บาสเกตบอล NBA จัดเป็นหนึ่งในกีฬาที่แฟนๆ ชาวไทยให้ความสนใจอย่างเหนียวแน่นแม้จะไม่ใช่กีฬาแม่เหล็กระดับฟุตบอล แต่ทว่าแฟนกีฬาบาสเกตบอลบ้านเราก็ถือเป็นตลาดที่มั่นคงและไม่เล็กเลยทีเดียว ตั้งแต่แฟนรุ่นใหญ่สมัย แลร์รี เบิร์ด, แมจิก จอห์นสัน, ไมเคิล จอร์แดน, โคบี ไบรอันต์ รวมทั้ง เลบรอน เจมส์
ณ ปัจจุบัน NBA มีผลต่อสังคมมากกว่าเกมกีฬาชนิดหนึ่ง ดูแล้วเข้าใกล้คำว่าวัฒนธรรมเข้าไปทุกที และส่วนที่เร้าใจแฟนบาสไปทั่วโลกแน่นอนว่าคือแอ็กชันสุดมัน ท่าทางสวยๆ และลีลาการยัดห่วงที่ชวนให้อะดรีนาลีนหลั่งอย่าง Slam Dunk1 ที่ถือเป็นเสน่ห์ลำดับต้นๆ ของกีฬาชนิดนี้
เช่นเดียวกับชื่อของ เจสัน ริชาร์ดสัน สำหรับแฟน NBA ทั่วโลกเขาคือไอคอน Slam Dunk แห่งยุค 2000s เจ้าของรางวัลแชมป์ NBA Slam Dunk Contest ในปี 2002 และ 2003 หากวัดเฉพาะการประกวดสแลมดังก์แล้วล่ะก็ คนนี้คือแถวหน้าของ NBA ซึ่งเป็นรองเพียงตำนานอย่าง ไมเคิล จอร์แดน หรือ วินซ์ คาร์เตอร์ เท่านั้น
ด้วยประสบการณ์กว่า 16 ปี 15 ฤดูกาลใน NBA เขาผ่านเรื่องดีร้ายที่น่าประทับใจและควรค่าต่อการเรียนรู้อย่างมากมาย ใครจะรู้ว่าอาชีพที่ดูสบาย ได้เล่นในกีฬาที่ตัวเองรักแลกรายได้ปีละ 10 ล้านเหรียญฯ ต้องจ่ายด้วยอะไรบ้าง ในโอกาสดีที่เจ้ามาตัวเยือนเมืองไทยกับโครงการ Jr. NBA เราก็เลยมีเรื่องราวดีๆ ของเขามาเล่าสู่กันฟัง
ก่อนอื่นคุณยังจำครั้งแรกที่ดังก์ ได้ไหม แล้วการได้ดังก์ในเกมจริงๆ มันทำให้รู้สึกพิเศษอย่างไรบ้าง
มันนานมากแล้วนะแต่ผมยังคงจำได้ดี ผมทำได้ครั้งแรกตอนอายุ 13 ซึ่งตอนนั้นตัวผมน่าจะสูงสัก 6 ฟุต 1 นิ้ว (ราว 185 เซนติเมตร) มันเกิดขึ้นในสนามบาสที่ห่างจากบ้านไป 2-3 บล็อก จำได้แม่นว่าผมวิ่งตรงกลับบ้าน บอกทุกคนทั้งพี่ชายที่เป็นแรงบันดาลให้อยากดังก์ได้เพราะเขากระโดดสูงมากและดังก์สวยจนอยากทำตาม ผมบอกแม่ บอกคุณยาย แต่น่าเสียดายตรงที่ครั้งแรกที่ผมทำได้ ผมกลับไม่มีพยานเลย โชคดีที่ทุกคนเชื่อตามที่เล่า แน่นอนมันเป็นความภูมิใจมากสำหรับเด็กคนหนึ่งที่เล่นบาส
นาทีที่ทำได้นั้นผมเริ่มคิดว่าจะอยู่กับบาสเกตบอลให้นานที่สุด มันเป็นความสุขที่ยากจะอธิบาย ถามว่าดังก์ในเกมแข่งจริงมันพิเศษไหม สำหรับผมมันพิเศษมากกว่าเรื่องของการทำคะแนนนะ ดังก์ที่รุนแรงสะใจจะแสดงออกได้ถึงอารมณ์ความมุ่งมั่นของผู้เล่นที่ส่งออกมายังคนดู เพื่อนร่วมทีม และคู่แข่ง หลายครั้งที่ดังก์มาในจังหวะที่ยอดเยี่ยม มันสามารถข่มขวัญและทำให้คู่แข่งรวนได้เลยทีเดียว
แต่ทั้งนี้ในเกมจริงๆ แค่ดังก์อย่างเดียวไม่พอหรอก ต้องมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งเกมรับ การเล่นเป็นทีม ตัวผมเองมีชื่อเสียงมาก่อนว่าดังก์มัน ดังก์สวย แต่เมื่อเข้ามาในลีกมันไม่พอ ผมใช้เวลา 2-3 ปีแรกใน NBA เพื่อติดอาวุธให้มากขึ้น ทั้งเกมการชูตทั้ง 2 และ 3 คะแนน มีวินัยทั้งในและนอกสนาม
หากให้เลือกจตุรเทพ Dunker ในดวงใจของคุณมาแข่งกันจะมีใครบ้าง แล้วคิดว่าใครจะชนะ
คำถามนี้น่าสนใจ แน่นอนผมเลือก ไมเคิล จอร์แดน เป็นคนแรก ตามด้วย โดมินิก วิลกินส์ ในโลกบาสเกตบอล นี่คือ Dunker ที่ดีที่สุดเท่าที่โลกเคยมีเลย ทั้ง 2 คนทำให้ดังก์เป็นมากกว่าการเล่นมันๆ ในเกม มันเร้าใจและเป็นสิ่งที่แฟนบาสทั่วโลกรอคอยฃ
จอร์แดนได้เรื่องความสวยงามสร้างสรรค์ และไม่มีท่าทียอมแพ้ ทุกครั้งที่ออกมาโชว์เขาจะทำให้ดีขึ้นเสมอ ขณะที่ วิลกินส์ เกรี้ยวกราด รุนแรง เปี่ยมไปด้วยพละกำลัง ส่วนคนที่ 3 ผมเลือก วินซ์ คาร์เตอร์ นี่คือตำนานเดินดินตัวแทนยุค 2000s เปี่ยมไปด้วยทักษะร่างกายที่ยอดเยี่ยมดุจพระเจ้าประทาน สปริงข้อเท้าที่ดีเกินมนุษย์ พละกำลัง สร้างสรรค์ รวมทั้งสัญชาตญาณเพชรฆาต บางทีก็รู้สึกเหมือนวินซ์คือ 2 คนแรกที่ผมยกมารวมกัน
คนสุดท้าย (นิ่งคิดนานจนเราเริ่มเย้าว่า คุณสามารถเลือกตัวเองได้นะ แต่คำตอบที่ได้กลับเป็นคำตอบที่ไม่มีอีโก้เลยสักนิด) ผมไม่เลือกตัวเองแน่ๆ เพราะหากมาอยู่กับ 3 คนนี้ ผมต้องเป็นคนแรกที่ถูกโหวตออก มันคนละระดับกัน ส่วนคนสุดท้ายคิดแล้วผมเลือกเด็กหนุ่มอย่าง แซ็ก ลาวีน แชมป์สแลมดังก์เมื่อ 2 ปีก่อน จาก Chicago Bulls ส่วนตัวผมว่าเขาเป็น Dunker ที่เร้าใจที่สุดในทศวรรษเลย (แล้วใครจะชนะ) วินซ์สิ ชนะง่ายๆ ใสๆ เลย
อาชีพนักบาสเกตบอล NBA เปลี่ยนแปลงชีวิตคนธรรมดาเร็วมาก จากระดับมหาวิทยาลัยกลายเป็นมืออาชีพใน NBA มันยากขนาดไหนกันที่เด็กอายุ 18-21 ปี ได้เปลี่ยนสภาพจากเด็กมหาวิทยาลัยกลายเป็นนักบาสที่มีเงินเต็มกระเป๋าแบบนั้น
ยากมาก เรื่องนี้ทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนชั่วข้ามคืน ในแง่ชีวิตจากเดิมที่คุณเป็นนักบาสระดับมหาวิทยาลัย เช้าตื่นขึ้นมาซ้อม สายไปเรียน ใช้ชีวิตนักเรียนแค่พอให้เกรดผ่านตามเกณฑ์ เพราะหากทำไม่ได้ก็ไม่ได้เล่น หนักเข้าทีมก็ถูกตัดสิทธิ์แข่งขัน มีคนคอยเตือน มีกรอบให้เดินตาม เงินก็ไม่ได้มากมายอะไร เรามีเพียงทุนการศึกษาเต็มจำนวนเท่านั้น ความรับผิดชอบในภาพรวมมีเท่านี้เอง ที่เหลือก็คือชีวิตวัยรุ่นทั่วไป
