ความรักเป็นเรื่องที่คุยกันได้อย่างไม่รู้เบื่อ ยิ่งถูกเล่าผ่านการเขียนบทของ เอกชัย เอื้อครองธรรม ด้วยแล้ว ความสัมพันธ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาก็ยิ่งซาบซึ้งมากขึ้นอีกเป็นเท่าตัว การันตีได้จากซีรีส์ Bangkok รัก Stories ที่จบซีซันแรกไป กับเสียงชื่นชมที่ได้รับมาอย่างท่วมท้น และตอนนี้เขากำลังจะพาคุณไปพบกับความรักครั้งใหม่ใน Bangkok รัก Stories ซีซัน 2 ที่ยังคงนำเอาเพลงฮิตระดับร้อยล้านวิวมาต่อยอดผ่านมุมมองความรักของคนกรุงที่น่าติดตาม รวมถึงการเติบโตไปอีกขั้นที่ GMM Bravo นั้นกำลังจะได้ร่วมงานกับทาง Netflix อย่างเต็มตัว
ดีเอ็นเอของ GMM Bravo…
ผมเชื่อว่างานศิลปะแบบ Commercial Art ต้องสะท้อนความรู้สึกของคนในยุคนั้นๆ การที่เพลงอะไรสักเพลงสามารถทำยอดได้ถึง 100 ล้านวิว แสดงให้เห็นว่าเพลงนั้นกำลังสื่อสารในสิ่งที่โดนใจคน ทั้งเนื้อร้องและทำนอง ผมจึงนำเพลงที่ได้ 100 ล้านวิวมาขยายเรื่องราวเป็นซีรีส์ออกอากาศ ซึ่งใน Bangkok รัก Stories ซีซัน 2 ผมก็เติมดีเอ็นเอของกรุงเทพฯ ลงไปเพิ่ม กลายเป็นซีรีส์ที่มีประเด็นของความรักที่โดนใจคนรุ่นใหม่ ซึ่งผมพบว่ามันเวิร์กมากๆ
คนที่ไม่ลืมรักเก่า…
เป็นประเด็นที่ผมหยิบมาเล่นในครั้งนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาโลกแตก แต่กลับเป็นปมที่ชัดเจนของหลายคน โดยเล่าผ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในย่านทั้ง 4 ของกรุงเทพฯ นั่นคือเยาวราช สีลม รัชดาภิเษก และอารีย์ ด้วยเพลงต่างๆ เช่น ไม่เดียงสา (Big Ass) ก็จะอยู่ที่สีลมซึ่งมีความตรงกันข้ามที่น่าสนใจ เพลง สิ่งของ (Klear) ผมก็พูดถึงความรักที่ถูกมองว่าเป็นแค่สิ่งของ ก็นึกถึงถนนรัชดาภิเษกที่มีร้านซ่อมของอยู่เยอะ จึงวางโครงว่าเป็นเรื่องของช่างซ่อมที่เก่งที่สุด แล้วไปเจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ชีวิตพังมากเกินจะซ่อมได้ เพราะเธอเป็นโรคหลายบุคลิก เมื่อคนพังกับคนซ่อมมาเจอกันเลยเกิดเป็นเรื่องราวความรักขึ้นมา
โลกของตัวละคร…
ทุกครั้งที่เขียนบทผมจะหาซาวนด์แทร็กของเรื่องให้ได้ก่อน ซึ่งจะเป็นเพลงที่ฟังแล้วเราเข้าไปอยู่ในโลกของตัวละครนั้นๆ ให้ได้
เพลงเป็นเหมือนกุญแจที่ไขไปสู่พลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ของผม หรือบางครั้งถ้าคิดพล็อตเรื่องไม่ออก ก็จะเดินเข้าร้านหนังสือ เปิดดูหนังสืออาร์ตเวิร์ก หนังสือรูปภาพ เช่น หนังสือรวมรูปภาพของ เอ็ดเวิร์ด ฮ็อปเปอร์ หรือดูภาพแอ็บสแตร็กต์ เชื่อไหมว่าแป๊บเดียวเท่านั้น ได้ไอเดียกลับบ้านเต็มเลยจนแทบทำไม่ทัน (หัวเราะ) งานศิลปะจะแฝงไปด้วยความลึกที่ทำให้เราคิดอย่างอื่นต่อได้
ฟองน้ำ…
คนทำงานศิลปะต้องทำตัวให้เหมือนฟองน้ำ คอยซึมซับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา และต้องเป็นคนขี้สงสัยที่สุดในโลก อยากรู้ไปหมดว่าทำไมต้องเป็นแบบนี้ ทำไมคนคนนี้ถึงเป็นแบบนั้น ผมชอบท้าทายตัวเองด้วยการไปนั่งอยู่ตามรถสาธารณะ และมองหาคนคนหนึ่ง จากนั้นก็คิดไปเองว่าคนที่เรากำลังมองนั้นชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร ซึ่งสิ่งที่ผมคิดอาจจะไม่ตรงกับชีวิตของเขาเลยก็ได้ แต่พอทำแบบนี้แล้วก็พบว่าเราสนุกกับการได้คิดอะไรต่อยอดไปเรื่อยๆ
ความทรงจำ…
เพลงคือสื่อที่น่าทึ่ง เพราะเพลงสร้างความทรงจำร่วมกันให้กับผู้คน เวลาฟังเพลงเราไม่ได้ยินแค่เสียงแต่เราเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นมาในชีวิต เช่น ถ้าฟังเพลง ขอให้เหมือนเดิม (บูโดกัน) ก็จะคิดถึงเพื่อนสมัยเรียน ทุกคนจะสร้างมิวสิกวิดีโอของตัวเองขึ้นมาในใจ อย่างตอนที่ผมเขียนฉากที่นางเอกเดินเข้ามาในออฟฟิศแล้วบอกทุกคนว่าวันนี้ฉันซื้ออาหารมาฝากทุกคน เพื่อนร่วมงานก็จะทักว่า ทำไมวันนี้ใจดี มีความรักหรือเปล่า ก็จะกลายเป็นเรื่องราวของเพลง นิดนึง (พิจิกา) แล้วคนทั้งออฟฟิศก็จะร้องว่า “คนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดนึง” ซึ่งฉากนี้สำหรับผมแล้วน่ารักมากๆ เลยนะ (หัวเราะ)
เรื่องทุกเรื่องคือความรัก…
ผมได้ดู A Korean Odyssey ซีรีส์ที่หยิบเอาตำนานไซอิ๋วมาเล่าใหม่จากประเทศเกาหลี ซึ่งตอนต้นๆ เรื่องก็รู้สึกว่าอะไรก็ไม่รู้ (หัวเราะ) แต่พอเข้าเส้นเรื่องของความรักเท่านั้นแหละ ผมนี่ติดงอมแงมเลย (หัวเราะ) โดยเฉพาะเรื่องของการที่นางเอกเรียกพระเอกมาเมื่อไหร่ พระเอกก็ต้องมาทันที ถ้าไม่มาพระเอกจะมีอาการเจ็บปวด ทำให้นางเอกไม่รู้ว่าพระเอกจะรักเธอจริงไหม ซึ่งปมตรงนี้ทำออกมาได้สนุก ก่อนที่จะมาหักมุมในตอนหลังอีกทีซึ่งผมชอบมากๆ สปอยล์ไม่ได้เลย (หัวเราะ)
ความรัก…
ผมว่าเป็นเรื่องที่เล่าได้ไม่รู้จบ และเมื่อเข้าไปอยู่ในสถานที่ต่างๆ ของกรุงเทพฯ แล้วมีแต่เรื่องน่าสนใจทั้งนั้นเลย ผมพบเรื่องของความรักได้ตั้งแต่แถวบางกะปิ ถนนข้าวสาร ไปจนถึงบ่อนไก่ ซึ่งการจะได้เรื่องราวเหล่านี้มาก็ต้องลงพื้นที่ อย่าง เรื่องที่ขอ (ลุลา) ซึ่งเกิดขึ้นในเยาวราช ผมก็เขียนขึ้นมาเป็นเรื่องของหมอดูตาบอด (ชานน สันตินธรกุล) ที่ได้เจอกับนางเอกซึ่งเป็นคนสมัยใหม่ (สุทัตตา อุดมศิลป์) ซึ่งเธอไม่เชื่อในเรื่องของโชคชะตาเลย แล้วสองคนนี้ก็ดวงชงกันอย่างมหาศาล แต่ชานนก็เลือกที่จะรักเธอ
กระทำความหว่อง…
คนรักกันแต่ดวงไม่สมพงษ์กันทำให้ผมตั้งคำถามว่า เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคุณจะสู้กับมันต่อไหม ทั้งๆ ที่รู้เลยนะว่าคบกันไปแล้วชีวิตจะต้องพัง ซึ่งในตอน เรื่องที่ขอ นางเอกไม่รู้หรอกว่าตัวเองจะทำลายชีวิตของหมอดูตาบอดคนนี้ แต่ตัวพระเอกนั้นรู้แล้วตั้งแต่แรก แต่เขาก็ยังยินดีที่จะเผชิญหน้ากับโชคชะตา เพราะสำหรับเขาความรักอยู่ที่ว่าจะรักกันได้นานแค่ไหน ขอแค่มีโอกาสได้รักกันก็โอเคแล้ว ซึ่งผมเชื่อว่าความรู้สึกแบบนี้คนเอเชียด้วยกันจะเข้าใจ
โจทย์ยาก…
ผมจะได้รับโจทย์ที่ท้าทายจาก คุณไพบูลย์ ดํารงชัยธรรม เสมอ กว่าจะคิดได้แต่ละชิ้นต้องไปนั่งทำสมาธิอยู่ที่สวนลุมพินี มีอยู่วันหนึ่งผมเดินๆ อยู่แล้วได้ไอเดียกลับมา ซึ่งเป็นเรื่องของความรู้สึกมากๆ จนผมต้องลงไปนั่งร้องไห้อยู่ตรงถนนสีลม แล้วก็มีป้าคนหนึ่งเดินมาจับที่ไหล่แล้วบอกว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า สู้ๆ นะ” (หัวเราะเสียงดัง) ป้าแกคงคิดว่าผมโดนอะไรหนักๆ มา แล้วตอนนั้นตัวเองก็อยู่ในสภาพที่ใส่กางเกงวิ่ง เหงื่อเต็มตัว ดูไม่ได้เลย (หัวเราะ) แต่เป็นเพราะว่าสิ่งที่ผมคิดออกนั้นทำให้เรารู้สึกตื้นตันจนน้ำตาไหล
บทละครที่ดี…
เวลาที่เขียนบทผมจะกลายเป็นตัวละครนั้นแล้วอินกับมันมากจนคิดว่าตัวเองประสาทจะเสีย (หัวเราะ) คงเป็นเพราะผมซึมซับมาจากสมัยที่ทำละครเวที ซึ่งการทำงานตรงนั้นสอนผมว่า บทที่ไม่ดีคือบทที่เขียนออกมาแล้วเหมือนกับมีคนเขียนบทอยู่คนเดียว เราเอาประโยคที่เขียนไปเข้าปากตัวละคร บทที่ดีคือต้องรู้สึกได้ว่าเป็นบทที่เขียนจากคนหลายคนทั้งๆ ที่เขียนโดยตัวเราเอง เพราะตัวละครจะมีจิตวิญญาณที่ไม่เหมือนกัน ตัวละครตัวนี้จะต้องไม่พูดแบบนี้ ตัวนี้จะตอบโต้กลับมาแบบนั้น ซึ่งต้องใช้สมาธิที่มั่นคงมากๆ
Netffllix…
ความภูมิใจสำหรับผมตอนนี้คือ ทุกซีรีส์ของ GMM Bravo ได้ถูกซื้อไปฉายที่ Netffllix แล้วในช่วงปลายปี ซึ่งนอกจาก Bangkok รัก Stories ก็จะมีซีรีส์ Happy Tears ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้ดูแล้วยิ้มทั้งน้ำตา แพลตฟอร์มนี้สร้างโอกาสให้คอนเทนต์ของประเทศไทยขยายออกไปสู่ระดับโลก เพราะคนดูเดี๋ยวนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าเรื่องนี้มาจากประเทศอะไร แต่เขาดูกันที่เนื้อหา ซึ่ง Netffllix ได้พิสูจน์แล้วว่าเมื่อปีก่อนที่เขาปล่อย International Content ออกมา ซีรีส์หรือหนังหลายเรื่องไม่ได้มาจากอเมริกา แต่กลับมีคนดูเยอะมาก และทาง GMM Bravo เองก็จะมีซีรีส์ที่เป็น Netffllix Original Series ซึ่งเป็นประตูบานใหม่ของนักแสดง ผู้กำกับ และทีมงานไทย แต่เราก็ต้องเก่งด้วย เพราะเรากำลังจะเจอกับคนเก่งๆ ที่อยู่ข้างนอกอีกเยอะมากๆ
New Platform…
เรากำลังก้าวไปอยู่บนแพลตฟอร์มที่ยิ่งใหญ่ ถึงจะดีมากๆ แต่ก็ท้าทายมากด้วย เพราะทำให้รู้ว่าเรากำลังจะสู้กับข้าศึกที่เก่งกว่าเราเยอะ ถ้าแพ้ก็จะถูกดูดหายไปในนั้น แต่ผมก็ไม่กลัว ผมจะสู้ให้ได้ เพราะเรามีเสน่ห์ของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับ ผมมีเยาวราช มีสีลมมาสู้ และในซีรีส์ Happy Tears ผมก็มีสตรีทฟู้ดที่ CNN โหวตให้เป็นที่หนึ่งของโลกด้วย ผมไม่ได้มาแบบก๊องแก๊งนะครับ (หัวเราะ)
BRAVO! BOYS…
เราอยากหาคนเข้ามาอยู่ในครอบครัวของ GMM Grammyให้ที่นี่เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางที่รวมตัวของคนเก่งๆ โดยการประกวดหา Bravo Boy นั้น ชุดแรกจะเป็นการคัดเลือกนำแสดงชายก่อน ต่อจากนั้นก็จะเป็นการตามหานักแสดงหญิง ซึ่งเราเปิดทำการออดิชันทั้งในกรุงเทพฯ เวียงจันทน์ พนมเปญ และเมียนมา เพราะมีบางโปรเจ็กต์ที่ผมต้องการนักแสดงหลากหลายเชื้อชาติ เมื่อได้นักแสดงเลือดใหม่เข้ามาอยู่ด้วยกันก็จะมีการเซ็นสัญญาว่าคุณจะได้แสดงในซีรีส์ต่างๆ ของ GMM Grammy ถึงแม้ว่า Bravo Boy จะเป็นโปรเจ็กต์เล็กๆ แต่ผมก็ตื่นเต้นกับงานนี้มาก