สวมแจ็กเกตกันลม สะพายเป้ แล้วเดินทางออกจากบ้าน เสียบหูฟังเปิดเพลง Go Now ฟังวนไป มีเพลงนี้เพียงเพลงเดียว… ความฝันที่เก็บเอาไว้นานเกินไป มันจะกลายเป็นพิษร้ายภายในใจ ถ้าไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่ได้ไปอีกเลย… ความฝันที่เก็บเอาไว้นานเกินไป มันจะกลายเป็นพิษร้ายภายในใจ ถ้าไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่ได้ไปอีกเลย…
ตลอดทางที่มุ่งไป บนรถไฟฟ้าบีทีเอส ผู้คนแปลกหน้าร้อยพันเดินเข้าออกขบวนรถ เรายืนเบียดเสียดกันแบบไหล่เกยไหล่ ภาพวิวสองข้างทางนอกหน้าต่างเลื่อนไป พ้องกับเสียงเพลงที่ยังวนเวียนดำเนินไป พร้อมกับความคิดในหัว ความรู้สึกบางอย่าง ความคิดบางเรื่อง ภาพความหลังครั้งเก่า เพื่อนฝูง พ่อแม่ ครอบครัว น้องๆ ที่ทำงาน
มีเสียงเรียกจากที่ไหนสักแห่ง รู้สึกสัมผัสเสียงนั้นได้ชัดเจน ทั้งที่มันไม่ปรากฏเป็นตัวตน
บทสนทนาในซูเปอร์มาร์เกตระหว่างแม่บ้านผู้เปลี่ยวเหงา กับแคชเชียร์สาวน้อยที่ถูกกักขังไว้ภายในตึกอาคารจนลืมวันลืมคืน หญิงชราอ้วนเผละที่กำลังค่อยๆ สูญเสียความรู้สึกที่ปลายเท้าไปทีละน้อยๆ เซลส์แมนชราที่ต้องขับรถเร่ขายสีทาบ้านไปเรื่อยๆ เพราะไม่มีบ้านให้กลับ หมาข้างถนนกำลังนับเวลาเฝ้ารอการกลับมาของเพื่อนรัก เด็กน้อยที่กำลังหลงน้ำ ดำดิ่งลงไปหาแสงสว่างที่ก้นบึ้งของแม่น้ำ เกาะร้างโดดเดี่ยวกลางทะเล ยานอวกาศล่องลอยไร้น้ำหนัก บ้านเก่าผุพัง งานศพที่เงียบเหงาวังเวงไร้แขกเหรื่อ อุบัติเหตุสยดสยองบนทางด่วน แรงระเบิดและเปลวเพลิงได้โหมกระพืออารมณ์ความรู้สึกทั้งมวลให้ควบแน่นเข้าด้วยกัน
เมื่อกลับถึงบ้าน จึงได้มีเวลาให้กับตัวเอง รีบหาทางนำมันออกมา บนหน้าจอโน้ตบุ๊กที่ว่างเปล่า เคี่ยวกรำภายในตัวเอง พยายามถ่ายทอดบางอย่างออกมา
ความรัก ความใคร่ ความหวัง ความฝัน ความแก่ชรา ความตาย ความหลังครั้งเก่า ความรู้สึกผิดบาป การไถ่บาป คำขอโทษและคำสารภาพ รอยยิ้มทั้งน้ำตาเมื่อเราถวิลหาวันคืนเก่าๆ ที่เคยมีความสุข
เรื่องราวของตัวเองและของผู้คนรอบตัว ถูกนำมาเคลือบย้อมใหม่ให้กลายเป็นจินตนาการแปลกๆ ที่แสนโศกเศร้า นั่งเขียนบรรยายไป แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเฉยๆ…
หมายเหตุ: บันทึกไว้ในเดือนธันวาคม 2016