Joan Cornella

Joan Cornella | ชีวิตสีเทาที่ไม่มีสีสันฉูดฉาดเหมือนการ์ตูนของศิลปินผู้เชื่อว่ายูนิคอร์นมีจริง

น่าจะย้อนไปสักประมาณ 3 ปีที่แล้ว ที่เราได้เห็นผลงานของศิลปินชื่อ Joan Cornellà เป็นครั้งแรก พร้อมกับอาการเหมือนถูกคนแปลกหน้าย่องมาตบหัวจากด้านหลัง การ์ตูนตลกร้าย เสียดสีประเด็นทางสังคมอย่างร้ายกาจ ผ่านตัวละครที่แต่งตัวสีสันสดใส และมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา

     แต่ตลอดเวลาที่ตามเสพผลงานของเขา ยอมรับตามตรงเลยว่าเรายังไม่เคยรู้จักหน้าค่าตาศิลปินชาวสเปนคนนี้สักเท่าไร เขาออกสื่อและให้สัมภาษณ์น้อยมาก จนเมื่อเราได้มีโอกาสสัมผัสตัวตนและพูดคุยกับเขาแบบใกล้ชิด พร้อมให้เราถ่ายรูปแบบสุดเอ็กซ์คูลซีฟสุดๆ

     เรื่องราวที่พูดคุยในวันนั้นผิดจากที่เราเคยจินตนาการถึงเขาพอสมควร เพราะเขาออกปากกับเราก่อนเลยว่า ใครที่ติดตามการ์ตูนและคิดว่าเขาเป็นคนตลกจะต้องผิดหวัง เขาไม่ได้มีชีวิตที่สีสันฉูดฉาดเหมือนการ์ตูนที่วาด แถมออกไปในโทนสีเทาๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือผู้ชายคนนี้เชื่อว่า ‘ยูนิคอร์น’ มีอยู่จริง เล่นเอาไม่รู้เราจะนิยามผู้ชายคนนี้อย่างไร แต่เอาเป็นว่าลองไปอ่านแง่มุมชีวิตที่สุขๆ เศร้าๆ และขำขันไปกับตลกร้ายของเขาไปพร้อมกันได้ในบรรทัดต่อไป ก่อนไปเยี่ยมชมงานของเขากันสดๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอรรถรสให้คุณอย่างแน่นอน

 

Joan Cornella

 

ตัวจริงคุณเป็นหัวร้อน ร้ายกาจ ย้อนแย้ง เหมือนในงานของคุณไหม

     ไม่ ผมไม่ค่อยยิ้มและไม่ค่อยใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสแบบนั้น ผมคิดว่านั่นเป็นช่องว่างระหว่างตัวตนกับผลงาน และผู้คนที่ติดตามงานของผมมักจะผิดหวังบ่อยๆ เมื่อได้พบกับตัวจริง พวกเขาคาดหวังว่าผมคงเป็นเหมือนตาแก่ตัณหากลับที่อยากจะมีเซ็กซ์กับเด็กๆ วัยละอ่อน หรือเป็นผู้ชายที่มีปืนซ่อนอยู่ในกระเป๋าหลังของกางเกงอยู่เสมอ แต่จริงๆ ผมเป็นคนสีเทาๆ ที่ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ แต่ผมยินดีอย่างเต็มที่ที่จะเติมเต็มความคาดหวังของคนอ่านที่กำลังติดตามงานของผมอยู่

 

คุณคิดว่าในงานของคุณให้พลังงานทางบวกหรือลบมากกว่ากัน

     ครั้งหนึ่งเพื่อนของผมเคยบอกว่า งานของผมเป็นเหมือนการตบหน้า นั่นเป็นการนิยามงานของผมในรูปแบบหนึ่งที่ผมรู้สึกสบายใจที่จะบอกใครๆ นะ ผมชอบคิดว่ามันเหมือนการพูดความจริงที่แสนอันตราย เช่นเดียวกับดนตรีแนวพังก์ หรือนักแต่งเรื่องตลกอย่าง บิล ฮิกส์ หรือ จอร์จ คาร์ลิน ทำ ซึ่งมีทั้งพลังงานด้านบวกและด้านลบอยู่ข้างใน บางอย่างเป็นแง่บวก และบางอย่างเป็นแง่ลบ ซึ่งสามารถออกมาจากสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกันได้ เป้าหมายของผมคือการทำให้คุณหัวเราะผ่านสถานการณ์ป่วงๆ เหล่านั้นต่างหาก

 

เล่าชีวิตตอนเด็กของคุณให้ฟังหน่อย อะไรที่หล่อหลอมและทำให้คุณเป็นตัวของตัวเองอย่างทุกวันนี้

     เมื่อตอนที่ผมยังเป็นเด็กวัยรุ่น และเรียนหนังสืออยู่ในโรงเรียน ผมได้รับหน้าที่ให้ทำป้ายแบนเนอร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสันติภาพชิ้นหนึ่ง ผมควรจะเป็นหนึ่งในคนที่ได้ทำงานชิ้นนั้นเพราะว่ามีฝีมือในการวาดรูป แต่ผมกลับวาดเรื่องราวที่คนคาดไม่ถึงออกมา เป็นเรื่องเกี่ยวกับคนผิวดำที่กำลังฉีดยาเสพติดเข้าร่างกายตัวเอง วาดรูปจู๋ที่มีปีก ฯลฯ และเพื่อนร่วมงานของผมเขากลับอารมณ์ขันตายด้าน พวกเขาเตะผมออกจากโรงเรียนทันที (หัวเราะ) ทัศนคติแบบนั้นมั้งที่เป็นเหมือนเชื้ออะไรบางอย่างในตัวที่ทำให้ผมทำสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

 

Joan Cornella

 

คุณนิยามตัวเองว่าเป็นศิลปินหรือเปล่า ถ้าไม่ คุณมองตัวเองว่าคือใคร

     ตอนที่เรียนอยู่ที่คณะศิลปะในมหาวิทยาลัย ผมกดดันตัวเองว่าอยากจะมีความเชี่ยวชาญด้านศิลปะ แต่การแสดงตัวตนที่ทำเหมือนเป็นศิลปินเสียเต็มประดาแบบนั้น ทำให้ผมรู้สึกสะอิดสะเอียน การทำให้ตัวเองดูเป็นคนสำคัญ อาการขี้เก๊กมันส่งผลให้ผมรู้สึกแบบนั้นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จนกระทั่งเรียนจบ ผมตัดสินใจทุ่มเทตัวเองให้กับการ์ตูน ซึ่งก็เป็นศิลปะเล็กๆ แบบหนึ่ง โดยไม่ต้องไปตัดสินหรือคิดเกี่ยวกับศิลปะอีกต่อไป ผมรู้สึกสบายใจกับการทำแบบนั้น แต่ไม่กี่ปีต่อมาคนก็มองว่าผมเป็นศิลปินมากกว่านักวาดการ์ตูนอยู่ดี ในความเป็นจริงไม่ว่าผมจะวาดรูปหรือทำงานปั้นประติมากรรม ผมเดาว่าผลก็คงออกมาคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน

 

คุณมักมองหาแรงบันดาลใจจากที่ไหน

     อืม ผมคิดว่าผมได้รับอิทธิพลมาจากหลายๆ อย่าง ผมได้ไอเดียจำนวนมากจากนักแสดงตลก นักพูดเดี่ยวไมโครโฟน ผมขโมยบางไอเดียมาจากพวกเขา และเปลี่ยนสิ่งนั้นไปในอีกทิศทางหนึ่ง มองหาสิ่งใหม่ๆ มาผสมผสาน แนวทางในการทำงานของผมคงเป็นอะไรประมาณนี้ แต่นั่นเป็นแค่วิธีการทำงานอย่างหนึ่ง ในบางครั้งผมก็หาแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงๆ ที่เกิดขึ้น

 

‘ชีวิตจริง’ คือสิ่งที่ห่วยแตกและเลวร้ายที่สุดในความคิดผม บางครั้งผมก็สร้างงานจากอะไรแบบนั้น

 

ในการสร้างสรรค์ผลงาน คุณมีกระบวนการทำงานอย่างไร

     เมื่อผมต้องทำงานชิ้นเล็กๆ ผมจะใช้สีน้ำวาดลงบนกระดาษ และถ้าเป็นชิ้นงานขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับจัดแสดงในนิทรรศการ ผมจะใช้เทคนิคการวาดสีอะคริลิกบนผ้าใบ งานประเภทแรกเปิดโอกาสให้ผมสามารถทำงานด้วยความเร็วได้ ซึ่งผมถนัดกับการทำงานลักษณะนี้มากๆ แต่ผมก็เข้าใจดีเมื่อต้องทำงานเพื่อจัดแสดงในที่สาธารณะว่าต้องทำงานอีกรูปแบบหนึ่ง และรู้สึกขอบคุณมากๆ ที่ได้มีโอกาสทำงานรูปแบบนี้

 

ในชีวิตนี้คุณมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้าง

     ผมเชื่อในยูนิคอร์น และ Fairy Godmothers (นางฟ้าแม่ทูนหัว: ตัวละครช่วยเหลือในเทพนิยาย ซึ่งสามารถใช้เวทมนตร์คาถาช่วยพระเอกหรือนางเอกได้)

 

หืม ยูนิคอร์นเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงสำหรับคุณอย่างนั้นเหรอ

     ใช่ ผมเชื่อเช่นนั้น มันคือความไร้เดียงสาของมนุษย์ ถ้าคุณเข้าใจเรื่องนี้ ก็จะสัมผัสหรือเข้าถึงงานของผมได้ เรื่องตลกเกี่ยวกับความไร้เดียงสาของสิ่งต่างๆ ในเวลาเดียวกันก็มีเรื่องของศีลธรรมและความมืดมนที่ดำดิ่งลึกลงไป ผมชอบที่จะทำงานผสมผสานสิ่งต่างๆ เหล่านี้เอาไว้ นี่เป็นคาแร็กเตอร์ในงานของผม

 

Joan Cornella

 

คุณคิดว่าตัวเองเป็นคนมองโลกในแง่ดีหรือแง่ร้ายมากกว่ากัน

     ไม่เลย ผมไม่เชื่อว่าคนเราจะมีความคิดเพียงด้านเดียว แต่ถ้าให้ผมเลือกว่าตัวเองเป็นคนยังไง ผมก็ต้องยอมรับว่าเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย แต่เมื่อคุณสามารถบอกได้ว่าตัวคุณเป็นใคร ฉันใช่สิ่งนั้น ไม่ใช่สิ่งนั้น ฉันชอบสิ่งนี้ ไม่ชอบสิ่งนี้ คุณก็สามารถที่จะสื่อสารทุกอย่างในตัวคุณออกมาได้ ทั้งแง่ดีและร้าย

 

แต่ในงานของคุณดูเหมือนว่า…

     ใช่ มองโลกในแง่ร้าย เป็นอย่างนั้น การที่การ์ตูนของผมมีความรู้สึกมืดมน มีสีสันฉูดฉาดเยอะๆ นั่นก็เป็นวิธีการหาความสุขแบบป่วยๆ ของผมอย่างหนึ่ง

 

ทำไมผู้ชายในชุดสูทถึงกลายมาเป็นคาแร็กเตอร์หลักในงานคุณ

     บางทีผมอาจจะเชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ มาจากในภาพยนตร์สมัยก่อน ที่คาแร็กเตอร์ของผู้คนในภาพยนตร์จะชอบยิ้มแย้มกันแบบนี้ ไม่รู้สิ ผมคงเสพอะไรแบบนั้นมา ผมมักดูหนังอเมริกันเก่าๆ แฟชั่นเก่าๆ แล้วนำมาเชื่อมโยงกับงานของผมในบางครั้ง

 

แล้วทำไมตัวการ์ตูนของคุณต้องยิ้มตลอด รอยยิ้มนั้นคืออะไร

     คือความสุขหลังจากที่ได้ดื่มโคคา-โคล่า หรือหลังจากทำกำไรได้จากการลงทุนในตลาดหุ้น

 

Joan Cornella

 

คุณมีวิธีจัดการอย่างไรกับคนที่วิจารณ์งานของคุณ

     ช่วงที่เริ่มต้นเล่นเฟซบุ๊กใหม่ๆ ผมได้รับข้อความบ้าๆ จำนวนมาก ผมขำเกี่ยวกับมันนะ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้งานของผมมีคนเห็นมากขึ้น ได้รับการยอมรับมากขึ้น และสร้างความประหลาดใจให้คนมากขึ้น แต่ไม่รู้สิ ผู้คนโง่ๆ ที่ส่งข้อความแย่ๆ มาหาผมแบบตอนนั้นก็ยังมี แต่ผมไม่แปลกใจผมเท่าวันที่เริ่มแล้ว

 

คุณคิดอย่างไรที่ในชีวิตประจำวัน เรามักตัดสินคนอื่นกันเป็นปกติ

     ใช่ มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว ทุกๆ คนเป็นแบบนั้น เป็นรูปแบบหนึ่งของคน แต่ถ้าคุณถามว่าผมชอบหรือเปล่าที่คนมาตัดสิน แน่นอน ผมไม่ชอบ แต่กับงานผม ผมคิดว่าสามารถตัดสินได้นะ ไม่ใช่ความเป็นความตาย มันโอเคเมื่อไม่ใช่การตัดสินด้วยความรู้สึกห่วยๆ

 

มีประเด็นไหนที่คุณไม่สามารถวาดลงในการ์ตูนของคุณบ้างไหม

     ผมอยากจะคิดว่าไม่มี แต่บ่อยครั้งเราก็ต้องมีข้อจำกัดให้ตัวเอง ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ สิ่งสำคัญในงานของผมที่สามารถสังเกตได้ในช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะในเฟซบุ๊ก ถ้าผมต้องการเขียนการ์ตูนเกี่ยวกับจู๋ออกมา ผมก็ไม่สามารถทำได้ เพราะมาร์ก ซักเกอร์เบิร์ก ไม่ชอบจู๋หรือหัวนม โดยส่วนตัวผมก็ไม่ได้ชอบการ์ตูนที่เปิดเผยเรื่องเพศอย่างชัดเจนแบบนั้นอยู่แล้ว แต่ผมชอบที่จะเล่นกับอะไรที่เป็นเรื่องต้องห้าม ซึ่งเรื่องต้องห้ามเหล่านั้นนำไปสู่เสียงหัวเราะ ผมคิดว่าการแบนอะไรสักอย่างหนึ่งเป็นการสร้างความอัปยศให้กับเสรีภาพ และเราก็ยังไม่ตระหนักกันอย่างมากพอเกี่ยวกับการยอมจำนนและใช้ชีวิตอยู่แบบนั้น มีใครบางคนกำลังอึทิ้งไว้บนหัวของพวกเรานะผมว่า

 

คิดว่างานของคุณสะท้อนตัวตนด้านสว่างหรือด้านมืดของคุณมากกว่ากัน

     จริงๆ งานศิลปะไม่จำเป็นจะต้องสะท้อนจิตใจหรือว่าตัวตนของผู้สร้างหรือนะ ในทางเดียวกัน ผมคิดว่าคาแร็กเตอร์ตัวการ์ตูนของผมไม่ได้มีตัวตน พวกเขาเป็นแค่สิ่งที่ผมสร้างขึ้นมา

 

Joan Cornella

 

คิดว่าความตลกสร้างความเกลียดชังหรือไม่

     แน่นอน และความเกลียดชังบางครั้งก็สามารถนำไปสู่เรื่องตลกได้ นั่นคือสิ่งที่ผมค้นหาและสนใจมันมากๆ ใครบางคนที่ตอบสนองกับความเกลียดชังแบบนั้น คงเป็นเพราะการ์ตูนของผมมีสิ่งขำขันและโศกเศร้าเศร้าอยู่ในเวลาเดียวกัน

 

คุณรับมือกับคนที่ไม่เข้าใจสารที่คุณสื่อผ่านการ์ตูนของตัวเองอย่างไร

     ด้วยความสัตย์จริงเลยนะ ผมไม่เคยให้ความใส่ใจอะไรแบบนั้นเลยว่าจะมีใครไม่เข้าใจงานของผมที่เผยแพร่ออกไปหรือเปล่า ผมพยายามจะเปิดความเป็นไปได้ในการตีความ สำหรับพวกเขาอาจจะมีสองหรือสามความหมายในงานของผมก็ได้ แต่สุดท้ายผู้อ่านคือคนที่จะตัดสินใจว่าอะไรที่อยู่เบื้องหน้าสายตาของพวกเขา ผมมีแค่สิ่งที่ต้องการจะบอกออกไป แต่เขามีสิทธิ์ตัดสินใจเอง 

 

ในชีวิตจริง คุณสามารถมองเรื่องซีเรียสๆ ให้เป็นเรื่องตลกร้ายแบบในงานได้ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้น มันทำให้มุมมองต่อโลกของคุณเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

     บางครั้งก็ใช่ แต่สิ่งที่ทำให้ผมหัวเราะได้จริงๆ มักจะเป็นเรื่องแต่งมากกว่า สิ่งแย่ๆ อย่างสงครามซีเรียนั้นดูไม่ตลกเลย ผมพบว่ามันยากที่จะเข้าใจด้วยซ้ำว่าบางคนสามารถตลกเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ผมคิดว่าเพื่อที่คุณจะหัวเราะได้ คุณจำเป็นต้องมีสมดุลระหว่างความโศกเศร้าและความตลกขบขันให้เท่าๆ กัน ปัจจุบันเราสามารถขบขันเกี่ยวกับการสังหารหมู่ได้ เพราะว่ามันเกิดขึ้นมานานแล้วในอดีต ไม่เหมือนกับสงครามซีเรีย

     ความตลกคือหนทางที่จะขับไล่ความโศกเศร้า ก็เป็นไปได้ที่ในสงครามที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้จะมีใครบางคนกำลังหัวเราะความโชคร้ายของตัวเอง เพื่อที่จะสามารถค้ำจุนชีวิตของเขาเอาไว้