ชีวิตที่ดี ไม่เท่ากับชีวิตที่เช่ามาโชว์

ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวที่ผู้เขียนผ่านตามากที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้นข่าวของผู้ประสบภัยจากคดีการเงิน พูดง่ายๆ ว่ากลุ่มที่เสียเงินจากการเอาเงินไปลงทุนออนไลน์ ในรูปแบบต่างๆ ทั้งฝากคนอื่นไปลงทุนบ้าง หรือลงทุนตามๆ เขาบ้าง เพราะเห็นว่าได้ผลตอบแทนดีงาม รวยได้ในชั่วข้ามคืน กำเงินลงทุนไปแค่ 6 พันบาท ผ่านไปสามเดือน สามารถไปยืนถ่ายภาพกับรถซูเปอร์คาร์ได้แล้ว

        เรียกว่าจนถึงวันนี้… ความหวังที่ดูเหมือนไม่เคยจางหายไปจากสังคมเราง่ายๆ ก็คือการเป็นคนรวยในชั่วข้ามคืน หรืออย่างน้อยก็ขอให้มีเงินเร็วๆ หน่อย จะได้ใช้ชีวิตที่ (คิดว่า) หรูหราได้เร็วๆ อวดโลกได้ทันใจ จะได้เห็นคนมากดไลค์แบบรัวๆ…

        รวยเร็วยิ่งกว่ามหาเศรษฐีติดอันดับโลก ก็เห็นจะไม่พ้นการเป็นเจ้ามือพอร์ตลงทุนนี่แหละ เพราะคำนวณดูแล้วมูลค่าความเสียหายก็ว่ากันเป็นหลักหมื่นล้าน เบาที่สุดที่ได้ยินก็ระดับร้อยล้าน คนดัง คนที่อยู่ในแวดวงสังคมระดับสูงตกหล่มตกหลุมความรวยกันหมด ใครๆ ก็อยากรวย อันนี้ว่าไม่ได้ แต่วิธีการที่จะนำไปสู่ความรวยนี่ต่างหากที่เราควรทบทวนไปจนถึงขั้นสะสางความคิดกันเลยทีเดียว เพราะบางทีเราเองก็อาจมีส่วนที่สะสมความคิดและความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับความร่ำรวยและการมีชีวิตที่ดี

        ถ้าเข้าไปอ่านข่าวทุกข่าวของคดีการเงินที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าจุดเริ่มต้นของความเสียหายก็แทบไม่ต่างกัน หลายคนเชื่อคนที่เข้ามาหลอกเพราะภาพลักษณ์ที่เห็น เช่น ใช้รถหรู อยู่บ้านหลังใหญ่ บินไปเที่ยวทั่วโลก เลยเถิดไปถึงขั้นเอาเงินเป็นฟ่อนๆ มาวางเรียงเป็นปึกให้ดู… ชีวิตของคนประสบความสำเร็จมันเป็นแบบนี้

        แต่เมื่อมีการเปิดโปงว่าทั้งหมดคือการแสดง (ว่ารวย) ทุกคนจึงเข้าใจว่า ภาพทั้งหมดที่เห็น มันสร้างกันได้ไม่ยาก มีบริการมากมายที่พร้อมจะช่วยคุณสร้างภาพว่ารวยได้ด้วยบ้านหรู พูลวิลล่า รถซูเปอร์คาร์ เครื่องบินแบบไพรเวตเจ็ต ว่ามาเถอะ มีให้เช่ากันเป็นรายชั่วโมงไปจนถึงรายเดือน อย่าว่าแต่ข้าวของเครื่องใช้เลย เงินเป็นฟ่อนสมัยนี้ก็มีให้เช่า เคยอ่านข่าวเจอว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวบางคนยอมเช่าสินสอดมาวางบนพาน เพื่อให้คนเชื่อว่าฐานะร่ำรวยไว้ก่อน หลังงานจบจะเอาไปคืนยังไงก็อีกเรื่อง

        ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยภาพลักษณ์ ด้วยหน้าตา ประหนึ่งว่านี่คือการแสดงครั้งสำคัญในชีวิต ต้องโหมประโคมยังไงก็ได้ให้คนเชื่อ เมื่อคนเขาเชื่อแล้ว ทุกอย่างก็จะง่าย เพราะการเปลี่ยนที่ยากที่สุดก็คือการเปลี่ยนความเชื่อนั่นละ

        และบ่อยครั้งคนเราก็มักจะถูกความเชื่อหลอกจนย่อยยับ

        สังคมที่มีคนอยากรวยนั้นไม่แปลก แต่สังคมที่เชื่อว่าจะมีคนอื่นมาช่วยทำให้รวยได้นี่สิที่มันน่าเศร้าและน่ากลัว ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนเราสามารถเชื่อแบบหมดจิตหมดใจ มีเท่าไหร่ก็ให้หมด เพียงเพราะภาพไม่กี่ภาพ…

        ซึ่งภาพความสำเร็จที่หลายคนหลงเชื่อ ก็คือภาพนักธุรกิจใส่สูทนั่งที่โต๊ะทำงาน บางครั้งก็มองออกไปนอกหน้าต่างที่เห็นวิวพาโนรามาทั่วกรุงเทพฯ (การมองออกไปไกลๆ คือการแสดงถึงความมีวิสัยทัศน์… ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกันยังไง) บนโต๊ะมีแฟ้มเอกสารจำนวนหนึ่ง บางครั้งทำท่าเซ็นยุกยิกๆ หรือมองจอคอมพิวเตอร์ด้วยสีหน้าครุ่นคิด เอาปากกามากัดอีกนิด เพื่อให้รู้ว่าการทำธุรกิจนั้นบางครั้งก็เครียด

        ภาพลักษณ์ของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จถูกวางไว้แบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไร

        จะว่าไป หลายครั้งในการทำงานที่ต้องสัมภาษณ์และถ่ายภาพนักธุรกิจ ทีมงานถึงกับต้องคิดกันหัวแทบแตกว่า ทำยังไงถึงจะไม่ต้อง ‘จัดท่า’ ให้ออกมาเป็นนักธุรกิจมากเกินไป เพราะมันน่าเบื่อ และท้ายที่สุด นักธุรกิจก็คือมนุษย์นั่นแหละ ดังนั้นความเป็นธรรมชาติมันต้องมีเจือมีแฝงกันบ้าง ไปๆ มาๆ ความเป็นธรรมชาติอาจเป็นมุมที่ดีที่สุดก็ได้ เพียงแต่นั่นอาจไม่ใช่มุมที่คนคาดหวังว่าจะเห็น ไม่ใช่มุมที่ควรนำเสนอ เพราะมันดูไม่ใช่ภาพลักษณ์ของคนประสบความสำเร็จ แต่เราก็ไม่เคยฉุกคิดกันจริงๆ จังๆ สักทีว่า

        แท้จริงแล้ว นั่นคือภาพลักษณ์ของความสำเร็จ หรือมันเป็นแค่ภาพความร่ำรวยแบบสำเร็จรูป?

        ผู้เขียนนั่งไล่เรียงดูคดีทางการเงินแล้ว ยอมรับว่าสลดใจที่เห็นหลายๆ คนต้องเสียเงินเสียทองที่เก็บมาทั้งชีวิต เพราะหวังว่าจะรวยในชั่วข้ามคืน หวังว่าลงทุนกับคนคนหนึ่งแล้วเขาจะช่วยให้เรารวยได้ เชื่อว่าความร่ำรวยแบบกำเงิน 6 พันแล้วซื้อซูเปอร์คาร์ได้ในสามเดือนจะเกิดขึ้นจริง

        “เงินน่ะ อยู่ในกระเป๋าเราก็ยังเป็นของเรา ถ้ามันไปอยู่ในกระเป๋าคนอื่นแล้วก็เป็นของคนอื่น อย่าไปหวังว่ามันจะกลับมา” ใครสักคนเคยบอกผู้เขียนไว้เมื่อนานมาแล้ว ก็ถือว่าเป็นความตรงไปตรงมาที่น่ารับฟัง

        ใครๆ ก็อยากมีชีวิตที่ดี และเงินทองก็เป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะในยุคนี้… อยากมีนั่นเรื่องหนึ่ง แต่ศักยภาพในการหาเงิน ความรู้ ความสามารถ จังหวะ โอกาส หรือเลยไปถึงเรื่องวาสนาก็เป็นอีกเรื่อง นี่ยังไม่นับเรื่องโครงสร้างสังคม คอนเนกชันอีกสารพัดที่จะทำให้ใครสักคนรวยขึ้นมาได้ในประเทศเรา แต่ก่อนอื่น เราต้องตื่น และอย่าให้ภาพความสำเร็จแบบสำเร็จรูปและจอมปลอมมาหลอกให้เชื่อโดยไม่ตั้งคำถามใดๆ การร้องเอ๊ะเพราะสงสัยไว้บ้าง ก็ยังดีกว่ามาร้องโอดโอยตอนหมดเนื้อหมดตัว ไม่ใช่หรือ?

        ที่สำคัญ ชีวิตที่ดีในความหมายของแต่ละคนก็ย่อมไม่เหมือนกัน และไม่ควรจะเหมือนกัน แค่จะซื้อของแต่ละอย่างเรายังต้องเลือกแบบที่แตกต่าง ตั้งแต่รองเท้าไปยันแบบบ้าน แล้วทำไมเราถึงคิดว่าชีวิตที่ดี จะต้องเป็นแบบที่เห็นตามโซเชียลมีเดียเท่านั้น?

        รถรา บ้านช่อง เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไลฟ์สไตล์เลิศหรูดูดี มองเผินๆ ก็เหมือนจะดีแต่มองอีกที มันก็ไม่ต่างจากเปลือกที่เราต้องใช้ห่อหุ้มตัวเองเพื่อให้ดูเป็นคนร่ำรวย พูดอะไรจะได้ดูน่าเชื่อถือ (แล้วทำไมจะต้องไปเชื่อแต่คนรวยด้วยก็ไม่รู้) แต่ก็อย่างที่บอก ยุคนี้แล้ว… แม้แต่เปลือกที่ว่าเขาก็เช่ามาโชว์กันให้เกลื่อน

        ภาพความสำเร็จ อาจมีแบบสำเร็จรูปให้เลือกใช้เลือกโชว์ แต่ผู้เขียนยังเชื่อว่า ชีวิตที่ดี ไม่มีอะไรสำเร็จรูปขนาดนั้น แต่เป็นเรื่องที่เราต้องออกแบบเอาเอง ยิ่งถ้าภาพออกมาเหมือนกันไปหมด แพตเทิร์นเดียวกันหมด มันยิ่งดูไม่ใช่ชีวิต… แต่มันดูปลอม


เรื่อง: วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม