ศรัทธา ความจริง และชีวิตที่เลือกเดินของ โต อดีตนักร้องนำวงซิลลี่ฟูลส์

a day BULLETIN ได้พูดคุยกับ วีรชน ศรัทธายิ่ง หรือที่เราคุ้นเคยกันดีกับชื่อ โต ซิลลี่ฟูลส์ บทสัมภาษณ์ชิ้นนั้นถูกเก็บใส่ลิ้นชักเอาไว้ เนื่องจากเกิดเหตุดราม่าในโซเชียลมีเดียที่เขาออกมาวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง จนถูกคนรุมด่าว่าทรรศนะทางศาสนาของเขาสุดโต่งเกินไป เราไม่อยากให้บทสนทนาที่เข้มข้นระหว่างเราในวันนั้นถูกกลบไปด้วยทัศนคติเชิงลบ จึงทิ้งช่วงเวลาให้ผ่านพ้นไปสักพัก ก่อนจะหาโอกาสนัดหมายขอสัมภาษณ์เขาเพิ่มเติมถึงเหตุผลที่เขาออกมาพูดแบบนั้น

        ในบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ คุณจะพบกับตัวตนใหม่ของเขาที่เฝ้าถามและใคร่ครวญว่าชีวิตคืออะไร เราเกิดมาทำไม เขาตอบทั้งหมดนั้นด้วยหลักการ จนกระทั่งสุดท้ายตกผลึกชีวิตอยู่บนเส้นทางของศาสนาอิสลาม หลายคนไม่เห็นด้วย หลายคนไม่ชอบหน้า แต่เขาก็เป็นแบบนี้ตลอดมา พูดทุกคำอย่างตรงไปตรงมา ขาวและดำ ถูกและผิด ดีและชั่ว อย่างน้อยที่สุดในโลกที่เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากหลาย การเปิดอกพูดคุยและรับฟังกันอย่างจริงใจ น่าจะทำให้เราเรียนรู้และเข้าใจกันอย่างแท้จริง

 

 โต ซิลลี่ฟูลส์

ชีวิตคุณวันนี้มีความสันติและความสุขอย่างไร

        ในชีวิตของคนเราจะมีความสันติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความพอใจแต่ละคนมากกว่านะ เพราะว่าตามหลักการของอิสลาม เราไม่ได้เกิดมาเพื่อมีความสุข โลกนี้ไม่ใช่สวรรค์ เราเกิดมาเพื่อผ่านการทดสอบ ดังนั้น จะมีความสุขหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราพอใจสภาวะตรงนี้หรือเปล่า และเราเข้าใจที่มาของชีวิตนี้หรือยัง มีชีวิตอยู่ไปทำไม เรากำลังจะไปไหน

        ผมว่านี่คือปัญหาหลักของผู้คนในสังคมสมัยใหม่ คือเรายังไม่ชัดเจนว่าจะอยู่ไปทำไม ทำงานนี้ไปทำไม ได้เงินแล้วยังไง อย่างไรก็ตาม ขอให้คุณอย่าเพิ่งด่วนสรุป อย่าเพิ่งเชื่ออะไรทั้งนั้น คุณต้องออกแสวงหาเสียก่อน คนเราเมื่อแรกเกิดมายังไม่รู้ ไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น ผมเองเคยเป็นคนไม่มีศาสนามาก่อนหน้านี้ ใช้คำนี้เลยก็ได้ ตั้งแต่ตอนที่เป็นนักร้อง ก็เชื่อมั่นในตัวเอง เราทำได้ทุกอย่าง เสกได้ทุกอย่าง ค่ายเพลงไม่กล้าเข้ามายุ่ง จนกระทั่งมาถึงจุดหนึ่งก็คิดขึ้นมาได้ว่าทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากตัวผมเอง เราพบว่าชีวิตมันคอนโทรลไม่ได้ นั่นแหละคือจุดที่เราตั้งคำถามกับชีวิต แม้กระทั่งหัวใจของเรามันก็ไม่ได้เต้นเอง แล้วทำไมเราจึงหลงคิดไปว่าตัวเองเก่ง ตัวเองทำได้ทุกอย่าง

ความสงบภายในใจเกิดขึ้นเพราะความศรัทธาอย่างนั้นเหรอ

        ใช่ เพราะเชื่อในปลายทางที่ชัดเจน การมีชีวิตจึงง่าย คุณจะเรียกว่ามีความสันติสุขก็ได้ ถึงแม้จะมีเหตุการณ์ไม่ดีอะไรเกิดขึ้นเราก็วางใจ รู้ว่าต้องทำอย่างไร จะปฏิบัติต่อปัญหานั้นอย่างไร และรู้อีกว่าจะเกิดอะไรต่อไป อิสลามเชื่อว่าเราจะมีจุดที่เป็นสุขมากกว่านี้ ณ จุดนั้นเราจะมีความสุขไปยาวๆ หรือเราอาจจะมีความทุกข์ไปยาวๆ ก็ได้ เนื่องจากผลที่เรากระทำ

        ผมไม่คาดหวังความสุข เพราะทุกคนคาดหวังความสุขไง เราจึงมีความทุกข์ เราคาดหวังกันผิดจุด บ่นว่าทำไมเราเลือกเกิดไม่ได้ บ่นว่าทำไมเรื่องนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับเรา สิ่งที่ทำได้คือการเลือก เลือกที่จะปฏิบัติต่อปัญหาที่เข้ามาอย่างไร เราทุกคนกำลังอยู่ในการทดสอบ ดังนั้น เราต้องพร้อมที่จะเจอข้อสอบหินๆ ตอนสมัยเป็นนักเรียน คุณร้องโวยวายในห้องสอบได้เหรอ ว่าเฮ้ย ทำไมข้อสอบมันยากแบบนี้ คุณก็แค่นั่งทำข้อสอบต่อไป คุณเองต่างหากที่ได้เตรียมตัวอ่านหนังสือมาดีหรือเปล่า 

ในสังคมสมัยใหม่ที่ผู้คนไม่เชื่อในเรื่องบาปบุญคุณโทษ มีคนคดโกงมากมาย เราจะมีชีวิตอยู่ในโลกแบบนี้ได้อย่างไร

        ปัญหาใหญ่คือทุกคนถือวิสาสะที่จะใช้ความคิดของตัวเองในการกำหนดทุกอย่าง เราไม่เชื่อในความคิดกลาง แต่ถือวิสาสะคิดว่าตัวเองคือความถูกต้องแล้ว ผมเชื่อว่าศาสนาคือขอบเขตของความดีความชั่วที่จะมาช่วยในการตัดสินใจทุกเรื่อง ถ้าเราไม่ใช้ศาสนามาตอบ แต่ใช้สมองของตัวเองมาตอบ ก็มานั่งงงๆ ชีวิตนี้จะอยู่ไปทำไม งงมาก เพราะเราแยกศาสนาออกไปนั่นแหละ เรากลัวที่จะเอาธรรมะ เอาความดี มาเป็นเครื่องนำทางชีวิต

ในเมื่อมีพระเจ้ากำหนดทุกอย่างแบบนี้คนเราจะยังมีเสรีภาพอยู่อีกไหม

        พูดในมุมมองของอิสลาม เรามีเสรีภาพ แต่เราไม่มีเสรีภาพในการทำชั่ว คุณเลือกที่จะทำชั่วได้ไหม ได้ แต่คุณก็ต้องรับผลกรรมด้วย เลี่ยงผลไม่ได้ เพราะกฎต่างๆ ไม่มีวันเปลี่ยน คุณมีสิทธิเสรีภาพที่จะไม่ยึดตามกฎของพระเจ้าได้ไหม แน่นอนว่าคุณมีสิทธิ แต่คุณก็อย่าคาดหวังผลกลับมาว่าจะถูกต้อง อิสลามแปลว่าผู้ที่ยอมจำนนต่อพระเจ้า มุสลิมเลือกที่จะปฏิบัติตามกฎของพระเจ้า ศาสนาของเราถึงแม้แตกต่างกัน เรามีบางอย่างที่คงค้างไว้เหมือนกัน อย่างเช่นศีล 5 ห้ามกินเหล้า ห้ามฆ่าคน ห้ามโกหก ห้ามผิดลูกเมียผู้อื่น ห้ามลักทรัพย์ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ แต่ในเรื่องใหญ่ที่สุด คือเรื่องของโลกหน้า หลังจากนั้นก็รู้แล้วว่าจะอยู่อย่างไร ตายอย่างไร ตายแล้วไปไหน จบ ไม่มีการแบ่งแยกอย่างอื่น ไม่มีรวยจน ไม่มีแบ่งแยกเชื้อชาติ ชนชั้น

