Riety

การมองโลก (ศิลปะ) แบบผ่อนคลายแต่เคล้าความสนุกของ ‘ปั๋น Riety’ ในวันที่ชีวิตนิ่งสงบขึ้น

การเติบโตของชีวิตอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องของทักษะหรือฝีมือที่เพิ่มขึ้นตามวัยหรือการฝึกฝน แต่นั่นหมายถึงประสบการณ์ที่เพิ่มพูนในการมองโลกและผ่านประสบการณ์ที่ทั้งดีหรือล้มลุกคลุกคลานในด้านต่างๆ มาด้วยเช่นกัน ดังเช่นตัวตนในวันนี้ของ  ‘ปั๋น’ – ดริสา การพจน์ หรือที่หลายคนคุ้นชื่อกันในนาม ‘Riety’ ศิลปินวาดภาพประกอบ ดารา นักแสดง และยูทูเบอร์ ผู้โด่งดังมาจากงาน VIEN/VAIN นิทรรศการภาพวาดจากหยดเลือดของหญิงสาวแสนสวยที่เธอชื่นชอบ

        เธอยังคงเป็นหญิงสาวที่น่ารักสดใส และสำเนียงเสียงพูดของเธอยังคงเป็นเหมือนน้ำทิพย์ที่ชโลมจิตใจเราได้เหมือนเคย เพียงแต่ในความเพราะใสนั้นเจือด้วยความจริงจังจากการผ่านเรื่องราวต่างๆ มาตามวันเวลา และเรื่องเล่าผ่านการสนทนาวันนี้ก็เข้มข้นน่าติดตามจนทำให้หลงรักผู้หญิงคนนี้มากขึ้นไปอีก

Riety

สำหรับคุณในวันนี้ ความหมายของ ‘ศิลปะ’ คืออะไร

        ศิลปะคือทุกอย่าง ทุกอย่างคือศิลปะ

ความงดงามในแต่ละยุค ก็ถูกมองผ่านสายตาของคนที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ในสมัยหนึ่งความงามก็เป็นแบบหนึ่ง ยุคต่อมาก็เปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่ง สำหรับคุณมองเรื่องนี้อย่างไร 

        มาตรฐานความงามเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นระลอก ไม่ได้นิ่งสถิตอยู่กับที่ ช่วงเรอเนซองส์หรือยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ คนตอนนั้นนิยมชมชอบผู้หญิงอวบอ้วน ยุคฮอลลีวูดนิยมผู้หญิงที่มีทรวดทรงนาฬิกาทราย ต่อมาในยุค 90s คนก็นิยมผู้หญิงผอมจัด แต่สักพักก็หันมาชอบผู้หญิงดูสุขภาพดี จนปัจจุบันที่เป็นยุคโพสต์โมเดิร์นหรือหลังสมัยใหม่ ความงามเป็นสิ่งที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เนื่องจากคนเราไม่ได้ถูกตีกรอบความคิดด้วยสื่อทางเดียวอีกต่อไป มีช่องทางให้เห็นมากไปกว่านั้น คนหลายคนมองความงามไม่เหมือนกัน สิ่งนี้มันขึ้นอยู่กับดวงตาของผู้มองเห็น ใครใคร่ชอบอะไรชอบ ใครใคร่เป็นอะไรเป็น เราเองก็ไม่สามารถเอาสิ่งนี้มากำหนดให้ทุกคนคล้อยตามเราได้เหมือนกัน

หากความงามในยุคหลังสมัยใหม่ไร้กรอบอย่างที่ว่า แล้วคุณเอาสิ่งใดมากำหนดความงามผ่านงานศิลปะของคุณ

        เรามักใช้ตรรกะเดียวกันกับเวลาทำงานศิลปะว่าความงามคือความสมดุล อะไรที่พอดี พอเหมาะ ประสมประสานกลมกลืน งานของเราจึงเป็นภาพวาดที่มีองค์ประกอบถูกสัดส่วน และความสวยงามของเราคือ การหาสิ่งที่ใช่ให้กับสิ่งนั้น บางอย่างถ้าอยู่เฉยๆ ก็อาจจะยังสวยได้ไม่ถึงที่สุด แต่หากมันไปอยู่ที่ที่ใช่จริงๆ สายตาของเราจะบอกว่างานนั้นสวยมากยิ่งขึ้น

        มีการ์ตูนเรื่อง Fullmetal Alchemist (แขนกล คนแปรธาตุ) ซึ่งมีคำพูดในนั้นว่า ‘หนึ่งเดียวคือทุกสิ่ง ทุกสิ่งคือหนึ่งเดียว’ เราชอบประโยคนี้มาก เพราะมันตอบคำถามว่าทำไมความงาม ความรัก ศิลปะ และเพศหญิงถึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน เพราะผู้หญิงมีความงาม ความงามคือศิลปะ ศิลปะนั้นก่อให้เกิดความรัก และความรักก็เป็นเรื่องสวยงาม ประโยคสั้นๆ นี่สามารถต่อสี่เรื่องเข้าด้วยกันได้ และเราสามารถขยายความด้วยคำเชื่อมอะไรก็ได้ ที่เมื่อใส่ลงไปก็จะสามารถต่อขยายเรื่องนี้ไปได้อีกไกลมาก 

        เหมือนเราวาดวงกลมที่เป็นลายเส้นเวกเตอร์ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งวงกลมนี้สามารถขยายให้ใหญ่เท่าไหร่ก็ได้ หรือจะย่อให้เล็กเท่าไหร่ก็ได้ จะย่อให้เหลือขนาดที่ตามองไม่เห็น ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องก็ได้ หรือจะขยายให้ใหญ่เท่าประเทศนี้ก็ได้ เพราะว่าทุกสิ่งคือหนึ่งเดียว หนึ่งเดียวคือทุกสิ่ง

Riety

คุณตั้งโจทย์ให้กับงานของตัวเองอย่างไร

        ถ้าเป็นงานส่วนตัว เราก็จะไม่คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าคนเรามีชีวิตผ่านอายุมาได้แค่รอบเดียว เหมือน Adele ที่ทำอัลบั้มเพลงตามอายุ เราก็คิดว่าเราอยากทำงานศิลปะอะไรที่นำเสนอเรื่องของเราในตอนนั้นมากที่สุด เพื่อที่ตอนเราแก่จะได้กลับมาดูงานตัวเองในตอนนั้นอีกครั้ง

        แต่ถ้างานที่จะมาจากโจทย์ลูกค้า เป็น commercial arts โจทย์คือเราจะเพิ่มยอดขายให้ได้อย่างไรด้วยงานศิลปะ บางคนเวลาลูกค้าสั่งมาเขาอาจจะทำตามบรีฟลูกค้า แต่เป้าหมายของเขาจริงๆ คืออยากเพิ่มยอดขาย แล้วศิลปะมันเป็นสิ่งที่เอามาใช้เพื่อเพิ่มมูลค่าอยู่แล้ว เราก็ต้องให้คำปรึกษาเขานิดหนึ่งว่า ทำอย่างไรแล้วจะสามารถเพิ่มยอดขายได้

อย่างภาพวาดหญิงสาวของคุณ มีองค์ประกอบสำคัญอะไรที่แฝงอยู่ในงานชิ้นนั้นบ้าง 

        เราคิดว่าเป็นเรื่องความงามของผู้หญิงในหลากมิติมากกว่า บางรูปเกิดจากความรู้สึกที่อยากวาดเพราะอยากไปสิงร่างผู้หญิงคนนี้ หรืออยากเกิดเป็นผู้หญิงหน้าตาแบบนี้ (หัวเราะ) กับความรู้สึกที่เหมือนกับถูกดึงดูดด้วยคนหน้าตาแบบนี้ ในขณะที่ถ้าเป็นผู้ชาย เรามองแล้วก็ไม่ได้รู้สึกอยากมีซิกแพ็กหรือสันกรามแบบนั้น เพราะแบบนี้เราจึงวาดแต่รูปผู้หญิง

เหมือนกับว่างานศิลปะคือการสร้างตัวตนในความคิดของเราให้ออกมาเป็นรูปธรรม และเป็นตัวแทนในสิ่งที่เราอยากเป็นด้วยใช่ไหม

