เขียวไข่กา

ภาพความทรงจำเก่าๆ ยังคงชัดเจน และนึกขึ้นมาทุกครั้งที่นั่งรถผ่าน

ระหว่างทางไปรับแม่กลับมาจากโรงพยาบาล ผมขับผ่านไปทางถนนอำนวยสงคราม ตอนกำลังติดไฟแดงที่สี่แยกบางกระบือ แม่ก็เล่าความหลังให้ฟัง

        ตึกที่เก่าแก่ที่สุดในละแวกนี้และยังคงอยู่เหมือนเดิมคือตึกโรงรับจำนำย่งเส็ง อยู่ตรงสี่แยกเขียวไข่กา ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนราชินีบนในปัจจุบัน

        สมัยก่อนนั้น ย่านเขียวไข่กาเป็นแหล่งซ่องโสเภณีและโรงฝิ่น ธุรกิจการค้าแถวนี้เจริญรุ่งเรืองและคนพลุกพล่านมาก มีรถรางวิ่งต่อเนื่องมาจากราชวัตร บ้านเก่าของแม่อยู่แถวที่ว่าการอำเภอดุสิต

        บ้านตากับยายของแม่อยู่ลึกเข้าไปในซอยเขียวไข่กา ตาทำงานเป็นกุลีแบกหามให้โรงสีที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บ้านตาเป็นบ้านเช่าซอมซ่อที่โรงสีสร้างให้คนงานเช่าในราคาถูกๆ ค่าเช่าเดือนละ 20 บาท

        เวลามาเที่ยวบ้านตา แม่จะนั่งรถรางมาลงที่ปากซอยเขียวไข่กา เดินผ่านโรงรับจำนำเข้าไป เห็นซ่องและโรงฝิ่นตลอดทาง กะหรี่โทรมๆ แต่งหน้าทาปากยืนกันประเจิดประเจ้อ มีบางคนติดโรคร้าย เป็นฝีหนองขึ้นตามตัว นอนซมพิษไข้อยู่ข้างถนน

        หลังเลิกงาน ตาจะพาแม่ไปเที่ยวตลาดบางกระบือ สมัยก่อนมีโรงงิ้วขนาดใหญ่มาก อยู่ตรงบริเวณห้างซูพรีมในปัจจุบัน คนมาดูงิ้วแล้วก็มานั่งกินขนมกินข้าว

        ตาพาแม่ไปนั่งกินข้าวต้มกับจับเกียม เขาหุงข้าวต้มด้วยกระทะใบบัวขนาดใหญ่ ถ้าวันไหนตาไม่มีเงิน ก็จะพาแม่ไปนั่งกินข้าวต้มฟรีที่โรงสีเขาทำไว้เลี้ยงคนงาน

        บ้านของตาเป็นเพิงไม้เล็กๆ พื้นบ้านเป็นไม้กระดานมีร่องใหญ่ ข้างใต้เป็นน้ำครำ พอวันไหนน้ำขึ้น พื้นก็เลอะเทอะเฉอะแฉะจนนอนไม่ได้ ต้องเก็บของออกมานั่งข้างนอก ยุงก็เยอะไปหมด รอจนกระทั่งน้ำลดจึงได้เข้านอน ยายจะกางมุ้งให้แม่ เอาตะเกียงน้ำมันก๊าดมาลนตัวเรือดตัวไรตามหมอนและผ้าห่มให้

        ตึกโรงจำนำย่งเส็งยังอยู่ตรงปากซอย แต่นอกนั้นเปลี่ยนแปลงไปหมด แม่จำภาพเก่าๆ ได้แม่นยำ และนึกขึ้นมาทุกครั้งที่นั่งรถผ่าน

        พอไฟเขียวเราก็ขับผ่านสี่แยกนั้นมา แม่เหลียวกลับไปมอง แล้วบ่นตามประสาคนแก่ บอกว่าคนสมัยก่อนลำบากมาก ยากจนมาก แต่เขาก็อยู่รอดกันมาได้ ไม่อ่อนแอเหมือนคนสมัยนี้