดในบ้าน แต่ที่เล่าแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำงานทุกอย่างได้หมดนะ แต่อย่างน้อยเราต้องจัดการให้เยอะที่สุดก่อนที่จะไปถึงออฟฟิศจริงๆ
“บางทีเวลาที่ผมไปมองหาคอนโดฯ หรือที่อยู่ใหม่ ถ้าเน้นพื้นที่พักผ่อนมากเกินไปผมอาจจะไม่ค่อยชอบ เพราะผมไม่ได้รู้สึกว่าการทำงานมันคือการทำงานขนาดนั้น เราสนุกกับมันและก็เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว การดูหนังเพื่อพักผ่อนเลยอาจไม่จำเป็นต่อผมเท่าไหร่ ผมเชื่อว่าแต่ละคนมีตัวตนของตัวเอง บ้านเป็นพื้นที่ที่บอกตัวตนของแต่ละคนเลย บางคนอาจจะอยากมีทีวีในห้องน้ำก็ได้ (หัวเราะ)”
Extend Your Style
“ผมว่าโลกทุกวันนี้ทุกอย่างมันเร็วมาก บางทีอีกปีสองปีเราอาจจะไม่พอใจในสิ่งที่เรามีหรือทำอยู่ก็ได้ อาจจะไม่ได้มีความชอบสามอย่างแล้วก็ได้ อาจจะเหลือหนึ่งอย่างและมีอย่างอื่นโผล่ขึ้นมาแทน สภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวเราจึงต้องง่ายต่อการปรับเปลี่ยน ไม่ใช่ว่าเราต้องมารื้อถอนมันใหญ่โต เราอยากได้พื้นที่อยู่อาศัยที่หมุนเปลี่ยนได้ ถ้าฟังก์ชันมันรองรับตรงนั้นก็ถือว่าตอบโจทย์คนรุ่นผมนะ”
Nalinna Li: Artist / Founder of Forest Bake
นลินนา ลี ศิลปินสาวหน้าหวานผู้หลงรักการทำงานออกแบบ การจัดดอกไม้ และการอบขนมปัง ซึ่งเธอรวมรวบไลฟ์สไตล์ส่วนตัวเหล่านั้นจนกลายเป็นคาเฟ่สุดอบอุ่น Forest Bake ซึ่งล่าสุดก็เพิ่งขยายป่าสีเขียวของเธอจากเชียงใหม่ มาเปิดสาขาเพิ่มที่กรุงเทพฯ อีกด้วย นอกจากนี้เธอยังมีบทบาทในการทำสไตลิงให้กับสินค้าแบรนด์ดังจากอเมริกา รวมทั้งออกแบบตกแต่งโรงแรมที่ญี่ปุ่นอีกด้วย ซึ่งทุกงานเธอล้วนใส่ตัวตนของตัวเองลงไปอย่างเต็มที่
My Life, My Style, My Rules
“การทำงานของลินทุกวันมันเป็นไลฟ์สไตล์เลย ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะไม่มีร้านขนมปังก็ทำแบบนี้ ลินจะมีรูทีนการใช้ชีวิตส่วนมากอยู่กับสเปซของตัวเองที่บ้าน อย่างลินจะมีการจัดดอกไม้ ทำขนมกับคุณแม่ แล้วก็มีสเปซในการถ่ายรูปเพื่อที่จะทำฟู้ดสไตลิงของตัวเอง จากนั้นก็กลับไปทำงานศิลปะที่ต้องมีสมาธิอยู่คนเดียว
“ลินมองทุกอย่างในชีวิตเป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการขนม ถ่ายรูป จัดดอกไม้ ท่องเที่ยวเดินทาง มันคือเรื่องเดียวกัน คือศิลปะ มันอยู่ที่เรามองมันอย่างไร เชื่อว่าทุกวันนี้คนจะมีงหน้าที่การงานประจำของตัวเองแหละ แต่ว่าเราได้แรงบันดาลใจเยอะแยะจากหลายๆ ด้าน ทุกอย่างมันเป็นแรงบันดาลใจ ขอแค่เราอย่าไปคิดว่าเราทำไม่ได้ ความคิดแบบนี้จะหยุดการเริ่มทำอะไรใหม่ๆ และทำให้เราอยู่ในกรอบ แต่จงให้สิ่งรอบข้างมาเป็นแรงบันดาลใจเหมือนที่ลินทำกับทุกๆ สิ่งดีกว่า”