        ใช่ เราเคยอยากสร้างผู้หญิงในอุดมคติของตัวเองขึ้นมา เราเคยดูหนังเรื่อง The Truman Show เราชอบฉากที่ จิม แคร์รีย์ ตามหาผู้หญิงในฝัน เขาเอาตาหูจมูกปากผู้หญิงจากนิตยสารต่างๆ มาปะติดปะต่อเข้าด้วยกัน เราได้รับแรงบันดาลใจจากฉากนั้นมาก จึงมักจะวาดผู้หญิงจากสายตาที่เรามองว่าเขาสวย นานวันเข้า ถึงจะรู้ว่าความงามมันไม่ได้มีแบบเดียว แต่เราดันวาดหน้าแบบนั้นสวยไปแล้ว ติดวาดหน้าแบบนี้ไปแล้ว หญิงสาวของปั๋นก็เลยจะมีหน้าตาประมาณนี้แหละ

Riety

แต่ไหนแต่ไรมาผู้คนมักจะยกเรื่องของความสวยงามให้เป็นของผู้หญิง ทั้งๆ ที่ความสวยงามนั้นเป็นสากลในทุกสิ่งของโลกมากๆ 

        ไม่ว่าอะไรก็เป็นสิ่งที่สวยงามได้ทั้งนั้น สัตว์ก็งามได้ ดูได้จากสุภาษิต ‘ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง’ ตึกหรืออาคารต่างๆ ก็งามได้ แสงของพระอาทิตย์ตกกระทบลงมาเฉียงองศาที่ถูกต้อง เรายังรู้สึกว่างดงามเลย ความงามเป็นเรื่องของสุนทรียศาสตร์ ซึ่งเป็นเรื่องของการมองเห็นสิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติ สำหรับเราความงามคือ be pleasing to the eyes, be pleasing to the soul. (เจริญตา เจริญใจ)

        ในยุคนี้ความงามหรือความชอบแปรเปลี่ยนไปรวดเร็วมาก มาตรฐานความงามมันเปลี่ยนแปลงต่อหน้าต่อตาเราเลย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สเปกคนเราก็เปลี่ยนไปด้วยเหมือนกัน นั่นจึงเป็นความท้าทายของคนทำงานศิลปะในโลกหลังสมัยใหม่ เราต้องคาดการณ์แล้วว่าอะไรคือความงามในสายตาคนหมู่มากเพื่อทำให้สินค้าเราขายได้ แต่นี่แหละคือความสนุก

พอหลากหลายขึ้น จะกลายเป็นความท้าทายในเรื่องสมดุลในผลงานของศิลปินที่มีต่อบริบทสังคมด้วยไหม 

        หากเรามองว่าความงามเกี่ยวโยงกับความชอบหรือรสนิยม ความยากง่ายในการทำงานก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนไม่ชอบงานที่แมสหรืองานในวงกว้าง ไม่ได้เข้าใจรสนิยมของคนหมู่มาก แต่อยากเลือกทำงานเพื่อตอบสนองความต้องการของคนหมู่มาก แบบนั้นเขาก็น่าจะสับสนมากด้วยเช่นกัน เพราะต้องทำงานที่ขัดกับความเป็นตัวเองสุดๆ แต่ถ้าเขาเป็นคนของประชาชนที่แท้จริง ไม่ว่าหยิบจับอะไรคนก็ชอบไปหมด นั่นก็คงไม่ใช่เรื่องยาก

        แต่สำหรับเรานั้นเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป ถึงแม้ว่าเราจะเสพบรรดาสารคดีเรื่องต่างๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่คนในวงการบันเทิงเสพกัน แต่เราก็ยังมีเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องทุ่นแรง มีสถิติ ใช้กูเกิลเทรนด์ ทวิตเตอร์เทรนด์ ที่คอยช่วยให้เราเข้าใจความแตกต่างและหลากหลายเป็นดาต้า มาช่วยประกอบการตัดสินใจได้อีกมุมหนึ่ง

Riety

ถ้ามองชีวิตได้อย่างเข้าใจขนาดนี้ แล้วเรื่องความสัมพันธ์ล่ะ คุณรับมือกับมันได้สบายเลยไหม 