หลังจากที่คุณรับอิสลามแล้ว ตัวคุณเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

        ช่วงหลังๆ มานี้นิสัยผมดีขึ้น (หัวเราะ) ผมทำดีกับคนอื่นมากขึ้น เมื่อก่อนผมดูถูกคนอื่นจะตาย สมัยผมเป็นนักร้องนะ ผมมองว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นหมดเลย ผมดีกว่าคนอื่น เพราะผมเก่ง ทำทุกอย่างเอง มีคนชื่นชมเยอะแยะ ค่ายเพลงยอมผมแค่คนเดียวเลยนะ อยากได้อะไรก็ยกให้ พอได้รับการปฏิบัติอย่างนี้แล้วมีใครจะไม่หยิ่งล่ะ จนช่วงหลังๆ ของการเป็นนักร้อง ผมพยายามเก็บตัว ไม่ค่อยออกสื่อ นอกจากค่ายขอว่าให้ช่วยโปรโมตอัลบั้มหน่อยผมถึงจะยอมบ้าง จนมาถึงวันนี้ คุณขอสัมภาษณ์ผม ผมอยากมาจริงๆ เพราะประเด็นคำถามที่คุณขอมามันเป็นประโยชน์ต่อสังคม ผมก็มา ผมอยากคุยเรื่องนี้ทั้งวัน

แล้วจิตใจภายในล่ะ เปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน

        โอ้… ยังมี ผมยังเป็นมนุษย์ เพราะชีวิตนี้คือการทดสอบ ถ้าจิตใจของผมสะอาดบริสุทธิ์ไปหมดแล้ว มันก็ไม่ใช่การทดสอบแล้วล่ะ เราต้องเอาชนะจิตใจให้ได้ ผมไม่เชื่อหรอกเวลามีใครมาสอนว่า ฉันเป็นคนดี ฉันจิตใจสะอาด ผมว่าเขาโกหกหมด ทุกคนยังสกปรกอยู่ ผมคือโตคนเดิม จิตใจก็ดวงเดิม แต่สิ่งที่ทำคือพยายามดึงตัวเองไว้ ดึงไปเรื่อยๆ เพื่อให้กลายเป็นนิสัยใหม่

บาปเรื่องไหนที่เอาชนะยากที่สุด

        ก็แล้วแต่คนนะ (คิดนาน) สำหรับผมคือความยโสโอหัง คือความคิดที่ว่าตัวเองสมควรจะได้รับอะไรมากกว่านี้ นี่เราทำได้ถึงขนาดนี้ ต้องได้รับผลมากกว่านี้สิ นี่คือสิ่งที่ยากสำหรับตัวผมเอง มันเข้ามาเรื่อยๆ และเข้ามาในจุดที่บางทีผมก็ไม่เห็น แต่หลังๆ มานี่ผมปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น คือรู้แล้วว่าเราทำดีกับใครก็เพื่อหวังให้เขามีความสุข ไม่ใช่เพื่อหวังให้เขาทำดีกลับคืนมา เขาไม่จำเป็นจะต้องให้ค่าอะไรกับผมเลยก็ได้ เพราะผมรู้สึกดีๆ กลับมาแล้วเมื่อได้ช่วยเขา พระเจ้าก็น่าจะเห็น และท่านน่าจะพอใจผมแล้ว ผมทำดีเพื่อพระเจ้าก็พอ นอกนั้นก็แล้วแต่เขาจะเห็นค่าไหม ไม่เช่นนั้นเราถูกคอนโทรลโดยการให้ค่าจากคนอื่นตลอด

แล้วท่าทีของคุณที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องโรคซึมเศร้า นี่ใกล้เคียงกับคำว่ายโสโอหังหรือเปล่า

        ไม่ สิ่งที่ผมออกมาพูด มาแย้งเตือนมันไม่ใช่ความคิดของผม แต่เป็นหลักคิดของศาสนา การหยิ่งยโสไม่ได้หมายความว่าเราต้องอ่อนข้อกับความคิดที่ผิดนะ ไม่อย่างนั้นจะมีแต่ความชั่วบนโลกใบนี้ สิ่งที่ผมทำคือทำตามที่ศาสนาสั่งสอน การยืนหยัดสู้กับความชั่วร้ายไม่ใช่ความหยิ่งยโส หยิ่งยโสคือการที่ต้องออกมาบอกว่ากูเก่งกว่ามึง กูดีไปหมด แต่นี่อัลเลาะห์สั่งไว้ว่าไม่ได้ ฆ่าตัวตายไม่ได้ คนที่เรียนรู้เรื่องสัจธรรมและความจริงเขาจะไม่ฆ่าตัวตาย ผมยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ และมีหลักฐานสนับสนุน คนที่สวนทางกับผมคือคนที่ใช้โรคซึมเศร้ามาอ้างในการทำความชั่ว เพราะฉะนั้น ผมพร้อมจะต่อสู้กับคนพวกนี้เลย มันไม่ใช่ความหยิ่งยโส มันคือหน้าที่ ถ้าผมต้องถ่อมตนกับความชั่ว ถ่อมตนกับความผิดเราไม่มีทางที่จะเอาชนะได้

ก็คนมันหิว มีคนหิวคนไหนที่ไม่ตักข้าวเข้าปากไหม เมื่อหิวก็ต้องกิน ผมคิดว่ายิ่งนับวันโลกเรายิ่งใกล้หายนะ เรายิ่งขาดแคลนความจริง ผู้คนจะยิ่งหิว เขาจะยิ่งอยากรู้ว่าชีวิตนี้คืออะไร

 

 โต ซิลลี่ฟูลส์

มองย้อนกลับไปในวันนั้น ทำไมคุณถึงออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า และมาในวันนี้คุณคิดกับเรื่องนี้อย่างไร

        ที่ตัดสินใจออกมาพูดเพราะผมต้องพูดก็เท่านั้นเอง เพราะผมเชื่อว่าตามหลักการของทุกศาสนา ไม่มีข้อแม้หรือข้ออ้างอะไรที่จะทำให้การฆ่าตัวตายถูกต้อง จริงไหมล่ะ ผมว่าคนใช้คำว่าโรคซึมเศร้าแบบพร่ำเพรื่อไปหน่อย พ่อผมก็เป็นหมอ หุ้นส่วนที่ทำธุรกิจกับผมก็เป็นหมอ หมอที่เป็นมุสลิมหลายๆ คนรู้ดี ปัญหาทางด้านจิตใจของคนเราส่วนใหญ่เกิดจากการที่ไม่เข้าใจความจริง หรือมีมุมมองในกระบวนการคิดไม่ครบถ้วน ผมอยากให้คุณลองถามว่าชีวิตคืออะไรและค้นหา มันจะไม่ใช่แค่เรื่องการห้ามคนฆ่าตัวตาย แต่รวมถึงการห้ามคนทำชั่วด้วย ทั้งทำชั่วต่อตัวเอง หรือทำชั่วต่อคนอื่น

         แล้วก็อย่างที่เห็น พอพูดไปช่วงนั้นก็มีดราม่า แต่ก็ทำให้หลายๆ คนเข้าใจกระจ่างขึ้นเยอะ คือที่ผ่านมาก็มีอีกหลายๆ ประเด็นที่ถ้าผมเห็นว่าสังคมเริ่มเป๋ ในฐานะคนทำงานศาสนา ทำงานสังคม ผมอยากออกมาพูด ผมไม่ต้องการเรตติ้งอยู่แล้ว ไม่ได้ขายเทป ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ขอพูดในทรรศนะของศาสนาและสัจธรรม ไม่ใช่ว่าเราจะทำได้แค่คอยเฝ้าดูและรู้สึกสงสารคนฆ่าตัวตาย แต่เราต้องออกมาต่อสู้ ผมอยากพูดว่าการโอ๋คนทำผิดมันไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาได้ มันต้องถึงเวลาที่เราติในสิ่งที่ผิด การฆ่าตัวตายเป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัว ตายด้วยการช่วยเหลือคนอื่นนับว่ามีเกียรติกว่าเยอะ ทุกครั้งที่ผมพูดแบบนี้ มักจะมีคนด่า ถ้าไม่มีคนด่า ผมจะสงสัยว่าผมพูดถูกหรือเปล่า (หัวเราะ) ถ้ามีคนด่าเยอะอาจจะแสดงว่าผมมาถูกทางแล้ว