แต่ทันทีที่คุณเทิร์นโปรฯ เล่นบาสเกตบอลอาชีพ เวลาของคุณจะหมดไปกับการซ้อมเช้าซ้อมเย็น ครั้งละ 2 ชั่วโมง หากต้องแข่งขันก็บวกการเดินทางและเวลาลงสนามเข้าไปด้วย จากนั้นก็ว่างแล้ว เวลาว่างมันเยอะมากนะ เช่นเดียวกับเงิน หากคุณเล่นใน NBA อย่างน้อยๆ 1 ปีต้องมีหลักแสนเหรียญฯ อย่างผมเอง ดราฟต์2 คนที่ 5 ได้เงินในปีแรกตกประมาณ 3-5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (99-166 ล้านบาท) มันเยอะมากนะสำหรับเด็กวัยรุ่นอายุสัก 20 ปี แถมเวลาว่างก็เยอะ
ทุกอย่างจึงเข้ามาหาคุณง่ายไปหมด ทั้งชื่อเสียงและเงินมหาศาลที่เปลี่ยนเป็นของราคาแพงมากมาย เพื่อนคนรอบข้าง ผู้หญิง หรือแม้แต่ยาเสพติด หากไม่สามารถเตือนตนให้รู้ตัวว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาตัวเองให้มีผลงานในสนามแข่งที่ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าระลึกไม่ได้ เผลอตัวมากไป การเป็นนักกีฬาอาชีพอาจจะจบลงได้ทันที เพราะหากร่างกายไม่ดี ฝีมือไม่พัฒนาคงไม่มีใครใน NBA รอให้โอกาสคุณแน่ๆ ดังนั้น ความมุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ต้องทำให้ได้ ไม่มีทางเลือกอื่น เท่านี้คงตอบคำถามคุณได้แล้วว่ามันยากต่อการปรับตัวขนาดไหน
เมื่อคนภายนอกมองเข้าไป นักบาส NBA มันคืออาชีพในฝันเลยนะ ได้เล่นในเกมที่รักแถมยังมีค่าจ้างปีละตั้ง 10 ล้านเหรียญฯ แต่ชีวิตจริงเรารู้ว่าคงไม่ง่ายขนาดนั้น ถามตรงๆ เถอะว่าโปรฯ อย่างคุณต้องจ่ายด้วยอะไรบ้าง
หากมองเข้ามาจากภายนอก นักบาส NBA ก็คงคล้ายๆ กับที่คุณถามนั่นแหละ งานหลักคือซ้อมเพื่อเตรียมความพร้อมให้มากที่สุดสำหรับผลงานที่ดีที่สุดในสนาม รายได้ตอบแทนหากเทียบกับวิชาชีพอื่นก็มากโข แลกได้เป็นล้านเหรียญฯ ต่อปี เหมือนกับทุกอาชีพนั่นแหละ หากจะเป็นเลิศให้ได้ต้องลงทุนลงแรงให้หนักในการฝึกซ้อม ต้องผ่านช่วงที่ดีและช่วงที่แย่ของอาชีพให้ได้ โดยเฉพาะช่วงยากลำบากอย่างอาการบาดเจ็บ ช่วงที่ฟอร์มตกเสียตำแหน่ง ซึ่งไม่มีทางลัดอันใดนอกจากการซ้อมให้หนักขึ้น เพื่อพิสูจน์ตัวเองกับโค้ชว่าเรามีฝีมือมากพอ มีความสามารถมากพอที่จะลงสนาม แน่นอนมันไม่ง่ายเลยเพราะ NBA คือเวทีที่รวมเอานักบาสที่เก่งที่สุดในโลกไว้ถึง 30 ทีม
