ง่ายๆ เพียงแค่

ง่ายๆ เพียงแค่… วลีติดปากของยุคสมัย ที่สะท้อนว่าเราต้องการความสุขความสำเร็จแบบฉับพลันทันที

นั่งดูรายการทีวีตอนเช้าสาย เห็นพิธีกรรายการปกิณกะสาระบันเทิงนั่งคุยหยอกเย้าเล่นหัวกันไปมา ให้เกร็ดความรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ ให้เคล็ดลับในการทำงานและการใช้ชีวิต บอกว่า “ง่ายๆ เพียงแค่…”

       ง่ายๆ เพียงแค่… คือจิตวิญญาณของยุคสมัย มันคือยุคสมัยที่ผู้คนต้องการแสวงหาความสุขและความสำเร็จแบบฉับพลันทันที ทุกอย่างต้องมีเคล็ดลับหรือเกร็ดความรู้ง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้ เมื่อทำตามแล้วจะได้ผลลัพธ์ออกมารวดเร็วทันใจ แล้วเราจะมีความสุขความสำเร็จกันตลอดเวลา ทุกๆ ลมหายใจเข้าออก

        ความคิดและมุมมองต่อโลกและชีวิตของพวกเราเปลี่ยนไป เรื่องหนึ่งก็คือเรื่องท่าทีที่เรามีต่อความสุขและความทุกข์ คนรุ่นก่อนพวกเราเกิดมาเพื่อทำงานหนักและหาเลี้ยงลูกเต้า ถ้าจะถามว่าความสุขคืออะไร แน่นอนว่าคำตอบนั้นไม่ใช่สูตรเด็ดเคล็ดลับหรือเกร็ดความรู้อะไรที่เห็นแบบในรายการทีวีตอนเช้าสาย

       แต่คำตอบนั้นคือการมองออกไปไกลๆ ในระยะยาวของชีวิต โดยพยายามอดทนอดกลั้น ชะลอการได้รับความสุขในระยะสั้น หรือเรียกว่า Delay Gratification เพื่อรอรับผลพวงที่ดีมากนี้ มากกว่านี้ แต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้ มันคือเรื่องในระยะยาว

       ผมยังเกิดทันที่จะได้เห็นตัวอย่างการใช้ชีวิตของคนรุ่นก่อน จึงได้รับอิทธิพลในการกดข่มความต้องการและความอดทนต่อสู้มาแบบเต็มๆ ถึงแม้ว่ามันจะเจือจางลงบ้างตามยุคสมัย คนรุ่นผมยังได้ไปเที่ยวเตร่ กินเหล้าสังสรรค์ ไปต่างประเทศ ช้อปปิ้งข้าวของได้ตามใจ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้น indulge ตัวเองตลอดเวลา และไม่สุขนิยมมากนัก คือไม่เชื่อว่าจุดหมายสูงสุดของชีวิตคือการแสวงหาความสุขและความพึงพอใจแค่นั้น

       คุณธรรมชุดเก่ากำลังค่อยๆ เสื่อมคลายลงไปตามกาลเวลา ในยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง มันเคยเป็นคุณธรรมหลักที่ทุกคนยึดถือ แต่มาถึงสมัยนี้ มันอาจจะกลายเป็นเรื่องน่าขำสำหรับคนรุ่นใหม่ และอาจจะกลายเป็นสิ่งผิดไปแล้วก็ได้ เมื่อคุณธรรมแบบใหม่ได้สถาปนาขึ้นมาแทนที่

       มันเป็นระบบคุณค่าใหม่ การมองความสุขและความทุกข์ในชีวิตแบบใหม่ ทุกอย่างที่เราทำ เราจะต้องเลือกเอง และเราต้องชอบ มีความพึงพอใจและความสุขอย่างสุดหัวใจเท่านั้น อะไรที่ไม่ชอบ เราจะไม่ทำ อะไรที่ไม่ใช่ เราจะไม่เสียเวลาไปกับมัน เราจะไม่ยอมให้เกิด deadweight loss ในชีวิต และจะตามหามันไปเรื่อยๆ

       มันจึงไม่น่าแปลก เมื่อเห็นการพร่ำพูดเรื่องงานในอุดมคติที่ให้ความสุข ความเป็นตัวของตัวเอง การเติมเต็มชีวิตที่ดี หรืออะไรๆ ทำนองนั้น มากกว่าการนั่งลงและลงมือทำงานที่อยู่ตรงหน้าให้สำเร็จเสร็จสิ้น และการพร่ำพูดถึงกระบวนการแสวงหาสิ่งดีๆ ให้ตัวเอง ภาพมื้ออาหารหรูหรา ท่องเที่ยวตามล่าแสงเหนือ มากกว่าการชะลอความพึงพอใจหรือการกดข่มความต้องการของตัวเอง

       ในที่นี้ ผมไม่ได้อยากจะตัดสินฟันธงว่าอะไรถูกอะไรผิด หรือแนวความคิดแบบไหนดีกว่ากัน ถึงแม้ว่ามันอาจจะปรากฏให้เห็นในท่าทีและน้ำเสียงของบทความนี้บ้าง แต่ก็พยายามเปิดกว้างรับความเห็นอื่น และผมมองว่ามันเป็นเรื่องของยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป