ราว ๆ 1 ปีกว่า ที่ผ่านมานี้ ผู้เขียนมีเหตุต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลสัตว์แบบถี่ยิบ เพราะแมวจรที่รับมาดูแลตัวหนึ่ง ที่ชื่อ หูกุด (แน่นอน ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะหูกุด มีใบหูข้างซ้ายที่หงิกงอจนไม่เหลือใบหู) หูกุด ป่วยด้วยอาการของโรคไตระยะสุดท้าย แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาจะอยู่กับเราได้ไม่นานแต่ระหว่างทางที่ยังต้องอยู่ด้วยกัน ทั้งคนทั้งแมวเลือกที่จะสู้ในแบบของตัวเอง หน้าที่ของเราคือดูแลเลี้ยงดูให้ดีที่สุด หน้าที่ของแมวคือพยายามอดทนและให้ความร่วมมือในการรักษา ร่างกายเยียวยาได้ด้วยอาหารการกินและยารักษาโรคที่เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ส่วนในเรื่องของหัวจิตหัวใจ เราเยียวยากันและกันได้ด้วยการ อยู่เคียงข้างกัน ไม่ทิ้งกันไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใดก็ตาม
ไม่ต้องบรรยายให้มากความ ผู้เขียนก็เชื่อว่าทุกคนเข้าใจตรงกันว่านั่นคือ ‘ความรัก’
เป็นความรักในแบบพิเศษ ไร้เงื่อนไข ซึ่งเราจะพบเห็นได้ทั่วไปในโรงพยาบาลสัตว์ โดยเฉพาะในโรงพยาบาลใหญ่ๆ ระดับที่เป็นโรงเรียนของสัตวแพทย์ที่เราจะพบเห็นภาพชีวิตที่หลากหลายกว่าที่อื่น มีทั้งคนมีเงินและคนที่ไม่ค่อยจะมี แต่ทุกคนเลือกที่จะมาเพราะเรื่องคุณภาพและค่ารักษา ที่ต้องจัดว่าพอสู้กันไหว ยิ่งต้องรักษาอาการที่เรื้อรังแล้ว ยิ่งต้องพึ่งพาสถานพยาบาลที่ประเมินแล้วว่ารับไหวและยืนระยะได้นานที่สุด แต่เหนือสิ่งอื่นใด ในความทุกข์ที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บนั้น เราก็ยังมองเห็นความรักได้ชัดเจนเต็มตา – – ที่ใดมีทุกข์ ที่นั่นมีรัก- – จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิดนัก
พาหูกุดไปรักษาอาการของโรคไตเกือบหนึ่งปี ผ่านมาหมดทุกขั้นตอนที่ควรต้องทำ หนักสุดคือต้องขอรับบริจาคเลือด ซึ่งเมื่อให้เลือดครั้งที่สามผ่านไปได้ไม่นาน อาการของหูกุดก็เริ่มเข้าสู่วิกฤติ และในที่สุดก็หมดเวลาสำหรับการต่อสู้บนโลกนี้ หูกุดจากไปดาวแมว ด้วยอาการสงบ จะเหลือไว้ก็แต่ความคิดและความรู้สึกของผู้เขียนเองที่ไม่อาจจะนิ่งสงบได้อีกเลยอีกเป็นเดือนหลังจากนั้น
หมดจากหูกุด แมวอีกตัวก็ป่วยด้วยอาการเดียวกันเป๊ะ ชีวิตต้องหวนคืนสู่การเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลสัตว์อีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาลสัตว์ ผู้เขียนก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมคือ ที่ใดมีทุกข์ ที่นั่นมีรัก เพราะเจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคน ประคบประหงม และประคับประคอง สัตว์เลี้ยงของตัวเองในทุกสภาพจริงๆ หมาแมวแก่หง่อมขนาดไหน ก็อุ้มมาหาหมอ ให้นอนบนรถเข็น เอาผ้าห่มให้อย่างดี เอามือลูบหน้าลูบตัว พูดด้วยประหนึ่งว่า หมาและแมวสามารถจะสามารถสนทนาโต้ตอบได้
ไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูเสมือนสมาชิกในครอบครัว แต่เลี้ยงดูราวกับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจิตใจ เรียกว่าหากชีวิตหนึ่งจากไป อีกชีวิตก็พร้อมจะแตกสลายตาม ไม่ได้พูดเกินจริง แต่ถ้าใครเคยสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่รักหมดหัวใจ น่าจะเคยรู้สึกไม่ต่างจากนี้