ถ้าต้องการลงสนามคุณต้องโดดเด่นและเป็นตัวจริงเท่านั้น สำหรับผมเวลาคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ใช้แลกไปกับอาชีพนี้ ทั้งการเก็บตัวซ้อม การเดินทาง หากใจไม่แกร่งจริงมันท้อมากนะ เชื่อไหม เฉพาะในฤดูกาลปกติ แต่ละทีมจะแข่งทั้งหมด 82 เกม กินเวลาตั้งแต่เดือนตุลาคม-เมษายน นักกีฬาจะมีเวลาอยู่บ้านไม่เกิน 3 สัปดาห์ มันทำให้คุณพลาดหลายสิ่งหลายอย่างที่สำคัญในชีวิตอย่างเลี่ยงไม่ได้ ภาพแรกของลูกคุณ วันแรกที่เขาเดินได้ วันแรกที่ลูกน้อยไปโรงเรียนซึ่งน้อยคนที่จะมีโอกาสนี้ ส่วนชีวิตวัยรุ่นไม่ต้องพูดถึงเลย แม้จะมีเงินแต่กลับไม่มีโอกาสใช้ ยิ่งดื้อหรือยิ่งใช้ชีวิตนอกสนามไม่มีระเบียบ อนาคตอาจดับลงไปต่อหน้าต่อตา เรื่องนี้สำคัญที่สุดสำหรับนักกีฬาอาชีพที่ต้องแลกมา หลายคนเสียชีวิตคู่ไป หลายคนไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกเลยก็มี
แล้วคุณผ่านเรื่องล่อใจเหล่านั้นมาได้อย่างไร บอกตัวเองไว้แบบไหนถึงสามารถมีสมาธิกับอาชีพนี้ได้นานๆ
ฟังแล้วเหมือนเรื่องตลกนะ แต่ผมบอกตัวเองไว้แบบนี้มาตลอดอาชีพการทำงานเลย การที่คุณเข้าลีกมาในฐานะ rookie อายุ 19-22 ปี คุณจะรู้สึกอุ่นใจกับเงินในสัญญาฉบับแรก อยู่ไปเลย 3 ปีแบบสบายๆ หากเข้ามาในดราฟต์อันดับดีๆ มีสิทธิ์ว่าจะได้ปีละ 3-5 ล้านเหรียญฯ แล้วเราต้องใช้เวลาตรงนี้แสดงฝีมืออย่างเต็มที่ ดูแลร่างกายให้ใช้ได้นานๆ เพื่อได้เซ็นสัญญาฉบับที่ 2 ทีนี้หากได้ทำการเซ็นสัญญาฉบับต่อมาจะมีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น คือประมาณ 3-5 ปี ค่าเหนื่อยก็สามารถเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
หากตอนนั้นอายุของคุณปาเข้าไป 20 กลางๆ แล้ว ก็ต้องคิดว่าจะทำอย่างไรต่อ สัญญาฉบับท้ายๆ ในอาชีพจะเป็นของเรา เรื่องนี้สำคัญมากเพราะร่างกายที่ใช้เยอะ อายุที่มากขึ้น ขณะเดียวกันตัวเลือกของทีมก็มีมาก หากได้สัญญาฉบับที่ 3 นี่คือโอกาสสำคัญในชีวิต ถ้าพัฒนาฝีมือต่อเนื่องสัญญาฉบับนี้จะมีมูลค่าสูงหลัก 15-25 ล้านเหรียญฯ ต่อปีเลย มันตอบโจทย์ได้ทันทีว่าชีวิตหลังจากจบอาชีพนี้จะเป็นอย่างไร
นี่คือสิ่งที่ผมใช้กระตุ้นตัวเองให้อยู่กับเกม อยู่กับอาชีพนี้มาตลอด ใช่ มันคือเดิมพันในอนาคตที่ไม่ใช่แค่เพียงตัวเราเองเท่านั้น แต่เป็นครอบครัว ลูกตัวน้อย รวมทั้งคนรอบข้าง โชคดีมากที่ผมได้ครอบครัวที่แข็งแกร่ง เข้าใจกันเป็นอย่างดี ที่สำคัญคือเอเยนต์ที่ช่วยกันประคับประคองจนมีอาชีพใน NBA เล่นกีฬาที่รักถึง 15 ฤดูกาล
พูดถึงเรื่องของสัญญา หลายคนเลือกที่จะย้ายทีมเพื่อหาโอกาสในการประสบความสำเร็จหรือเป็นแชมป์ได้มากขึ้น แลกกับเงินและสัญญาที่น้อยลง ขณะที่บางคนเลือกอยู่ที่เดิมรับเงินเต็มที่แต่โอกาสเติบโตน้อยมาก คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้
