เลือกที่จะรับรู้ ถือเป็นศิลปะการใช้ชีวิตแบบหนึ่ง

ทุกครั้งที่กลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด สิ่งที่ผู้เขียนมักจะขอให้แม่เก็บไว้ให้เสมอก็คือ กระดาษหนังสือพิมพ์–กระดาษที่เมื่ออ่านจบครบถ้วนแล้ว มันจะกลายเป็นสิ่งสารพัดประโยชน์ทันที ตั้งแต่ห่อผลไม้ เอาไว้ปูรองพื้น และแน่นอน กลายเป็นกระดาษไว้เก็บระเบิด หรือที่เรารู้จักกันดีภายในชื่อที่สุภาพขึ้นแล้วว่าอึหมา อึแมว 

        กระดาษหนังสือพิมพ์ที่พวกเราเลิกอ่าน และตอนนี้ก็หันมาอ่านข่าวทุกชนิดผ่านอุปกรณ์สื่อสารมากมายรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน แทบเล็ต หรือแล็ปท็อป แม้กระทั่ง e-reader จนเราอาจเคยชินคิดว่าชีวิตที่มีเครื่องมือหรือ devices เหล่านี้ เป็นชีวิตที่ปกติและทันสมัยสุดๆ 

        แต่ก็นั่นแหละ โลกไม่ได้มีด้านเดียว และไม่ได้หมุนเร็วรี่ตลอดเวลา บางมุม บางพื้นที่ และบางคนในโลก ก็เลือกแล้วที่จะรับรู้ข่าวสารด้วยวิธีการง่ายๆ แต่อาจไม่ทันสมัยใหม่เสมอ แม่บอกแค่ว่า รู้ข่าวทุกอย่างจากหนังสือพิมพ์เล่มเดียวที่อ่านวนไปทั้งวันนี่แหละ และใช่! บางเรื่องแม่ก็เล่าเป็นคุ้งเป็นแควได้มากกว่าผู้เขียนที่แทบจะมอนิเตอร์ข่าวทุกชั่วโมง โดยไม่รู้ว่าจะติดตามขนาดนั้นไปให้มันได้อะไรขึ้นมา 

        บ้านเราเป็นบ้านที่เติบโตมาด้วยการอ่าน อ่านมันทุกอย่างตั้งแต่หนังสือพิมพ์ หรือถ้าย้อนไปในสมัยก่อนก็ต้องนิตยสารรายสัปดาห์ ที่รับแทบจะทุกหัว เอ่ยชื่อมาเถอะ พวกเราได้อ่านกันหมด วันนี้ไม่มีนิตยสารเหล่านั้นอีกต่อไปแล้วแม้แต่หัวเดียว มีก็แต่หนังสือพิมพ์ที่แม่ยืนยันว่า ยังไงก็ต้องอ่านเพราะมันทำให้แม่ทันโลก ทันเหตุการณ์ 

        คำว่า ‘ทันโลก’ ของเรา อาจไม่เท่ากันด้วยเหตุนี้ 

        ทันโลกของผู้เขียนในโลกของข้อมูลข่าวสาร และการทำคอนเทนต์ออนไลน์ หมายถึงทันแบบเรียลไทม์ นาทีต่อนาที เกิดอะไรขึ้นในโลก Breaking News ต้องเด้งขึ้นมาในแอพพลิเคชันข่าวที่มีแทบทุกสำนักข่าวทั่วโลก หรือบางทีแอพฯ ยังไม่ทันเด้งเตือน ก็เข้าไปควานหาข่าวในทวิตเตอร์แทน บางครั้งผู้เขียนจึงรู้ข่าวที่เกิดขึ้นที่นิวยอร์กเร็วกว่าเพื่อนที่อยู่ฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา ทั้งที่สองเมืองนี้อยู่ประเทศเดียวกันนั่นแหละ 

        ทันโลกของแม่ มันหมายถึงแค่การอ่านหนังสือพิมพ์หนึ่งเล่มต่อวัน อ่านทุกเรื่องที่เขาสรรหามาไว้ในเล่มเดียว มีทุกเรื่อง ตั้งแต่สังคม เศรษฐกิจ การเมือง อาชญากรรม ท่องเที่ยว เรื่อยไปจนถึงคอลัมน์เชิงวิพากษ์วิจารณ์ อ่านจบแล้วก็ไปทำอย่างอื่น ไม่วนเวียนมานั่งรีเฟรชหน้าจอหรือสไลด์อ่านไปเรื่อยๆ แบบผู้เขียน แต่ทั้งหมดในหน้าหนังสือพิมพ์นั้น ถือว่าครบ จบในที่เดียว ไม่มีอะไรที่อยากรู้แล้วไม่ได้รู้ 

        มันเหมือนเราอยู่กันคนละโลก อยู่กันคนละเลน ถ้าเป็นรถ แม่น่าจะวิ่งแช่ซ้าย ส่วนผู้เขียนน่าจะวิ่งฉิวอยู่ด้านขวา เลนของแม่ไปเรื่อยๆ เห็นทุกรายละเอียดของริมทาง ส่วนเลนขวานั้นมีไว้สำหรับรถแรง เร็ว และไม่สามารถละสายตาไปมองข้างทางได้ง่ายนัก ทุกอย่างผ่านไปแบบจดจำอะไรไม่ได้

        อาการ Information Overload เกิดกับผู้เขียนบ่อยครั้ง อ่านเยอะจริง แต่มีปัญหาเรื่องความจำ แถมบางวันก็รู้สึกเหมือนสมองไม่ได้ผ่อนพัก เก็บทุกเรื่องมาคิดวนเวียน แต่ไม่ได้ไอเดียอะไรใหม่ๆ มากนัก ไอ้นั่นก็น่าสนใจ ไอ้นี่ก็น่ารู้ เมื่อทำงานอยู่กับข้อมูล ก็เหมือนเป็นคนกระหายข้อมูล เห็นอะไรก็กระโดดเข้าหา แทบจะเรียกได้ว่าสวาปามข้อมูลเลยทีเดียว เพราะอะไร เพราะกลัวว่าถ้าไม่รู้เท่ากับคนอื่น นั่นคือความผิดพลาดมหันต์ ลงท้ายเลยเหมือนคนท้องอืด ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย 

        จะบอกว่าเป็นโรคข้อมูลไหลย้อนก็น่าจะใกล้เคียง หนักๆ เข้า พอข้อมูลไหลท่วมทะลัก อ่านไม่ทัน ก็เริ่มหงุดหงิด ลงท้ายกลายเป็นโรคโกรธไหลย้อนเข้าไปอีก

        มันไม่มีอะไรพอดีเลย และถ้าจะให้พอดี ก็เป็นไปได้ว่า เราอาจต้องเลือกรับสิ่งที่เราต้องอ่านแบบจริงๆ จังๆ เพราะจะว่าไป การสนใจกระหายใคร่รู้เรื่องใหม่ๆ ก็เป็นเรื่องดี แต่การใช้เวลาตกผลึกกับเรื่องที่เรียนรู้ไปแล้วก็สำคัญ และการต่อยอดสิ่งที่ตกผลึกไปแล้ว ก็ยิ่งจำเป็น 

        ซึ่งทุกวันนี้ยากมากที่จะทำได้แบบนั้น ส่วนใหญ่จะอ่านแล้วอ่านเลย ในขณะที่แม่อ่านฮาวทูปลูกต้นไม้บางเรื่อง แล้วไปลองทำ วันดีคืนดีก็ได้ต้นฟ้าทะลายโจรขึ้นมาเต็มสวนหลังบ้าน อะไรแบบนั้น 

        วันก่อนขณะกำลังจะกางหนังสือพิมพ์เพื่อเป็นการใช้ประโยชน์ครั้งสุดท้ายนั่นคือ… ใช้เป็นที่ขับถ่ายของหมาอ้วนในบ้าน ผู้เขียนสะดุดกับบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจเข้าเรื่องหนึ่ง ยืนอ่านแล้วติดหนึบ เลยไล่อ่านจนจบความ ได้เรื่องได้ราวมาคิดต่อเสียอย่างนั้น 

        ทำไมไม่เคยผ่านตาเรื่องนี้มาก่อนนะ? หรือบางทีอาจจะเคยผ่านตามาแล้วตอนที่กำลังเปิดสมาร์ตโฟนเช็กข่าว แต่พอดีมีโฆษณาเด้งขึ้นมาว่า ‘สาวชาว กทม. ทำสิ่งนี้แล้วรวยจนนับเงินไม่ทัน’ ‘สมุนไพรแก้ข้อเสื่อม’ ‘เครื่องดูดเงินของยุคนี้’ และภาพคนเอาน้ำอัดลมราดหัวเพื่อแก้ผมร่วง?!? เลยกดปิดหน้าจอทุกอย่างไปให้รู้แล้วรู้รอด 

        อย่างน้อยการอ่านหนังสือพิมพ์สักฉบับ ก็ไม่ต้องมาเผชิญกับหน้าจอที่เด้งขึ้นมาและต้องรีบปิดทิ้งจนไม่เป็นอันอ่านข่าวสารใดๆ 

        โลกใบนี้ ไม่ต้องไปทันมันมากนักก็ได้ วิ่งช้าๆ แช่ซ้าย ก็ไม่ได้ถึงที่หมายช้าไปเป็นวันเสียหน่อย… และการเลือกที่จะรู้ เลือกที่จะรับในสิ่งที่พอเหมาะพอดีกับชีวิต จะว่าไปก็อาจถือเป็นศิลปะของการใช้ชีวิตแบบหนึ่ง 


เรื่อง: วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม