แม็กซ์ เจนมานะ

แม็กซ์ เจนมานะ | เมื่อการไล่ตามความฝันอย่างการเล่นดนตรีนั้น มีชีวิตเป็นเดิมพัน

นักดนตรีเป็นอาชีพที่เราถือว่าอยู่อันดับต้นๆ ในการวางเดิมพันชีวิตของใครสักคนที่จะเลือกเส้นทางนี้ เหมือนกับตัวละครในหนังเรื่อง Inside Llewyn Davis ซึ่งมีทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็มีคนที่พ่ายแพ้ให้กับโชคชะตา กลายเป็นนักดนตรีตกอับ ที่อาศัยนอนตามโซฟาบ้านคนอื่นไปวันๆ เราเปิดประเด็นนี้กับ ‘แม็กซ์’ – ณัฐวุฒิ เจนมานะ ในฐานะที่เขาเป็นนักดนตรีเหมือนกัน และวางเดิมพันของตัวเองในการทำงานเพลง ที่เรียกว่าเข้มข้นไม่แพ้กัน

แม็กซ์ เจนมานะ

 

     “ผมทำใจตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าออกจากงานประจำมาเล่นดนตรีจะต้องเจออะไร และผมคิดว่าตัว ลูวิน เดวิส เอง เขาก็คิดแบบเดียวกัน เพราะสำหรับคนที่ยอมอุทิศชีวิตให้ศิลปะขนาดนั้น ทางเลือกของเขามีไม่เยอะหรอก เขาเองก็มีตัวเลือกว่าจะกลับไปทำงานเป็นชาวประมงหรือทำงานอื่นๆ ก็ได้ แต่สุดท้ายเขาก็จะตัดสินใจเลือกทางเดินที่ตัวเองอุทิศให้”

     เรานั่งคุยกับแม็กซ์ในวันที่อากาศร้อนจัดช่วงบ่าย ตัวเขาเองก็เพิ่งเสร็จจากงานในสตูดิโอ ตอนตีห้ากว่า ท่าทางของเขามีอาการอิดโรยเล็กน้อย แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เมื่อเราถามไปตรงๆ ว่า เคยท้อแท้ไหม เคยคิดยอมแพ้กับสิ่งตัวเองทำอยู่บ้างหรือเปล่า

     “ผมไม่กลัวความลำบาก แต่ผมก็มีแผนที่เตรียมไว้แล้วเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย เพราะเรามีครอบครัวที่ต้องดูแล แต่ถ้าผมไม่ทำเพลงผมก็จะไม่มีความสุขเลย ชีวิตของผมคงจะไม่สมบูรณ์ เราต้องเชื่อก่อนว่าแต่ละคนจะมีโจทย์ของตัวเองในชีวิต แล้วเราต้องตีโจทย์นั้นออกมาให้ได้ ผมให้ความสำคัญกับงานมากกว่าความสำเร็จ เพราะความสำเร็จสำหรับผมคือของแถม”

 

แม็กซ์ เจนมานะ

 

     ความอดทนของแต่ละคนมีมากน้อยไม่เท่ากัน คนส่วนใหญ่ที่เราพบคือมีความอดทนต่ำมาก เจ็บนิดหน่อยก็ยอมแพ้ แล้วก็ถอดใจล้มเลิกสิ่งที่ตัวเองอยากทำทิ้งไป โดยเฉพาะกับตอนนี้ที่ใครๆ ก็ฝากความหวังไว้กับยอดวิวในยูทูบหรือยอดไลก์บนเฟซบุ๊ก พอไม่ได้ยอดดั่งใจก็เฟล เลิกทำไปดื้อๆ

     “ความอดทนของเราจะมีค่าก็ต่อเมื่อเราตั้งความคาดหวังของตัวเองไว้เท่าไหร่” เขาบอก “ผมเกลียดยอดไลก์กับยอดวิวมากนะ แต่ตัวเลขพวกนี้ก็บอกอะไรเราได้หลายๆ อย่าง เช่น เรามาถูกทางหรือยัง หรือใช่ทางที่เราอยากไปไหม ถ้าผมตั้งใจว่าจะเล่นดนตรีเพราะชอบ เพราะตัวเองอยากอินดี้ ได้มาหมื่นวิวก็ดีใจมากแล้ว แต่ถ้าเป้าหมายของผมคือคนฟังในวงกว้าง ยอดวิวก็ต้องหลักล้านขึ้นไป ทั้งหมดอยู่ที่เราอยู่กับความจริงได้แค่ไหน เลี้ยงความฝันกับความจริงได้หรือเปล่า ที่เหลือก็ให้ลมพาเราไป

 

แม็กซ์ เจนมานะ

 

     ตอนที่คุณลาออกจากงานประจำถือว่าเป็นการเดิมพันครั้งแรกในเส้นทางของนักดนตรี ตอนนี้คุณก็เรียกว่าประสบความสำเร็จมาระดับหนึ่ง แล้วยังมีอะไรที่คุณต้องดีลกับตัวเองอีกบ้างไหม

     “ถ้าเราไม่พยายามชีวิตเราจะเหลืออะไร ผมเลยเดิมพันครั้งที่สองกับตัวเองเลยว่าปีนี้ต้องมีเพลงใหม่ออกมา ก็ขอเดินขึ้นหลังเสืออีกครั้ง ผมต้องมีการเดิมพันให้ตัวเอง ไม่งั้นชีวิตนี้น่าเบื่อตายเลย แล้วสุดท้ายเราจะกลายเป็นคนแก่ที่ชีวิตมีแต่ความน่าเบื่อ”

     ความหวัง ความฝัน บางทีก็น่ากลัว เมื่อเรายึดมั่นกับมันมากเกินไป แล้วไม่ประสบความสำเร็จตามที่ใจหวังก็ทำให้เรากลายเป็นคนที่พ่ายแพ้ หมดกำลังใจได้ง่ายๆ

     “ผมเพิ่งคุยเรื่องนี้กับเพื่อนมาเหมือนกัน เขาบอกว่าตัวเองลูสเซอร์มากๆ ผมก็บอกไปว่าทุกคนเจอปัญหากันทั้งนั้น แกไม่ได้เป็นคนเดียวที่เจอ ปัญหาทำให้เราพัฒนาตัวเอง เหมือนกับตอนเป็นหวัด ถ้าเราไม่โดนไวรัสเล่นงาน ร่างกายก็จะไม่มีภูมิคุ้มกัน ความล้มเหลวมีอยู่ในชีวิตอยู่แล้ว”

 

แม็กซ์ เจนมานะ

 

     พูดถึงภูมิคุ้มกันครั้งหนึ่งชายคนนี้ก็ท้อแท้มาในระดับที่เรียกว่า เกือบจะโยนกีตาร์ของตัวเองทิ้งไปก็เคยมาแล้ว

     “ย้อนกลับไปมองช่วง coming of age ของผมในตอนวัยรุ่น ก็คิดไม่ออกเหมือนกันนะว่าทำไม่ตัวเองเป็นคนแบบนั้น แต่ก็เชื่อว่าเวลานั้นผมคงไม่ไหวแล้วจริงๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้แพ้มากๆ มากจนถึงขั้นไม่อยากเล่นดนตรีแล้ว ไม่อยากจับกีตาร์เลย ตอนนั้นผมงงว่าตัวเองกำลังทำอะไร ทำไม่เราไม่เก่ง เราห่วยมาก แต่สุดท้ายก็บอกตัวเองว่า ถ้าเราติดอยู่ในด่านนี้มากๆ ก็แย่ การทำงานของผมก็เหมือนกับการเล่นเกม ผมไม่อยากติดอยู่ในด่านนี้ด่านเดียว ผมอยากข้ามไปเล่นด่านอื่นๆ ด้วย”

     ที่บอกว่าตัวเองไม่อยากแก่ ยังสนุกกับความเป็นเด็ก ชอบเล่นเกม ไม่กลัวเหรอว่าจะถูกคนอื่นมองว่าทำไมไม่โตสักที

     “ผมไม่อยากโตนะ ใครอยากโตก็โตไปสิ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมอาจจะคิดแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมพบว่าเราโตก็ได้นี่นา เพราะพอเราโตแล้วเราก็สามารถไปเป็นเด็กได้อีกครั้ง เราจะมีพื้นที่ให้เรากลับไปสนุกกับความเป็นเด็กได้ เราเป็นอิสระได้ และเป็นเด็กได้ดีกว่าตอนที่ตัวเองเป็นเด็กจริงๆ เสียอีก”