โรงเรียนสอนวิชารักแท้

ไม่ว่าคุณจะสอบตกเรื่องความรักมาสักกี่ครั้ง พ่ายแพ้ในความสัมพันธ์มากี่หน หรือค้นหามาจนชั่วชีวิตก็ยังไม่เจอรักแท้เลยก็ตาม

        แต่จะมีสถานที่แห่งหนึ่งที่ทำให้คุณได้รู้จักรักแท้แบบไม่มีเงื่อนไข เข้าใจเกี่ยวกับความรักได้ดีกว่าเดิม จนอาจถึงขั้นตาสว่างได้ว่า ที่ผ่านมา อาจเป็นคุณนั่นเอง ที่มองหาความรักผิดที่ ผิดคน รวมทั้งอาจให้คำนิยามความรักแบบผิดๆ มาตลอด

        สถานที่แห่งนั้นคือโรงพยาบาลสัตว์

        เกือบสองปีที่ผ่านมา ที่นี่คือสถานที่หลัก ที่ผู้เขียนต้องแวะเวียนไปแทบจะทุกเดือน เพราะแมวที่รับมาดูแลอย่างน้อยสองตัวล้มป่วยด้วยโรคไตในเวลาไล่เลี่ยกัน วันเวลาที่ทั้งแมวและคนต้องอดทนฟันฝ่าไปด้วยกันนับเป็นจำนวนวัน จำนวนชั่วโมงแล้ว คงเอาไปทำอะไรได้มากมายเหลือเกิน ปลูกต้นไม้ก็ได้กินผล ไปสร้างบ้านก็คงได้อยู่ไปแล้ว หรือไปลงมือทำอะไรสักอย่าง ก็คงเข้าข่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ไม่ยาก แต่การพาแมวที่ป่วยเป็นโรคไตระยะสุดท้ายไปหาหมอ นับวันจะเห็นแต่ความร่วงโรย เสื่อมทรุดของร่างกายแมวอันเป็นที่รัก ความแข็งแกร่งเดียวที่เหลืออยู่คงมีแต่แววตานักสู้ ที่พร้อมรับกับการรักษาไม่ว่าจะยากและเหนื่อยล้าแค่ไหน

        ไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงอย่างแมวเท่านั้น ที่โรงพยาบาลสัตว์ยังมีสัตว์ประเภทอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นหมาทุกสายพันธุ์ ปลาทอง นกแก้ว หรือแม้แต่งูเหลือม ทุกชีวิตที่เราเห็นที่นั่น เหมือนกันอยู่อย่างคือ พวกเขาเปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจของเจ้าของ ครั้งหนึ่งผู้เขียนเคยทวีตไว้ในทวิตเตอร์หลังจากไปโรงพยาบาลสัตว์มาหมาดๆ ว่า

        “ใครบอกรักแท้ไม่มีในโลกนี่นะ ลองแวะมาดูได้ที่โรงพยาบาลสัตว์ เอาโรงพยาบาลใหญ่ๆ เลยนะ เพราะจะได้เจอคนหลากหลายรูปแบบ คนมีเงิน คนไม่ค่อยมีเงิน แต่รักสัตว์เหมือนๆ กันหมด รักเหมือนแก้วตาดวงใจ เยินยังไงก็ไม่ทิ้ง นั่งเฝ้าให้น้ำเกลือ ป้อนข้าว ป้อนน้ำ นั่งหลับไปด้วยกัน มีทุกแบบ”

        ทวีตนั้นมีคนรีทวีตไป 72,400 กว่าครั้ง กดไลค์ไป 21,700 กว่าครั้ง เป็นสถิติที่แสดงว่าคนจำนวนมากล้วนแต่ผ่านประสบการณ์เดียวกันมาแล้ว

        ทุกคนเคยเจ็บปวด เคยหัวใจสลาย เมื่อสัตว์เลี้ยงของตัวเองป่วยหนักและจากไปตลอดกาล หลายคนยืนยันว่า หมดเท่าไหร่ไม่ว่า ขอแค่ให้พวกเขามีความสุขและมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดเท่าที่เจ้าของคนหนึ่งจะสามารถทำได้ ยากดีมีจนนั่นอีกเรื่อง แต่ไม่มีวันทิ้งกันแน่นอน บ้างยืนยันว่า เลิกกับแฟน ร้องไห้วันเดียวถ้วน แต่หมาหรือแมวตายนี่ราวกับว่าโลกจะถล่ม ร้องไห้แทบขาดใจ เป็นความสูญเสียที่ร้าวลึก เป็นการแหว่งวิ่น หว่างโหวงในหัวใจที่ไม่อาจทดแทนได้ด้วยอะไรอีกแล้ว

        ในรอบสองปีที่ผ่านมา จบลงตรงที่ผู้เขียนสูญเสียแมวไปทั้ง 2 ตัว หลังจากทั้งคู่ผ่านการต่อสู้กับโรคภัยอย่างยืดเยื้อเรื้อรัง ตัวแรกเป็นแมวดำ หูกุดหนึ่งข้างตามประสาแมวจรที่สู้มาแล้วทุกสารทิศ เลยได้ชื่อว่า หูกุด แบบไม่ต้องคิดมาก ตัวที่สองชื่อ คะนิ้ง หรือที่ผู้เขียนเรียกเล่นๆ ว่าคุณป้า เพิ่งจากไปไม่กี่วันที่ผ่านมา เป็นแมวสามสีนิสัยเรียบร้อย เจียมเนื้อเจียมตัว อดทน สงบปากสงบคำ ทั้งสองตัวเหมือนกันตรงที่ให้ความร่วมมือในการรักษาเสมือนคนไข้ดีเด่น ให้ทำอะไรก็ทำ เจาะเลือดก็นั่งนิ่งๆ ไม่โวยวาย โดยเฉพาะคุณป้านี่เงียบมากจนบางครั้งต้องเหลือบไปดูเบาะหลังว่า ลืมเอาขึ้นรถมาด้วยหรือเปล่า

        ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน และเป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายเหมือนกัน และหมอแจ้งให้รู้แต่เนิ่นๆ แล้วว่าเป็นโรคที่รักษาไม่หายและทำได้แค่ประคับประคอง อาการสะสมที่เป็นบ่อเกิดของโรคนี้เกิดขึ้นสมัยที่ยังเป็นแมวจรและกินไม่ดี อยู่ไม่ดี การที่เรารับเลี้ยงพวกเขาในช่วงสุดท้ายของชีวิต ย่อมต้องรู้คำตอบอยู่แล้วว่า คงมีเวลาอยู่ด้วยกันได้ไม่นาน การให้พวกเขามีบ้านที่ดี มีอาหารที่ดี ป่วยไข้ได้อยู่ใกล้หมอและได้รับการดูแลที่ดี คือการให้โอกาสเขาได้รับรู้ว่า โลกนี้ไม่ได้โหดร้ายจนเกินไปนัก และที่สำคัญ หากวันหนึ่งต้องจากไป พวกเขาจะจากไปแบบแมวที่รู้จักความรัก ความอบอุ่น ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะดิ้นรนใช้ชีวิตข้างถนนมานานแค่ไหนไม่สำคัญ แต่พวกเขาจะจากไปแบบแมวที่มีบ้าน มีเจ้าของ

        เมื่อไปโรงพยาบาลสัตว์ หมอและเจ้าหน้าที่ จะเรียกเราว่า เจ้าของ หรือไม่ก็เรียกว่า คุณพ่อ คุณแม่ เพราะสิ่งมีชีวิตในอ้อมอกเรามีค่าไม่ต่างกับลูก ที่สำคัญ หมาแมวที่โรงพยาบาลสัตว์แต่ละตัวป่วยไข้กันไม่ใช่น้อยๆ และโรคภัยที่พวกเขาต้องเผชิญก็ไม่ต่างจากคนเรา ไม่ว่าจะโรคปอด โรคไต โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง แม้กระทั่งอัลไซเมอร์ เจ้าของต้องประคับประคองสัตว์เลี้ยงกันมาหลายรูปแบบ บ้างเดินกันช้าๆ บ้างต้องอุ้มไว้ตลอดเวลา และบางตัวที่อาการหนักจริงๆ ก็มาแบบนอนหายใจรวยรินบนรถเข็น ขนบนตัวหลุดร่วงหมดสภาพ

        แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นที่รักของใครสักคนในโรงพยาบาลสัตว์แห่งนั้น

        เราเห็นมาหมดแล้วทั้งแบบเจ้าของนั่งปรับทุกข์คุยกับเจ้าของคนอื่น นั่งเปิดรูปหมาแมวให้กันและกันดู หรือถ้าเคสของใครต้องไปจบที่ห้องฉุกเฉิน ช็อตบีบหัวใจก็จะเกิดขึ้น แมวผู้เขียนต้องไปนอนให้น้ำเกลือที่ห้องฉุกเฉินครั้งสองครั้ง เลยเจอมาตั้งแต่เจ้าของวิ่งหน้าตาตื่นพาหมาที่ป่วยหนักมาหาหมอ และบางวันก็ได้เห็นเจ้าของบางคนนั่งร้องไห้แบบไม่อายใคร เมื่อหมอแจ้งว่าอาการหมาแมวของตัวเองเข้าขั้นวิกฤติหรือ…จากไปแล้ว

        โรงพยาบาลสัตว์ทำให้เราเห็นสัจธรรมแบบซึมลึก ค่อยๆ เห็น ค่อยๆ ทำความเข้าใจ ทุกชีวิตที่เราดูแลนั้น ต่อให้เราได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของ เราก็ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริงของชีวิตใดแม้แต่ของตัวเอง…ในความหมายว่า ควบคุมอะไรให้เป็นอย่างใจไม่ได้ อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด ทุกอย่างมีจังหวะเวลาของมัน ไม่ช้าก็เร็ว เราคงต้องปล่อยมือกันไป อาจไม่ใช่ในวันนี้ พรุ่งนี้ แต่ก็ต้องในวันใด วันหนึ่ง…

        การพบต้องจบลงด้วยการจากลา…

        ทุกนาที ทุกชั่วโมง ที่ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงนั่งรอพบแพทย์ ไม่ใช่เวลาน้อยๆ บางเคสต้องรอกันครึ่งค่อนวัน ช่วงเวลานั้นมันมากพอให้เรารู้สึกเห็นอกเห็นใจทุกชีวิตตรงนั้น รวมทั้งหมอที่วิ่งวุ่นรักษากันทั้งวันด้วย ช่วงเวลานั้นมีค่ามาก เพราะมันหมายถึง ‘เวลาที่เรายังอยู่ด้วยกัน’ ตราบใดที่เรายังพาพวกเขาไปรักษาได้ ยังได้อุ้มได้กอด ได้มีโอกาสช่วยให้เขารอด มีชีวิตอยู่ไปอีกระยะ แปลว่าเรายังมีโอกาสได้ครอบครองช่วงเวลาที่มีค่า จนกว่าวันที่หมดเวลามาถึง

        หูกุดป่วยหนักในช่วงสุดท้าย ผ่านการให้เลือดมาสามครั้ง แต่เมื่อวันหนึ่งที่เขาสู้ไม่ไหว เขาก็สิ้นใจอยู่บนที่นอนโปรดของเขาในห้องที่บ้าน ส่วนคุณป้า ผ่านการรักษามาร่วม 10 เดือน และอาการทรุดหนักภายในหนึ่งอาทิตย์ ก่อนจะจากไปในเช้าวันหนึ่งแบบเงียบๆ ในคลินิกโดยที่ผู้เขียนไม่ทันได้กลับมาดูใจ ทำได้แค่พากลับมาอำลาห้องนอนที่เขาอยู่มาตลอดช่วงสุดท้ายของชีวิต

        ความตายของสัตว์เลี้ยง คือบทเรียนบทสุดท้ายที่เราต้องเจอและผ่านไป นี่คือเรื่องหนักหนาสาหัสจนจิตแพทย์ต้องเขียนออกมาเป็นหนังสือและบทความมากมายในอินเตอร์เน็ต แต่ท้ายที่สุดก็เป็นตัวเรานั่นเองที่ต้องรับมือด้วยวิธีของใครของมัน ร้องไห้แค่ไหนถึงจะพอ? ไม่มีใครตอบได้ ความคิดถึงแบบทรมานหัวใจ จะสิ้นสุดลงวันไหน? ไม่มีใครรู้เช่นกัน แต่ในที่สุด วันหนึ่งมันจะผ่านไป วันหนึ่งเราจะไม่เจ็บปวดเท่าเดิม แต่เราจะไม่เคยลืมพวกเขา รอยเท้าของแมวหมาในบ้านอาจไม่เหลือแล้ว แต่รอยที่พวกเขาฝากไว้ในหัวใจเรา ยังฝังลึกไม่เคยจาง

        หมาแมวแต่ละตัว มีนิสัยต่างกัน เข้ามาในชีวิตของเราต่างกัน แต่ทุกตัวที่จากไปส่งผลกับชีวิตเราเหมือนกันหมดตรงที่…พวกเขาทำให้เรารู้ว่าความรักที่แท้จริงมันคือการอยู่เคียงข้างกันทั้งในยามสุขและทุกข์หนัก ไม่มีคำว่าทอดทิ้งตราบจนวันที่เขาทอดร่างหมดลมหายใจ

        ความรักแบบนี้ บางทีเราก็หาไม่ได้จากหัวใจของมนุษย์


เรื่อง: วิไลรัตน์ เอมเอี่ยม