My Personalised Space
“ลินจะออกแบบพื้นที่ของตัวเองโดยดูจากแสงเป็นหลัก อย่างสมมติเวลาที่ลินจะทำงานอะไร จะใช้แสงแดดเป็นที่ตั้งว่าแสงตอนเช้า ตอนบ่าย ตอนเย็น พื้นที่ของเราตรงนั้นและแสงเหมาะกับการทำอะไร เราพยายามที่จะใช้ธรรมชาติในการทำงานให้มากที่สุด อย่างถ้าจะทำขนมต้องใช้สายตาเยอะ ที่ที่เราทำก็ต้องมีพื้นที่ใหญ่พอและมีแสงเข้า หรืออย่างการจัดดอกไม้และวาดรูป เราก็จะทำข้างนอก อาจจะอยู่ในสวนหรือระเบียงที่มีแสงแดดส่องมาอ่อนๆ”
Extend Your Style
“เรารู้สึกว่ามันสำคัญสำหรับคนยุคนี้นะ ที่ต้องก้าวออกมาจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง อย่างลินเองก็เพิ่งเปลี่ยน จากบ้านที่เคยอยู่กับคาเฟ่ที่มีต้นไม้เยอะๆ ที่เชียงใหม่ มาเปิดคาเฟ่ที่กรุงเทพฯ คือตอนแรกก็ไม่ชิน แต่ลินเชื่อว่าเราสามารถปรับตัว และขยายสไตล์ของตัวเองได้ อย่างจากเดิมที่ลินทำจะเป็นป่าอย่างเดียว ตอนนี้กลายเป็น Forest x City อะไรแบบนั้นมันก็จะได้อีกอารมณ์หนึ่ง”
Chatchawarn Janthachotibutr: Photographer / Founder of Q&A Bar
นอกจากจะเป็นช่างภาพแนวสตรีทมากฝีมือที่มีสไตล์โดดเด่นจนเข้าตากรรมการและได้รับคัดเลือกให้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับกล้องถ่ายรูปแบรนด์ดังอย่าง Leica แล้ว ‘ชัช’ – ชัชวาล จันทรโชติบุตร ยังทำงานอีกหลายอย่าง เช่น เป็นหุ้นส่วนของ hidden bar ชื่อดังอย่าง Q&A รวมทั้งเป็นหุ้นส่วนของธุรกิจกราโนลาที่ทำร่วมกับน้องชายอีกด้วย เขาใช้พื้นที่อยู่อาศัยเป็นทั้งพื้นที่ในการสร้างสรรค์งาน และขยายขอบเขตความคิด บาลานซ์ชีวิตของตัวเองให้มีความสุขในทุกด้าน
My Life, My Style, My Rules
“ผมคิดว่าเรื่องสเปซ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยนั้น สำคัญมากสำหรับชีวิตของคนเรา เพราะเป็นสถานที่ซึ่งเราต้องใช้เวลาอยู่ด้วยค่อนข้างจะเยอะ เราทำอะไรทุกอย่างอยู่ในพื้นที่นั้น ที่อยู่อาศัยเป็นทั้ง safe zone ที่ทำให้เรารู้สึกอุ่นใจ เป็นที่ให้เราได้พักผ่อน เป็นทั้งสถานที่สำหรับการคิดเพื่อเป็นบ่อเกิดแห่งความคิดสร้างสรรค์ เป็นสถานที่ทดลอง เป็นอะไรต่อมิอะไร ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับเรา
“ทุกวันนี้ที่อยู่ของผมตอบโจทย์ทุกอย่างในชีวิตผมทุกแง่มุม แค่ผมลุกขึ้นจากเตียงแล้วหยิบกล้องถ่ายรูปก็สามารถที่จะเริ่มทำงานได้แล้ว เพราะผมออกแบบปรับพื้นที่ให้ภายในสเปซของเรานั้นมีสตูดิโอเล็กๆ สำหรับถ่ายรูป และเมื่อเดินไปอีกห้องก็สามารถช่วยน้องชายอบกราโนลาและแพ็กของซึ่งเป็นธุรกิจที่เราทำร่วมกัน พอเดินเข้าครัวก็สามารถทำกับข้าวกิน ปาร์ตี้เวลามีเพื่อนๆ มา เมื่ออยากออกกำลังกายก็มีพื้นที่สำหรับเล่นโยคะ”
Co-sharing Inspiration
“สำหรับเรื่อง Co-sharing Facilities ซึ่งคนในโครงการสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ เลย โดยเฉพาะถ้ามันเป็นสิ่งที่ตรงกับงานหรือไลฟ์สไตล์ของเรา อย่างเช่นสำหรับตัวผมเองเนี่ย ถามว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบไหนที่ผมต้องการ คือถ้ามีสตูดิโอถ่ายรูปนี่ก็จะเยี่ยมมากๆ เพราะมันมีประโยชน์สำหรับอาชีพของผม หรือหากมีห้องทำงาน มีห้องประชุม มีห้องสมุดที่มีหนังสือให้เราเปิดดูแล้วก็คิดอะไรออก มีทรัพยากรอะไรที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ มันก็จะตอบโจทย์คนในยุคปัจจุบันที่ทำงานอิสระในลักษณะนี้กันเยอะขึ้น
“ผมเชื่อว่า ถ้าที่อยู่อาศัยสามารถมีสิ่งเหล่านี้แทรกเข้ามาได้ ก็จะทำให้การคิดสร้างสรรค์ของเราดีขึ้นอีกเยอะ เพราะไม่ต้องเสียเวลาย้ายจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเพื่อใช้บริการหรือหาแรงบันดาลใจจากสิ่งเหล่านี้ เพราะอย่างหนึ่งที่เราต้องยอมรับก็คือระบบคมนาคมขนส่งในเมืองของเรานั้นใช่ว่าจะดี แค่ฝนตกรถติด รถไฟฟ้าเสีย ก็ทำให้เราหมดเปลืองเวลาและพลังงานไปกับสิ่งเหล่านั้นแล้ว พลังที่จะคิดสร้างสรรค์ได้ก็ยิ่งลดลง”
Extend Your Style
“การได้แชร์พื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกยังเอื้อให้เกิดการแชร์ความคิดกันอีก ซึ่งก็สามารถช่วยปลดล็อกความคิดของคนเราได้เหมือนกันนะ และมันเหมือนเป็นการขยายขอบเขตทางความคิดของตัวเราเอง สำหรับผม การ ‘Extend Your Style’ มันหมายถึงทุกๆ เรื่องเลยนะ มันเป็นสไตล์ทางความคิด ซึ่งถ้าเราสามารถขยายขอบเขตและปลดล็อกมันได้ ก็จะบาลานซ์และทำให้เรารู้สึกมีความสุขกับชีวิตขึ้นมาได้”
Awat Ratanapintha: Actor / Musician
หลายคนคงจำหนุ่ม ‘อัด’ – อวัช รัตนปิณฑะ ได้จากซีรีส์ดังจากค่ายจีดีเฮชอย่าง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่านอกจากฝีมือทางการแสดงแล้ว หนุ่มคนนี้ยังมีความหลงใหลในเสียงดนตรีอย่างถอนตัวไม่ขึ้นอีกด้วย ซึ่งเขาได้ขยายแพสชันนั่นออกมาทำวงดนตรีกับเพื่อนๆ ในชื่อวง mints สังกัดค่าย What the Duck ลองไปคุยกับเขาดูว่าอะไรทำให้เขาสนุกกับการจัดการความกลัว และทดลองทำสิ่งใหม่ๆ ในทุกๆ วันแบบนี้
My Life, My Style, My Rules