ถึงจะพูดแบบนั้น แต่เราจะหลุดพ้นจากความรู้สึกแย่ๆ ได้อย่างไร

        ก็ต้องหาความรู้เพิ่มสิครับ ทำไมรีบจบเกมล่ะ หาความรู้เกี่ยวกับชีวิต หาว่าตัวเองมีจุดบกพร่องอะไร อย่างที่ผมบอกว่าเราอยู่ไปเพื่ออะไร เพราะนี่เป็นสิ่งที่ทำให้คนหลงทางและฆ่าตัวตายมากที่สุด คือไม่รู้ว่าเราเกิดมาทำไม เพราะฉะนั้น หาว่าเกิดมาทำไม เกิดมาได้อย่างไร ผมจึงมักจะพูดเรื่องของสัจธรรม เรื่องของผู้สร้าง เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่อยู่ในความคิดของคนสมัยนี้เลย ถ้าปล่อยให้คนเดินวนเป็นวงกลม เขาก็จะงงแบบนั้นไปเรื่อยๆ เราลองหมดแล้วเหรอก่อนที่จะตัดสินใจแบบนั้น ตายเราตายอยู่แล้ว จะรีบทำไม นั่นเป็นคำถามใหญ่ เรามีเวลาที่จะแก้ไขและเอาชนะ หรือถ้าไม่ชนะก็เสมอตัว เราคิดสั้นเพราะว่าไม่อยากคิดหรือเปล่า คิดหน่อยสิ

อะไรที่ทำให้ตัดสินใจก้าวข้ามชีวิตแบบเก่ามา

        ก็คนมันหิว มีคนหิวคนไหนที่ไม่ตักข้าวเข้าปากไหม เมื่อหิวก็ต้องกิน ผมว่านับวันโลกเรายิ่งใกล้หายนะ เรายิ่งขาดแคลนความจริง ผู้คนจะยิ่งหิว เขาจะยิ่งอยากรู้ว่าชีวิตนี้คืออะไร ในสังคมที่เครียดมากๆ ผู้คนอยากรู้ว่าเราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม นี่คือคำถามใหญ่ของทุกวันนี้ ถ้าเขาหิว เขาจะหา

แล้วทุกวันนี้คุณอิ่มหรือยัง

        คงไม่มีวันอิ่มหรอก เพราะความรู้ไม่มีวันจบ ผมยังอยากรู้อะไรอีกเยอะ มีเรื่องที่เราต้องแสวงหา ชีวิตหลังความตาย ชีวิตในวันนี้บนโลกนี้ ยังมีอะไรที่เราต้องปรับปรุงอีก เวลาผ่านไปจะมีบททดสอบใหม่เข้ามาอีกเยอะ และเราจะได้เรียนรู้เพิ่มเติม ชีวิตยังไม่จบจนกว่าจะหมดลมหายใจ ความรู้ก็ไม่มีวันหมดจนถึงวันที่เราคิดสงสัยไม่ได้ สิ่งสำคัญคือเราต้องสงสัยในเรื่องที่มีสาระ อย่าไปค้นหาเรื่องไร้สาระ หิวได้ แต่คุณต้องรู้จักหาอาหารที่ดีๆ หน่อยมากิน ไม่งั้นก็ไม่หายหิว บางคนก็เลยหันไปหาเงิน เพราะหลงคิดว่าเงินจะทำให้อิ่ม ไม่อิ่มหรอก เชื่อผมเถอะ ผมมีมาหมดแล้ว ผมรู้แล้วว่ามันไม่อิ่ม แต่เรื่องศาสนานี่กินอย่างเดียวแล้วจบเลย

 

โต ซิลลี่ฟูลส์

_

In Case You Missed It
_

        ทางการแพทย์ระบุว่า โรคซึมเศร้าเกิดจากความผิดปกติของสมอง ที่มีผลกระทบต่ออารมณ์ สุขภาพ และการตัดสินใจ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความไม่สมดุลของสารสื่อประสาท 3 ชนิด คือ เซโรโทนิน นอร์เอพิเนฟริน และโดพามีน ซึ่งโรคซึมเศร้ามีหลายประเภท ทำให้ผู้ป่วยมีอาการแตกต่างกัน อาทิ Major Depression, Dysthymia Depression และ Bipolar Disorder

ที่มา: www.bangkokhospital.com