ก่อนอื่นต้องบอกว่า ผมยอมรับในทุกการตัดสินใจของทุกคน มันไม่มีผิดไม่มีถูก แน่นอนว่าแต่ละการตัดสินใจมีเหตุผลที่แตกต่างออกไป ปัจจัยของคุณย่อมต่างจากผม เรื่องนี้ก็เป็นสัจธรรมในชีวิต หากมีโอกาสเลือกได้ก็ถือเป็นเรื่องวิเศษ ในสถานการณ์แบบนั้นคุณต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าสิ่งที่คุณต้องการหรือเป้าหมายในชีวิตคืออะไร มันโอเคไหมกับชีวิตจริง
ยกตัวอย่างเพื่อนร่วมรุ่นของผมอย่าง เดวิด เวสต์ เขามีโอกาสรับเงินมากมายหากอยู่ทีมเก่า แต่เจ้าตัวยอมเลือกตามฝันทิ้งเงินร่วม 10 ล้านเหรียญฯ ไปร่วมทีม Golden State Warriors เพื่อโอกาสในการเป็นแชมป์แรกในชีวิต แล้วเขาก็ทำได้จริงๆ ซึงผมก็ยกย่องในการตัดสินใจและยินดีกับผลลัพธ์ที่ออกมาของเขา
ส่วนตัวผมเองก็เจอสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน ตัวเงินอาจจะไม่มากนัก แต่เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตกับฤดูกาลสุดท้าย ผมเจ็บเข่าอย่างรุนแรงและเรื้อรัง ต้องได้รับการผ่าตัด หากจะให้หายขาดต้องผ่าหลายครั้งเลย ซึ่งก่อนหน้านั้นผมสู้กับอาการบาดเจ็บมาตลอด ทว่าครั้งสุดท้ายหมอพูดกับผมว่า การต่อสู้ครั้งต่อไปเดิมพันสูงมาก แน่นอนโอกาสหายขาดมีและเป็นไปได้ ซึ่งแปลว่าผมจะอยู่ในลีกได้และมีรายได้อีกหลายล้านเหรียญฯ รออยู่ข้างหน้า แต่มันแลกมากับโอกาสที่จะเดินไม่ปกติไปตลอดชีวิตหากมีเรื่องไม่คาดฝันในสนาม สิ่งที่ผมเลือกคือรีไทร์ มันยากมากในนาทีนั้นที่จะตัดสินใจหันหลังให้อาชีพที่รักขณะที่ทีมก็ยังให้โอกาส
ทั้งนี้สิ่งที่ทำให้เรื่องจบคือ ผมอยากมีชีวิตที่ดีกับครอบครัว อยากเป็นพ่อที่ดูแลลูกได้สนุกเหมือนพ่อคนอื่นๆ บ้าง อยากวิ่งแข่งกับเขาได้ มันก็เท่านั้นเอง พอเวลาผ่านไปจนวันนี้ผมมีความสุขในการตัดสินใจครั้งนั้นนะ หลับตาคิดถึงช่วงเวลาใน NBA ก็ยังเป็นภาพจำที่สวยงามอยู่เสมอ
แล้วภาพจำที่ดีที่สุดใน NBA ของคุณคืออะไร
แน่นอนว่ามันคือช่วงเวลากับ Golden State Warriors 2001-2007 เราเป็นทีมที่มีสีสันในสนามแต่ไม่มีความสำเร็จเลย แพ้มากกว่าชนะด้วยซ้ำ ไม่เข้าเพลย์ออฟอยู่ 12 ปีรวด จนสุดท้ายก็ทำได้สำเร็จในปี 2006-2007 เข้ารอบในฐานะทีมรองบ่อนสุดๆ เข้าเป็นทีมสุดท้ายจนมาพบกับทีมที่มีสถิติดีที่สุดในสายอย่าง Dallas Mavericks แล้วก็เอาชนะพวกเขาไปได้ในรอบแรก แม้จะตกรอบต่อมา แต่มันก็เป็นภาพจำที่แสนวิเศษ
ทีมรู้ดีว่าเราเป็นรองเยอะแต่ทุกคนเชื่อมั่นว่าทำได้ เราสู้ได้ หากเต็มความสามารถและโชคเข้าข้างเราจะชนะได้ ดอน เนลสัน (หนึ่งในปรมาจารย์ โค้ช NBA) บอกทุกคนในทีมว่า เขาเชื่อในตัวทุกคน ทุกครั้งเขาจะชี้ไปที่ข้างสนามให้เราดูแฟนๆ
ซึ่งแฟน Golden State Warriors คือแฟนบาสเกตบอลที่วิเศษที่สุดในโลกสำหรับผม แม้จะผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตลอดทศวรรษ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่พวกเขาทิ้งทีม โห่ไล่พวกเรา แถมครั้งใดที่ทีมเสียท่าหรือเพลี่ยงพล้ำ แฟนๆ ของทีมนี่แหละคือคนที่หนุนหลังเอาไว้ นั่นเพราะเขาเชื่อไงว่าทีมทำได้ ทีมที่ใครๆ ก็มองว่าห่วย แต่แฟนของเรากว่า 2 หมื่นคนในแต่ละเกมยังเชื่อมั่นศรัทธาอยู่เสมอ
ผมเคยอยู่ในเกมที่แพ้เป็นยี่สิบแต้มแต่เสียงเชียร์ดังลั่นสนามเลย แล้วผมก็เคยเจ็บหนักในเกมแต่ลุกขึ้นได้เพราะพวกเขา ดังนั้น การตอบแทนแฟนๆ ที่รักเหล่านั้นด้วยชัยชนะเหนือทีมดัลลัสซึ่งเป็นทีมที่ดีที่สุดในฤดูกาลนั้น จึงเป็นภาพจำที่ดีที่สุดในชีวิต NBA ของผม พวกเขาสมควรได้รับความสุขแบบนี้ แต่ก็เสียใจที่ทำไม่ได้ไปมากกว่านั้น พวกเราเต็มที่แล้ว
อย่างไรก็ตามภาพในปัจจุบันที่ Golden State Warriors กลับมายิ่งใหญ่ ผมก็ยังเชื่ออยู่เสมอว่า แฟนๆ สำคัญที่สุด
มีโปรฯ NBA จำนวนไม่น้อยที่รีไทร์แล้วกลับไปเรียนต่อจนจบปริญญาตรี ทั้งที่ตัวเขามีเงินแล้ว ซึ่งคุณเองก็เป็นหนึ่งในนั้น มันมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า
เหตุผลของผมอาจจะเป็นเรื่องที่ส่วนตัวหน่อย อย่างแรกผมสัญญากับแม่เอาไว้ตอนที่เรียนปี 2 ก่อนเบนเข็มมาเป็นโปรฯ NBA ว่าจะเรียนจนจบปริญญา มันสำคัญมากนะในการให้คำมั่นสัญญากับคนที่เรารัก อย่างที่สองสิ่งที่ผมเลือกเรียนคือ บริหารงานกีฬา ซึ่งสำคัญมากในการนำมาต่อยอดกับงานที่สนใจ ทั้งการบริหารทีมหรือผันตัวไปเป็นเอเยนต์นักกีฬา โอเค ผมอาจจะมีประสบการณ์ในชีวิตจริงแล้ว รู้กลเม็ดเล่ห์เหลี่ยมในธุรกิจนี้ แต่ศาสตร์ความรู้ก็มองข้ามไม่ได้ ต่อให้รู้ว่ามีทางลัดมากมายแค่ไหน แต่สำหรับผมความสำเร็จมันไม่ได้มาควบคู่กับทางลัดนะ
ในสังคมปัจจุบันเราเห็นเด็กมากมายที่แทบจะหันหลังให้กับการศึกษาหากเขามีโอกาสที่จะหาเงินได้เร็ว ไปดูสิว่าค่าเฉลี่ยเด็กหน้าใหม่ใน NBA น้อยลงไปเรื่อยๆ จนต้องมีกฎออกมาว่า ห้ามอายุน้อยกว่า 19 ปี เพราะใครๆ ก็อยากหาเงินง่ายๆ ได้เงินเร็วๆ แต่สำหรับผมมันไม่ยั่งยืนนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมอาจคิดผิดก็ได้นะ
เคยมีคนถามว่า ถ้าผมมีเงินเป็นล้านเหรียญฯ แล้ว มีโอกาสต่อยอดธุรกิจแล้ว เราจะเสียเวลาไปเรียนทำไม ชีวิตจริงเราก็ผ่านมาแล้ว แต่ถ้ารวมคนที่รวยล้นฟ้าแถวหน้าของโลกอย่างเจ้าของเฟซบุ๊ก เขายังกลับไปเรียนต่อ แปลว่าการศึกษามันคือสิ่งจำเป็นในชีวิตนะ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ผมอยากแสดงให้ลูกได้เห็นว่าการศึกษาและชีวิตในช่วงวัยเรียนสำคัญมาก เขาจะมีประสบการณ์ มีความทรงจำที่หาไม่ได้จากที่ไหน คุณเชื่อไหมครั้งแรกที่ผมนั่งทำการบ้าน เจ้าตัวน้อยงงมาก เขาถามว่าพ่อทำอะไร เราก็อธิบายไปโดยตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจไหม แต่เขาสนใจมากขึ้น หลังจากนั้นเรามีกิจกรรมร่วมกันคือนั่งทำการบ้าน นั่งอ่านสือด้วยกัน ยิ่งได้รู้ว่าเขาไปเล่ากับเพื่อนๆ ว่าภูมิใจแค่ไหนที่พ่อตัวเองกลายเป็นนักเรียนมหาวิทยาลัยตอนอายุใกล้ 40 แบบนี้ ผมยิ่งภูมิใจ มันเป็นความสุขในชีวิตเลย
สุดท้ายแล้วเรื่องดีที่สุดที่คุณเรียนรู้จากเกมบาสเกตบอลคืออะไร
คุณถามเรื่องยากๆ กับผมอีกแล้วนะ เรื่องดีที่สุดที่ผมได้จากบาสเกตบอลคือชีวิตที่ดี ได้เห็นโลกใบนี้ในมุมที่ไม่เคยเห็น ได้เดินทาง มีเงินมาดูแลครอบครัว ได้รู้ว่าเกมหนึ่งเกมสามารถสร้างความสุขให้กับตัวเองและผู้คนได้มากขนาดไหน เรื่องนี้เยี่ยมที่สุดแล้ว รวมทั้งแก่นของชีวิตก็คือ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร เรียนหนังสือ ทำงาน เล่นกีฬา อะไรก็สุดแท้แต่ คุณต้องทำมันอย่างเต็มที่ ทำในสิ่งที่ต้องรับผิดชอบให้มากที่สุด มันเป็นความจริง ณ วันนี้ นาทีนี้ ถ้าคุณทุ่มเทอย่างเต็มที่ ในอนาคตย่อมสะท้อนสิ่งดีๆกลับมาแน่นอน
ทำงานให้หนัก (Work Hard) อย่าหลอกตัวเองว่าทำงานหนักแล้ว จงทำงานให้หนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ในวันนี้ แล้วทำงานหนักขึ้นในวันต่อไป นั่นคือการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด ผมเชื่อว่า Work Hard ส่งผลให้ผมสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในวันสุดท้ายว่าจะรีไทร์หรือไม่ เพราะตลอดเวลาในอาชีพผมเต็มที่กับทุกสิ่งที่ทำได้แล้วจริงๆ
ยังคิดถึงเกมบาสเกตบอลอยู่ไหม
ไม่เลย หากคุณจะถามว่าอยากกลับไปเล่นอาชีพอีกไหม ผมยืนยันว่าไม่เลยจริงๆ แต่ I always love basketball แน่นอนครับ
…
1ดังก์/สแลมดังก์ (Dunk/Slam Dunk): วิธีการทำคะแนน เมื่อผู้เล่นกระโดดจับลูกบาสยัดลงห่วงในระยะประชิด อ้างอิง
2ดราฟต์ (Draft): การคัดเลือกผู้เล่นหน้าใหม่เพื่อเข้าเล่นในลีก NBA อ้างอิง
เรื่อง: พรรษิษฐ์ วิชยคุปต์
ขอบคุณภาพประกอบจากโครงการ Jr. NBA