การดูแลกันมาทั้งชีวิต ย่อมต้องผ่านทั้งช่วงที่สวยงาม และเสื่อมโทรม แววตาของสัตว์เลี้ยงที่เคยสดใส ก็เริ่มขุ่นมัว ฝ้าฟาง สภาพร่างกายไม่มีอะไรเหมือนเดิม ขนเคยสวย ก็อาจร่วงหลุดไป ผิวหนังอาจแห้งเหี่ยวจนแปรสภาพกลายเป็นสีดำ หรือเป็นแผลพุพอง ทุกอย่างล้วนค่อยๆ เปลี่ยนไปตามวันเวลาที่เพิ่มขึ้น แม้แต่สภาพสังขารเจ้าของ ก็แทบไม่ต่างกันนัก ผู้เขียนเคยเห็นคุณตาคุณยายหลายคน อุ้มหมาแมวกระย่องกระแย่งเดินมา หอบหิ้วกันลงจากรถ เดินไปพักไป แม้จะหอบเหนื่อย แต่ขณะเดียวกัน ก็หอบเอาความหวังมาเต็มเปี่ยม…“ที่นี่หมอเก่ง หมาแมวฉันต้องดีขึ้น” แค่อาการดีขึ้นอีกวัน ก็หมายความว่า พวกเขาจะได้อยู่ด้วยกันต่อไปได้อีกวัน
นี่ไม่ใช่การรักกันแค่ตอนที่ทุกอย่างสวยงาม แต่รักกันแม้ในยามที่ทุกอย่างเสื่อมถอย กระทั่งหมดสภาพ
วันหนึ่งไม่ว่าเจ้าของหรือสัตว์ ต่างก็ไม่อาจเรียกเรี่ยวแรงและคืนวันที่เต็มไปด้วยพละกำลังกลับมาได้อีกแล้ว แต่แน่นอนว่าความทรงจำที่ต่างคนต่างมีต่อกันวันเวลาที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ทุกข์สุขร่วมกันมาต่างหาก ที่ทำให้ ‘ทิ้งกันไม่ลง’
อดหรืออิ่ม ก็ยิ้มด้วยกันมา ร้องไห้ด้วยกันมา สายใยชนิดนั้นเหนียวแน่นเกินกว่าจะตัดขาดด้วยสภาพร่างกายที่ไม่สวยงาม ภาระของชีวิตที่เพิ่มขึ้น หรือความเหนื่อยล้าชนิดใดๆ และไม่ใช่แค่เจ้าของ แต่สัตว์เลี้ยงเอง ก็ไม่เคยมองเจ้าของเป็นอื่น นอกเสียจาก นี่คือเจ้าของโลกทั้งใบที่พวกเขามี คือคนที่ให้ข้าวให้น้ำให้ที่กินอิ่ม นอนอุ่น เจ็บไข้ก็พาไปรักษา
ไม่ใช่ความรักแบบเดียวกันนี้หรือ ที่เอาจริงๆ คนเราก็ต้องการจากใครสักคนหนึ่งเช่นกัน ใครสักคนที่จะอยู่เคียงข้างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิต ใครสักคนที่ ‘ทิ้งกันไม่ลง’ และมากกว่านั้นคือ ไม่มีวันทิ้งไปไหน
หลายต่อหลายครั้งที่ทุกคนก็คงได้เห็นด้วยตาตัวเองว่า สัตว์เลี้ยงนั้น ลงว่ารักและเลือกเจ้าของแล้ว จะไม่มีวันเลิกรัก ต่อให้วันหนึ่งถูกทิ้งด้วยเหตุใดก็ตาม ก็จะยังรอคอยเหมือนเป็นแค่อีกวันที่ไม่เจอกัน แต่มีความหวังเสมอว่า พรุ่งนี้จะได้เจอ
อนุสาวรีย์ของสุนัขอย่าง ฮาจิโกะ ที่สถานีชิบูย่า ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น น่าจะถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่เตือนให้เราระลึกไว้เสมอว่า ในโลกนี้ ใช่ว่าจะไม่มีความรักที่ไม่เปลี่ยนแปลง ใช่ว่าจะไม่หลงเหลือความรักที่มั่นคงให้เราสัมผัส
แม้จะเป็นคำพูดเล่นๆ แต่ผู้เขียนก็บอกเพื่อนด้วยอารมณ์ทีเล่นทีจริงเสมอว่า “ถ้าอยากทำความรู้จักรักแท้ ให้ลองแวะไปโรงพยาบาลสัตว์” จะไปนั่งสังเกต หรือจะไปบริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือสัตว์ป่วย ก็ยิ่งดี ลองไปดูเถอะ ไปดูในวันที่ไม่หลงเหลือความเชื่อในความรักใดๆ ก็ได้ ไปแล้วจะเห็นว่า สัตว์เลี้ยงที่อยู่ในอ้อมกอดเจ้าของ อาจไม่ได้สวยงามทุกตัว แต่ความรักที่รายล้อมอยู่แถวนั้น…ความรักที่ไม่มีวันทิ้งกันไม่ว่าจะอยู่ในสภาพยับเยินแค่ไหนแบบนั้นแหละที่งดงามเหมือนกันในทุกชีวิต
เป็นความรักชนิดที่หาได้ยาก และบ่อยครั้ง เราก็อาจหาไม่ได้จากคนด้วยกัน
เรื่อง: วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม