ทุกคนมีพายุที่ต้องผ่าน และทุกคนย่อมมีฟ้าหลังฝนเป็นของตัวเอง

‘ฟ้าหลังฝน’ น่าจะเป็นถ้อยคำปลอบประโลมที่ชวนให้เรานึกถึงภาพที่สดใสหลังฝนฟ้ากระหน่ำ เชื้อเชิญให้เราเดินไปสูดอากาศให้เต็มปอด ความมืดมนได้ผ่านพ้นไปแล้ว และไม่แน่ บนท้องฟ้าอาจจะมีสายรุ้งพาดผ่านให้เรามองด้วยความชื่นใจ ฟ้าหลังฝนแบบนั้น ใครๆ ก็อยากเห็น แต่น่าเสียดายที่ชีวิตของใครหลายๆ คนในเวลานี้ ฝนฟ้าพายุยังโหมกระหน่ำไม่หยุด ยังไม่ต้องคิดไปถึงท้องฟ้าที่สดใสใดๆ เอาแค่ประคองตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัยท่ามกลางพายุก็ถือว่าเก่งหนักหนาแล้ว โดยเฉพาะพายุของชีวิตที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว…

        ใช่ การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เป็นเรื่องสำคัญ แต่เชื่อว่า สำหรับสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่กินเวลายาวนานร่วมๆ 2 ปี น่าจะเป็นสิ่งที่เกินความสามารถของใครสักคนที่จะคาดเดา หยิบยกมาพูดทีไรก็เต็มไปด้วยความสลดหดหู่ บางครอบครัวสูญเสียสมาชิกในบ้าน ธุรกิจล้มพังไม่เป็นท่า ล้มละลาย เงินเก็บร่อยหรอหรือหลายคนถึงขั้นหมดเกลี้ยงบัญชี ตกงาน บริษัทปิดกิจการ เปลี่ยนงานไปทำในสิ่งที่ไม่ใช่แต่ได้เงิน และอีกหลายต่อหลายเรื่องที่เราพบเห็นจากทั้งในข่าวและผู้คนใกล้ตัว 

        ต่อให้วางแผนชีวิตไว้อย่างรอบคอบรัดกุมแค่ไหน แต่สถานการณ์โรคระบาดก็สามารถกวาดล้างแผนของเราให้ล้มคว่ำแบบไม่สนใจไยดีได้ ผู้เขียนจึงสลดใจเสมอที่รับรู้ข่าวเพื่อนฝูงรอบตัวที่ดิ้นรนเอาตัวรอดกันแบบเหนื่อยล้าแสนสาหัส ขณะเดียวกันก็ดีใจกับหลายๆ คนที่มีชีวิตที่เป็นไปด้วยดี ปรับตัวได้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แน่นอน ภาพในโซเชียลมีเดียไม่ได้บอกทั้งหมดของชีวิตใคร แต่เศษเสี้ยวที่เขา ‘เลือก’ ที่จะบอกโลกหรือบอกเพื่อนที่คุ้นเคย ก็ไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไรนัก ถ้าเราจะยินดีด้วย 

        บางคนโชว์ภาพต้นไม้ออกดอก บางคนบอกเกรดเฉลี่ยลูก บางคนถ่ายแต่ภาพหมาแมว (ซึ่งผู้เขียนเป็นหนึ่งในหมวดนี้) หรือบางคนถ่ายภาพอาหารที่ทำเอง หรือร้านที่ดั้นด้นไปกิน ฯลฯ ทุกคนมีวันที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน และวันที่ผิดแผน ในฐานะเพื่อน สิ่งที่เราพอจะทำได้คือ ยินดีกับสิ่งที่เขายังมีและเผยให้เราเห็น เพราะเชื่อเถอะว่า ในยามนี้ หลายคนสูญเสียอะไรหลายๆ อย่างที่เคยมี แต่ก็ไม่ได้บอกใครเช่นกัน 

        เพราะไม่ใช่ทุกความสูญเสียที่เราจะกล้าบอกโลก ไม่ใช่ทุกความพ่ายแพ้ที่เราพร้อมจะบอกเล่า 

        และในห้วงยามแห่งความไม่เป็นสุข การบอกว่าตัวเองมีความสุขกับอะไรสักอย่าง ก็ไม่ได้เป็นเรื่องผิดอะไรนัก ผู้เขียนมีเพื่อนแทบจะทุกประเภท ทุกสถานะทางสังคม คนที่ฐานะดี ก็มีเรื่องราวในชีวิตแบบหนึ่ง คนที่เจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เจอหลายหมัดที่เข้ามาน็อค ก็มีเรื่องราวอีกแบบหนึ่ง บางทีการมองเห็นความหลากหลายของชีวิตแบบนี้ในหน้าฟีด ก็เหมือนได้อ่านเรื่องสั้น หรือดูภาพยนตรสั้น ที่ตัวละครมีอยู่จริงนั่นแหละ เพียงแต่ทุกเรื่องที่เราได้อ่านมันยังดำเนินไปแบบนั้นทุกวัน และเรายังไม่รู้ตอนจบ หรือแม้กระทั่งเจ้าตัวก็ไม่รู้เช่นกัน ผ่านไปสักเดือนสองเดือน วงล้อของชีวิตก็อาจหมุนเวียนเปลี่ยนตำแหน่ง คนที่เคยอยู่ในจุดที่สูง ก็อาจร่วงลงต่ำ คนที่เราเห็นว่าอยู่ในจุดที่ต่ำ ก็อาจมีวันของเขา ณ จุดสูงสุดเช่นกัน 

        ในวันที่อยู่ท่ามกลางพายุ การเอาตัวรอด หาที่กำบัง และประคองไม่ให้สิ่งที่มีถูกพายุพัดพรากไป น่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ถ้ารอดไปได้ เดี๋ยวก็ได้เห็นฟ้าหลังฝนเอง เพราะฟ้าก็คงอยู่ตรงนั้นเสมอ 

        ชีวิตต่างหาก ที่เราต้องจัดการรับมือกับอะไรต่อมิอะไรที่ประดังประเดมา เรามีมือแค่สองมือ มันมากพอที่จะจัดการไปทีละเรื่อง แต่มันน้อยไปและไม่พอแน่ๆ ถ้าเราจะโหมจัดการทีละหลายๆ เรื่อง เรามีปากมีเสียง ที่เพียงพอที่จะร้องขอความช่วยเหลือ ถ้าทุกอย่างมันเกินแบกเกินรับ บางครั้งอาจต้องบอกใครสักคนบ้างว่าเราไม่ไหว เพราะเพื่อนย่อมมีเพื่อการนี้… เพื่อลุกมาประคองยามที่เราไม่ไหว โดยเฉพาะในช่วงที่ทุกอย่างผิดแผนไปเสียหมด 

        แต่นั่นแหละ ทุกอย่างอาจต้องเริ่มที่การยอมรับว่าทุกคนมีวันที่แย่ และมันจะยังไม่ใช่จุดจบ แค่วันนี้เราต้องการความช่วยเหลือมากกว่าวันอื่นๆ ก็เท่านั้น

        ไม่มีใครควรถูกมองว่าล้มเหลว เพียงเพราะชีวิตสะดุดหยุดลงบางช่วง บ้านที่ถูกพายุพัดจนพังราบ ก็ไม่ได้แปลว่า มันจะถูกสร้างขึ้นใหม่ไม่ได้บนที่เดิม ทุกคนมีพายุที่ต้องผ่าน และทุกคนก็มีฟ้าหลังฝนเป็นของตัวเอง 

        และเหนือสิ่งอื่นใด…

        ไม่มีแผนการใดในชีวิตที่ผิดพลาดแล้วเปลี่ยนไม่ได้ แต่ทุกอย่างต้องการเวลาในการปรับตัวและเปลี่ยนแปลง เราอาจไม่ได้ชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราวันนี้ กระทั่งอาจเกลียดหลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาด้วยซ้ำ แต่เราต้องเหลือตัวเองไว้รัก อะไรที่ทำแล้วมีความสุขกับชีวิตแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำมันไปเถอะ มันอาจดูน่ารำคาญและไร้สาระสำหรับคนอื่นก็ไม่เป็นไร ชีวิตคนก็เหมือนภาพยนตร์สักเรื่องอยู่แล้ว คนอื่นไม่อยากดูก็ลุกไปได้เสมอ 

        แต่เราต้องอยู่ตรงนี้กับภาพยนตร์ชีวิตที่เราแสดงเอง การรักในบทบาทของตัวเองและเล่นให้ดีที่สุด คือรูปแบบหนึ่งของการเคารพตัวเอง เล่นผิดเล่นพลาดไม่ใช่เรื่องใหญ่ บทไม่ส่งก็ไม่ใช่วันสิ้นโลก คนเรามีโอกาสเติบโตจากความผิดพลาดได้มากกว่าการนั่งก่นด่าตัวเองเสมอ

        เพราะคนประเภทหลัง… อาจไม่มีโอกาสเดินไปมองฟ้าหลังฝนเลยก็ได้ 


เรื่อง: วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม