มองลงไปสู่รถราและผู้คนจอแจเบื้องล่าง จากหน้าต่างกระจกบานกว้างบนตึกสูงเสียดฟ้าใจกลางเมือง คือที่ตั้งของบริษัท LINE Thailand ซึ่งแม้จะเป็นบริษัทแห่งเทคโนโลยีดิจิตอล แต่บรรยากาศรอบตัวเรากลับคึกคักอย่างเป็นกันเอง วันนี้เราได้มาพูดคุยกับ ‘เนตร‘ – สุชาติ ภวสิริพร Head of Human Resources and General Administration ผู้อยู่เบื้องหลังการบริหารงานทรัพยากรบุคคลขององค์กรสุดล้ำแห่งนี้ตั้งแต่ยุคบุกเบิก ถึงแนวคิดสุดครีเอทีฟในการทำงานของพนักงานที่นี่ ซึ่งบอกได้เลยว่าจะ ‘make impact’ ให้กับการทำงานของคุณได้อย่างแน่นอน
ความเปลี่ยนแปลง…
ช่วงปลายปี ค.ศ. 2013 บุคลากร 3 คนแรกของ LINE Thailand ใช้ร้านกาแฟเป็นเสมือนออฟฟิศในการวางแผนงานและต่อเติมไอเดียเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับช่องทางการสื่อสารผ่านแอพพลิเคชันของชาวไทย โดยเป็นคนจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น 1 คน และคนไทย 2 คนเท่านั้น ตอนเปิดออฟฟิศที่แรกช่วงต้นปี ค.ศ. 2014 ที่เอ็กซ์เชนจ์ ทาวเวอร์ เรามีพนักงานอยู่แค่ 6-7 คน จากนั้นจึงก็ค่อยๆ ขยับขยายตามการเติบโตของบริษัท มาตั้งออฟฟิศที่ใหญ่ขึ้นที่เอ็มไพร์ทาวเวอร์ และปัจจุบัน เราได้ย้ายมาสู่ออฟฟิศใหม่ล่าสุดที่เกษรทาวเวอร์ พร้อมกับพนักงาน 338 คน ภายใต้การดูแลของเรา
Cookie Run…
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ในยุคก่อตั้งบริษัท คนไทยจำนวนมากยังไม่เข้าใจว่าสตาร์ทอัพคืออะไร ธุรกิจแอพพลิเคชันคืออะไร หากย้อนกลับไปคงจำกันได้ว่า Cookie Run คือ Game Business ที่เป็นตัวธงของเราในยุคบุกเบิก รวมถึงอีคอมเมิร์ซและการขายโฆษณาบนแอพพลิเคชันของ Offfiicial Account ทั้งหมดที่ว่ามานี้ น้อยคนในยุคนั้นที่จะเข้าใจว่าเราจะสามารถทำเงินจากสิ่งที่ลอยอยู่ในอากาศได้อย่างไร ดังนั้น การรับพนักงานของเราในช่วงแรกๆ บางคนอาจจะไม่ได้มีประสบการณ์งานด้านออนไลน์โดยตรง แต่มี passion มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ พร้อมก้าวสู่โลกดิจิตอลไปกับเรา เราก็รับเข้ามา และเริ่มสอนความเป็นดิจิตอลให้กับเขา
ประเทศไทย…
บริษัท LINE Thailand ใหญ่และเติบโตเป็นอันดับสองรองจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศแม่ เราจึงค่อนข้างมีความสำคัญในระดับ Global ในแต่ละปี LINE ประเทศญี่ปุ่น ไทย ไต้หวัน อินโดนีเซีย และเกาหลี จะมาร่วมกันกำหนด HR Direction และ HR Vision และไม่ใช่เฉพาะ HR Team แต่แทบทุกทีมทั้ง Finance Team หรือ PR Team จะมี Global Workshop ที่ทุกคนจะต้องบินไปที่สำนักงานใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อพูดคุยกันถึงเป้าหมาย ทิศทาง และธีมหลักของบริษัทที่กำลังจะดำเนินไป เป็นเสมือนมาสเตอร์แพลนที่ใช้ อย่างปีนี้ธีมหลักของ HR Team คือ Health and Healing ซึ่งก็คือการดูแลสุขภาพและการเยียวยารักษา
วิธีเลือกคน…
ในการคัดเลือกคนที่จะมาทำงานกับเรา นอกเหนือจากความสามารถและเชี่ยวชาญงานแล้ว จะมีคุณสมบัติอีก 3-4 ข้อที่เราจะมองหา อย่างแรกคือเรื่องของ Innovation คุณต้องเป็นคนที่มีคำถามอยู่ตลอดเวลาถึงสิ่งต่างๆ รอบตัว ทำไมสิ่งนั้นถึงเป็นอย่างนั้น แล้วทำไมสิ่งนี้ถึงเป็นอย่างนั้น และไม่ใช่แค่ตั้งคำถาม แต่คุณต้องพยายามเสนอการแก้ปัญหาหรือแนวคิดในการแก้ไขปัญหานั้นๆ ด้วย
LINE MAN…
ต่อมาที่ต้องมีคือ คุณต้องเป็น Risk Taking คือกล้าเสี่ยง กล้าลุย ยกตัวอย่างเช่น LINE MAN เราไม่มีทางรู้หรอก ว่าวันหนึ่ง LINE MAN จะกลายเป็นบริการส่งอาหารอันดับหนึ่ง แน่นอนว่าเรามีเป้าหมายจะเป็นอันดับหนึ่ง แต่นั่นไม่ได้การันตีว่าทำไปแล้วจะปังหรือแป้ก ทุกอย่างต้องมาจากกระบวนการคิด การวางแผนอย่างรอบคอบ และกล้าที่จะลองผิดลองถูก ลองทำอันนั้นไม่เวิร์ก งั้นไหนลองอีกทางดูว่าจะเวิร์กไหม ลุยไปเลย กล้าที่จะล้มลุกคลุกคลาน บางคนพยายามครั้งสองครั้ง พอไม่ประสบความสำเร็จก็ท้อแท้เสียแล้ว ก้าวผิดก้าวพลาดไม่เป็นไร ขอให้เก็บกลับมาเป็นบทเรียนแล้วไม่ผิดซ้ำในจุดที่เคยพลาดไปแล้ว
ใครฆ่านานะ? …
คุณต้องมี passion ในการมองหาอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ อย่าง LINE TV ซึ่งเป็นบริการที่เพิ่งเกิดขึ้นมา 3 ปี และเกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นที่แรก บุคลากรที่อยู่ LINE TV จะต้องครีเอทีฟสุดๆ มองหาช่องว่างทางการตลาดเดิมๆ และคิดฉีกออกนอกกรอบไปอีกว่าตลาดเดิมมันมีแต่อย่างนั้น งั้นเราก็จะทำอย่างนี้แล้วกัน ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ ‘ใครฆ่านานะ?’ (ยิ้ม) และสุดท้ายคือ คุณต้องตื่นตัวกับสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกเทคโนโลยี อัพเดตข่าวสารใหม่ๆ และติดตามตลอด เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับการสร้างสรรค์งานของตัวเอง
วัฒนธรรมองค์กร…
เราไม่ได้อยากให้วัฒนธรรมองค์กรเป็นแค่บัญญัติ 5 ข้อ 10 ข้อ แปะบนผนังแล้วให้พนักงานท่อง (หัวเราะ) ไม่ใช่เลย วัฒนธรรมองค์กรคือสิ่งที่จะอยู่ในตัวตนของเขา ในทุกขั้นตอนการทำงานของเขา เพื่อนำมาสู่ผลลัพธ์ร่วมกันของคนทั้งบริษัท สิ่งที่พี่บี๋ (อริยะ พนมยงค์) พูดอยู่เสมอคือ ‘เราต้อง make impact’ เรามีผู้ใช้งานถึง 42 ล้านบัญชี สิ่งที่เราทำจะต้องสร้างปรากฏการณ์ คือการมองภาพกว้าง และมองภาพใหญ่
เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นเพื่อนร่วมงาน…
Professionalism คืออีกสิ่งหนึ่งที่องค์กรของเราให้ความสำคัญ เพราะมันคือเส้นบางๆ ระหว่างการปฏิบัติตัวแบบครอบครัว และความเป็นมืออาชีพ แน่นอนว่าเราอยากให้บรรยากาศการทำงานนั้น เต็มไปด้วยความอบอุ่นเหมือนพี่เหมือนน้อง “Hey! Bro, Hey! Sis” (ยิ้ม) แต่บางครั้งถ้าเราพี่ๆ น้องๆ กันมากเกินไป เวลาที่ประสิทธิภาพการทำงานของน้องในทีมลดลง เราจะปกป้องน้องทันที เพราะฉะนั้น เราต้องจัดวางสมดุลให้ดีว่าการอยู่กันแบบครอบครัว อยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้อง แต่ก็มีความเป็นมืออาชีพด้วยนั้น รูปแบบวัฒนธรรมองค์กรควรออกมาในรูปแบบใด
Where Great Ideas Come From? …
บริษัทของเรา ตามมุมต่างๆ เราสร้าง informal working space ไว้เยอะมาก เพราะเรารู้ดีว่าไอเดียดีๆ เด็ดๆ เจ๋งๆ ซึ่งจะนำไปสู่การต่อยอดได้อย่างมากมายไม่รู้จบ บางครั้งมันไม่ได้เกิดขึ้นในห้องประชุมเครียดๆ หรือบนโต๊ะทำงานเสมอไป ไอเดียมันเกิดขึ้นจากตอนคนในองค์กรพูดคุยกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน กินข้าวเช้า ข้าวกลางวัน เล่นพูลกัน ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต่างหากที่นำมาสู่ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งบริษัทของเราให้ความสำคัญ มาเป็นอันดับต้นๆ ตั้งแต่แรก