เครื่องจักรแห่งความสัมพันธ์

มนุษย์คือเครื่องจักรแห่งความสัมพันธ์

เราแต่ละคนเป็นคล้ายเครื่องจักรแห่งความสัมพันธ์ เราคือฟันเฟืองเล็กจิ๋วในเครือข่ายความสัมพันธ์ขนาดยักษ์ที่สลับซับซ้อน นำพาเราสู่การขับเคลื่อนยิ่งใหญ่ของชีวิตและสังคม

        แต่เครื่องจักรก็คือเครื่องจักร

        เมื่อถูกบด เมื่อกระทบ เมื่อสัมผัส

        ความสึกหรอย่อมเกิดขึ้น

        แต่เมื่อเราคือเครื่องจักรแห่งความสัมพันธ์ ความสึกหรอที่เกิดขึ้นย่อมคือความสึกหรอแห่งความสัมพันธ์ตามไปด้วย

        เราส่วนใหญ่พยายามทำเท่าที่ทำได้ – เพื่อต่อต้านการเสื่อมสลายสึกหรอที่หลีกเลี่ยงไม่ได้นี้ เราอาจคิดถึงความสึกหรอในด้านร่างกาย แต่ความสึกหรอที่สำคัญกว่านั้นก็คือความสึกหรอภายใน เมื่อหัวใจของเราค่อยๆ กร่อนลงตามวันเวลาและการจากไปของชิ้นส่วนเครื่องจักรอื่นๆ ข้างเคียง – ชิ้นส่วนที่เราเรียกว่าเพื่อน, คนรัก และกระทั่งอีกครึ่งหนึ่งของการมีชีวิตอยู่ของเรา

        ที่จริงแล้ว เราแต่ละคนมี ‘ค่าตั้งต้น’ ของการเป็นเครื่องจักรแห่งความสัมพันธ์ต่างกันไป คล้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่บางเครื่องมีการ์ดจอทรงพลังกว่าบางเครื่อง บางเครื่องก็มีหน่วยความจำที่ใหญ่กว่า และอีกบางเครื่องก็เล็กจิ๋วในความสามารถที่จะทนทานต่อสิ่งกระทบกระแทก

        ค่าตั้งต้นของความสัมพันธ์ก็เป็นเช่นนั้น คนจำนวนหนึ่งทนต่อความเดียวดายได้ยากกว่าอีกบางคน แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคนเหล่านี้จะปราศจากความเหงาในชีวิต

 

        เคยมีบทความในวารสาร Science ที่ศึกษาข้อมูลต่างๆ ในมนุษย์จำนวนมาก และบ่งชี้ออกมาว่า การแยกขาดทางสังคมนั้นสร้างปัจจัยเสี่ยงเท่ากับการเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน การขาดการออกกำลังกาย หรือการสูบบุหรี่

        นั่นแปลว่า – คนที่ ‘เหงา’ หรือขาดแคลนซึ่งสายสัมพันธ์มากพอจะกระทบขีดจำกัดแห่งความอดทนของตัวเอง มักคล้ายเครื่องจักรที่ทำงานหนักเกินไป จึงเกิดความสึกหรอขึ้น และความสึกหรอเล็กๆ ที่เริ่มแตกร้าวขึ้นนี้ ก็จะยิ่งเร่งความสึกหรอใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น

        งานวิจัยในวารสาร Science บอกว่า คนที่ขาดคู่ชีวิต ขาดเพื่อนสนิท หรือขาดคนที่อาจให้ความช่วยเหลือหรือส่งอิทธิพลในทางบวก มักมีแนวโน้มที่จะน้ำหนักขึ้น ดื่มมากเกินไป หรือไม่ออกกำลังกาย นั่นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า ความสึกหรอแรก – คือการขาดคนรัก, ได้สร้างความสึกหรอต่อเนื่อง ซึ่งก็คือการเริ่มกระบวนการทำลายตัวเอง

        โดยปกติ ร่างกายของเราต้องประสบกับภาวะเสื่อมที่เชื่อมโยงกับขีดจำกัดทางอายุในระดับเซลล์อยู่แล้ว แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องทางกายภาพเท่านั้น เรื่องที่ส่งผลต่อเราได้มากโดยที่เราอาจรู้ตัวน้อยกว่า – ก็คือสภาวะเสื่อมทางใจที่เกิดเพราะเราต้องแยกขาดจากผู้อื่น – โดยเฉพาะคนที่เรารัก, ไม่ว่าจะด้วยความตาย การจากพรากเลิกรา หรืออะไรก็ตามที

        ด้วยเหตุนี้ ความสามารถที่จะมูฟออนหรือเคลื่อนต่อไปบนเส้นทางแห่งชีวิตโดยเก็บอดีตเอาไว้เบื้องหลังเป็นบทเรียน – จึงเป็นความสามารถที่สำคัญมาก

 

        มนุษย์คือเครื่องจักรแห่งความสัมพันธ์

        ความสึกหรอถดถอยย่อมเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์และกับเครื่องจักรเล็กๆ ชิ้นนั้นเสมอ

        มีแต่การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความสึกหรอนั้น และทะนุถนอมชิ้นส่วนเล็กๆ ของเครื่องจักรเหล่านั้นเอาไว้เสมอเท่าน้ัน – ที่จะทำให้เรายังพอมีชีวิตต่อไปได้โดยไม่ทุกข์ร้อนมากเกินไป

        มีเพียงเท่านั้นเอง