“ถ้าไม่นับเรื่องเรียน ตอนนี้ผมโฟกัสอยู่ 2 อย่างหลักๆ คือการเป็นนักแสดง กับการทำวง mints ซึ่งเป็นเพลงอัลเทอร์เนทีฟพ็อพ ซึ่งที่ผมสนใจสองอย่างนี้มันมาจากเด็กๆ ที่พ่อของผมเขาเปิดร้านเหล้า ผมก็จะได้เห็นวงดนตรีสดเล่นเพลงนู้นเพลงนี้ตลอดเวลา ผมว่าผมซึมซับด้านดนตรีมาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วตอนเด็กๆ พ่อกับแม่ก็เปิดหนังให้ดู มันเหมือนเลยซึมซับทั้งสองอย่างทั้งเรื่องดนตรีและก็การแสดง
“แต่จุดพลิกผันคือผมมีโอกาสได้ไปลองเล่นโฆษณาตอนอายุ 15 และผมรู้ได้ทันทีเลยว่านี่คือความชอบของเรา ตั้งแต่เกิดมาทำไมเราไม่เคยมีความสุขขนาดนี้ เป็นเปลาะแรกที่ทำให้เรากล้าลุกออกมาทำอะไรที่เป็นตัวเองแบบนี้ ทุกอย่างมาจากการได้ลองทำ ส่วนเรื่องเพลง แม้เราจะมีความฝันมาตั้งแต่เด็ก แต่เหมือนเราไม่ได้ไปสนใจและไม่คิดว่าเราจะทำได้ แต่พอเราโตมาอีกระดับหนึ่ง ครูที่สอนเราร้องเพลงอย่าง พี่โบ๊ท วงสมเกียรติ บอกว่าเรามีศักยภาพนะ เราน่าจะไปได้ เหมือนจุดประกายความรู้สึกเราว่า หรือที่ผ่านมาเรากลัววะ ผมก็เลย เอาวะ ลองดู”
My Personalised Space
“ผมเป็นคนติดกับเรื่องโลเกชันเวลาทำงาน อยากให้พื้นที่มันโล่งและไม่รบกวนความคิดเราหรือเวลาการทำงานเรา ถ้าผมอยู่ในที่ที่มันแคบมากๆ ผมจะรู้สึกอึดอัดกับการทำงาน หรือถ้าผมไปอยู่ในที่ที่มันเสียงดังมีรถผ่าน ผมก็จะรู้สึกไม่มีสมาธิ เลยรู้สึกว่าโลเกชันมันมีความสำคัญไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่าง จะแต่งเพลง อ่านบท หรือว่าบางทีเราต้องซ้อมบทอยู่ที่บ้านคนเดียว
“อีกอย่างสำหรับผมคิดว่ามันจำเป็นที่เราต้องออกไปเจอกับคนใหม่ๆ ไปเจอกับสิ่งใหม่ๆ โดยเฉพาะถ้าเราอยู่ในสายงานนี้ เพราะถ้าเราเปิดมุมมองที่เรามีต่อทุกๆ อย่างก็จะกว้างขึ้น บางทีที่เราอยู่ในกรอบของเราเอง เราคิดว่าเรารู้เยอะแล้ว แต่มันไม่มีทางเยอะเกินที่เรามี บางทีที่เราออกไปใช้ Co-sharing Space เราอาจไปเจอคนที่ไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน แต่เขามีมุมมองใหม่กว่าก็ได้”
Extend Your Style
“ทุกอย่างในชีวิตทำให้ผมรู้สึกว่าในเรื่องของสไตล์ มันไม่จำเป็นว่าคนเราต้องเก่งเท่ากัน ทุกคนมีสไตล์เป็นของตัวเอง แต่ถ้าเรารู้ว่าเราทำสิ่งไหนได้ดี และชัดเจนในสิ่งที่เราเป็น มันก็ไปได้ของมัน และในแต่ละคนสามารถมีหลายบทบาท มีหลายแพสชันได้ มนุษย์เราเก่งนะครับ ผมว่าถ้าเราเชื่อในสิ่งที่เราทำ ทุกอย่างมันสามารถไปได้ในแบบของมัน มันไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้บนโลกใบนี้ เราทำได้หมด มันอยู่ที่ว่าเราจะทำหรือเปล่า”
Jirayu Koo-Armornpatana: Illustrator / Food Blogger
เราคงคุ้นเคยผลงานของศิลปินสาวอย่าง จิรายุ คูอมรพัฒนะ กันดี เพราะเธอเป็นหนึ่งในอิลลัสเตรเตอร์แถวหน้าของเมืองไทยที่มีผลงานกับแบรนด์ใหญ่ๆ อยู่ต่อเนื่อง แต่ในอีกด้านหนึ่งเธอเป็นนักชิมตัวยง ที่เรียกว่ากินจนกลายเป็นงานไปแล้วในบทบาทฟู้ดบล็อกเกอร์ในชื่อ wearekinkin ในอินสตาแกรม ลองไปสำรวจชีวิตของเธอว่าในพื้นที่ที่ใช้สร้างสรรค์งานทุกอย่าง เธอออกแบบมันอย่างไร
My Life, My Style, My Rules
“ตอนนี้นอกจากจะทำงานศิลปะ เป็นอิลลัสเตรเตอร์เหมือนที่ใครๆ รู้แล้ว อีกหนึ่งอย่างที่ทำร่วมกับพาร์ตเนอร์ก็คือบล็อกชื่อ wearekinkin ในนั้นก็จะเป็นแพสชันของเราเรื่องอาหารเพียวๆ เลย ความชอบเรื่องอาหารนี่มันมาโดยไม่รู้ตัวตั้งแต่สมัยไปเรียนศิลปะที่เมืองนอกแล้วล่ะ เพราะว่าที่นั่นต้องทำอาหารเอง ไปเดินซูเปอร์มาร์เกต ไปเดินตลาด ทำให้เราเริ่มสนใจในรสชาติ สนใจในกลิ่น บวกกับแฟนชอบถ่ายรูป ก็คิดว่าเอาความชอบของเราตรงนี้มาทำมันให้ดีไปเลยดีกว่า ตอนนี้เลยกลายเป็นกึ่งงานอดิเรกกึ่งงานไปแล้ว (หัวเราะ)
“เพราะว่าเราเป็นฟรีแลนซ์ ก็เลยต้องทำงานที่บ้านเป็นหลัก เราจะใส่ใจกับที่ที่เราอยู่มากๆ อย่างห้องนั่งเล่นก็จะทำให้ใหญ่กว่าห้องนอน เพราะว่าเราใช้เวลากับตรงนั้นเยอะ ซึ่งเราว่าทุกๆ คนคิดเหมือนกันแหละว่าต้องปรับที่ที่เราอยู่ให้เข้ากับตัวเอง เพราะทุกวันนี้ทุกคนมีสไตล์ที่ชัดเจน บางคนอาจจะชอบทำงานในห้องนอนด้วยซ้ำ บ้านสำหรับเรามันคือที่ที่อยู่แล้วสบายใจ อาจจะวางของเกะกะเตะของพังบ้าง แต่นี่คือที่ปลอดภัยของฉัน บางวันเราออกไปต่อสู้กับรถติด ไปต่อสู้กับการงานมามากมาย กลับมาบ้านอยากให้มันเป็นที่ที่เรารู้สึกว่าพอแล้ววันนี้”
Co-sharing Inspiration
“ตอนที่เราเรียนที่เมืองนอกเราเห็นว่ามันมี Co-sharing มานานแล้ว และโปรเจ็กต์บางโปรเจ็กต์ของศิลปิน จริงๆ มันสามารถเกิดขึ้นได้เพราะว่าเราได้เจอคนที่แชร์ไอเดียทำงานอยู่ข้างๆ เรา และเราก็รู้สึกว่าคนนั้นทำอันนี้ เราทำอันนี้ได้ มันก็เกิดเป็นการ collaboration ได้ งานของเราบางทีมันเป็นงานที่ต้องใช้พื้นที่เยอะ ซึ่งห้องนอนของเราทำไม่ได้แน่ๆ Co-sharing Space ก็เป็นสิ่งที่จะตอบโจทย์ตรงนี้ เพราะว่าเราต้องการพื้นที่มากขึ้น เพื่อให้งานเราดีขึ้น”
Extend Your Style
“ก่อนหน้านี้เราเป็นคนที่ทำงานอยู่กับตัวเองเยอะ คิดว่าต้องจัดการทุกอย่างได้ด้วยตนเอง มันก็จะทำให้เราจำกัดการทำงานไปในตัว เพราะเราไม่สามารถทำเองได้ทุกอย่างหรอก จนเราเปิดตัวเองไปทำกับคนอื่นๆ ปล่อยให้บางงานมีคนที่ถนัดกว่าจริงๆ มาช่วยทำมัน กลายเป็นว่าเราได้ชิ้นงานที่ดีมากขึ้น และมัน extend งานของเราออกไป ซึ่งมันมากกว่าที่เราเจออะไรใหม่ๆ ด้วยนะ เพราะบางทีเราเจอตัวเองในนั้น”