        เมื่อก่อนมีใครหลายคนเข้ามาในชีวิตเพื่อชนะใจเราให้ได้ เพราะเห็นว่าเราคงเป็นคนที่จะพิชิตใจยาก แต่กลายเป็นว่าเรามีชีวิตรักที่ค่อนข้างแย่มาตลอด จนเคยคิดอยากมีแฟนเป็นหุ่นยนต์ เพราะไม่คิดว่าจะมีมนุษย์คนไหนเข้ากับเราได้ สิ่งนั้นกลายเป็นบทเรียนให้กับมุมมองความรักของเราในทุกวันนี้ว่า เราขอเลือกที่จะเป็นหุ่นยนต์เสียเองดีกว่ามีแฟนเป็นหุ่นยนต์ 

อะไรที่ทำให้คุณคิดกลับกันอย่างนั้นในวันนี้

        เวลามนุษย์มีความรัก คนเราก็จะยินยอมให้หัวใจเดินออกไปนอกตัว มันอาจจะไปทำอะไรก็ไม่รู้ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มันค่อนข้างเสี่ยง จนเราไม่อยากจะยอมรับความเสี่ยงนั้นอีกแล้ว อาจเป็นเรื่องดีเวลามีความสุข แต่เวลาทุกข์มันก็เกินเหตุ ดังนั้น หนทางของการไม่ทุกข์ร้อน คือการไม่ยินดียินร้าย หากไม่สุข ก็จะไม่ทุกข์ เพราะเมื่อเราไม่รู้ว่าความสุขคืออะไร ก็จะไม่รู้ว่าความทุกข์คืออะไร 

        ถ้าเป็นไปได้ เราจึงอยากเป็นหุ่นยนต์ดีกว่า คงเป็นเรื่องดีหากเราสามารถบันทึกความทรงจำเป็นโฟลเดอร์ เลือกเก็บในสิ่งที่ชอบ เลือกลบในเรื่องที่เป็นพิษทางความรู้สึก ถ้าเราสามารถมีชีวิต กิน อยู่ หลับ นอนได้โดยที่ไม่ต้องมีความรัก ไม่ต้องการการเอาใจใส่ ไม่โหยหาความสุข เราก็จะไม่ทุกข์ ก็คงจะเป็นชีวิตที่ดีหรือเปล่า

        ซึ่งความคิดนี้ก็ไม่ได้ดีสำหรับทุกคนหรอก แต่ว่าเรารับความรู้สึกนั้นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว… ไม่เอาอีกแล้ว 

คุณสามารถเอาเรื่องนี้มาระบายออกเป็นงานศิลปะได้ไหม 

        ถ้าให้เอามุมมองความรักของเราตอนนี้ มาวาดเป็นงานศิลปะสักหนึ่งชิ้น เราเลือกไม่เริ่มวาดตั้งแต่แรกเลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องฟังทั้งคำชมจากคนที่คิดว่ามันสวย และไม่ต้องฟังคำด่าจากคนที่คิดว่ามันไม่สวย ถ้างานศิลปะไม่เกิดขึ้น หนึ่ง เราไม่ต้องลงแรง สอง เราไม่ต้องคาดหวัง สาม เราไม่ต้องผิดหวัง สี่ คนอื่นก็ไม่ต้องมีปฏิกิริยาผ่านงานศิลปะนี้ของเรา การก้าวข้ามความผิดหวังสำหรับเราคือไม่ต้องให้มันเกิดขึ้นเลย

        สรุป อีกสองปีแต่งงาน ออกข่าวทั้งประเทศ (หัวเราะลั่น) 

Riety

ถ้าอีกสองปีจะแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก เพราะเอาจริงๆ ปุถุชนทั่วไปก็หาใครวางเฉยต่อความรักได้ยากยิ่ง

        มันเป็นไปได้เสมอแหละ มุมมองมันคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะเจอคนที่แมตช์มุมมองกับเราไม่ได้ ที่ผ่านมาเราว่าเรารู้สึกแย่กับความพยายามเป็นคนที่เราไม่ได้เป็น เวลามีความรักต่างคนต่างมีภาพในอุดมคติ มีเรื่องราวในหัวว่ามันต้องเป็นแบบนี้ แต่เราอาจจะไม่ใช่ใครที่อีกคนคาดหวังให้เป็น แต่สุดท้ายคำตอบที่แท้จริงก็คือเราเป็นแบบนี้  ก็แค่ต้องหาคนที่เข้าใจเรา

ภาพในอุดมคติที่ไม่อุดมคติได้แบบภาพวาดของเราเอง 

        บางทีก็ต้องแยกคำว่า ‘คู่รัก’ (lover) กับ ‘คู่หู’ (companion) ออกจากกันก่อน บางคนอยากได้แค่คู่หู เพื่อนกินข้าว ดูหนัง ช้อปปิ้ง เลิกงานแล้วมีคนพาไปไหนมาไหน ไม่ได้ต้องการเซ็กซ์หรืออะไร จนเผลอไผลคิดไปว่าตัวเองต้องการความรักจากคู่รัก หรือบางคนอยากมีแค่คู่นอน ก็หาคู่นอน ไม่จำเป็นต้องหาคู่หู หากไปบอกใครเขาว่าต้องการคู่รักก็อาจเกิดความเข้าใจผิดกันได้ เราว่าปัญหาที่เกิดขึ้นบนโลกนี้เพราะว่าคนเราไม่แยกประเภทให้ชัดเจน

สมมติว่าคุณสามารถใช้งานศิลปะเป็นเครื่องมือในการสร้างสรรค์หรือทำให้เกิดอะไรก็ได้ คุณจะใช้มันทำอะไรเป็นอย่างแรก

        ถ้าเป็นตอนนี้ (กระซิบ) เราจะใช้ศิลปะสร้างประชาธิปไตย อยากเห็นศิลปะว่าจะปฏิรูปประเทศได้หรือเปล่า เพราะในต่างประเทศ ศิลปะเป็นกลไกในการปฏิรูปและปฏิวัติมาทุกยุคทุกสมัยมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของรูปวาด ภาพถ่าย ภาพยนตร์ หรือบทเพลง สังเกตได้ว่าเวลาไปม็อบก็ต้องมีเพลงปลุกใจเสมอ อย่าง Les Misérables ที่มีเพลง Do You Hear the People Sing? หลายบทเพลงก็ถูกทำขึ้นเพื่อปฏิวัติหรือปฏิรูปอะไรสักอย่าง หรือสัญลักษณ์ชูสามนิ้วที่ใช้กันก็มาจาก Popular Culture จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ที่คนใช้ในชีวิตจริงอย่างแพร่หลาย แม้ว่าจะทำไม่สำเร็จในช่วงเวลานั้น แต่ art lives on ศิลปะนั้นยืนยาว แม้ว่าเราจะไม่อยู่แล้ว

Riety

ถ้าศิลปะคือส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ วันนี้คุณยังมีความทะยานอยากในการทำงานศิลปะมากน้อยแค่ไหน

        ตอนเด็กๆ เราอยากทำงานศิลปะเพราะอยากวาดรูปให้เก่ง เวลาเห็นคนวาดรูปสวยๆ แล้วอยากวาดสวยได้เหมือนเขา พอเข้าวัยรุ่นก็อยากวาดรูปให้เก่งขึ้น เพราะเราอยากเข้ามหา’ลัยให้ได้ พอเข้ามาแล้วก็อยากวาดรูปให้ชนะเพื่อนร่วมชั้น อยากได้เกรดเอ พอทำงานก็อยากวาดรูปให้ตรงตามโจทย์ลูกค้า เพราะเราจะได้ค่าตอบแทนที่ดี 

        ตอนนี้เราว่าเรายังอยากวาดรูปอยู่ แต่วาดเพื่ออะไรมันเปลี่ยนไป ยอมรับว่าเราไม่ได้วาดรูปเพราะอยากวาดรูปให้สวยขึ้น ตอนนี้เราอยากวาดรูป เพราะเราอยากรู้ว่ารูปวาดจะพาเราไปได้ไกลขนาดไหน จะพาเราเดินทางรอบโลกได้ไหม หรือจะหาเงินได้ถึงพันล้านไหม 

สุดท้ายขอถามว่าในอนาคตถ้าไม่ได้มองเพื่อธุรกิจ คุณอยากทำศิลปะเพื่ออะไร

        อาจมองว่าคนเราจะสามารถสร้างลัทธิอะไรขึ้นมาจากศิลปะได้หรือเปล่า (หัวเราะ) เป็นผู้นำลัทธิแล้วก็น่าจะสนุกดีนะ 


ติดตามผลงานของ ปั๋น Riety ได้ที่:

Facebook : Riety 
Instagram : Riety 
YouTube : Riety