เปิ้ล นาคร

12 ปีของห้าวเป้ง สู่การเติบโตเป็น ‘ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง’ ของ ‘เปิ้ล’ – นาคร ศิลาชัย

หลังจาก สาระแนห้าวเป้ง (2552) เราก็แทบจะไม่ได้เห็น ‘เปิ้ล’ – นาคร ศิลาชัย ปรากฏตัวออกมาในฐานะคนที่ถูกแกงหรือเป็นคนที่โดนอำบ่อยนัก อาจจะมีแวบออกมาเล็กๆ น้อยๆ ตามงานต่างๆ บ้างเป็นครั้งคราว แต่ชื่อของเขาก็ยังไม่มีใครลืมไปเพราะวีรกรรมที่เขาทำไว้นั้นถูกนำมารีรันบนแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นประจำ เรียกเสียงหัวเราะให้กับคนดูได้อย่าสม่ำเสมอ 

        สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ายังมีคนรัก คิดถึง และต้องการเห็นชายคนนี้ในบทบาทของนักแกล้งในตำนานกันอยู่ เพราะลีลาการหลอกของเขานั้น ทั้งน่ารัก น่าหยิก และน่าตีมือสักสองสามที แต่ทั้งล้วนก็ล้วนมาจากความสนุกที่ได้รู้ในตอนเฉลยว่าทั้งหมดเป็นการเซตสถานการณ์เพื่อมาหลอกนั่นเอง 

        วันนี้เขากลับมากับหนังเรื่องใหม่ ‘ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง’ ที่ยกพลพรรคคนตัวเป้งมาสอนประสบการณ์ใหม่ให้กับน้องๆ CGM48 เหยื่อน้อยหน้าใส ที่ถูกส่งเข้ามาฝึกบทเรียนใหม่ซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ จากที่ไหน ซึ่งแผนการณ์ในหนังนั้นมีทั้งความตลก ลุ้น และตื่นเต้นตลอดเวลา เพราะทุกวีรกรรมนั้นถ่ายทำได้แค่เทกเดียว 

เปิ้ล นาคร

ผ่านไปหลายปีมาก สงสัยเหลือเกินว่าทำไมคุณถึงสนใจหนังในธีม ‘ห้าวแป้ง’ อยู่

        โปรเจกต์นี้เริ่มจากทางเจ้าของ BNK48 ติดต่อชวนให้เราไปเสริมสร้างประสบการณ์ให้ไอดอลน้องสาวรุ่นใหม่อย่าง CGM48 เราก็คิดว่ามันถึงเวลาที่จะทำอะไรสนุกๆ กัน เลยถือโอกาสนี้ขอเทรนน้องในสไตล์เรา ในช่วงที่เขากำลังซุ่มเงียบอยู่ที่เชียงใหม่ เพื่อที่จะสร้างให้เป็นบุคลากรที่มีความสำคัญต่อจากวง BNK48 และวงการเพลงไทยในอนาคต เราก็เลยคุยกับเป้ (นฤบดี เวชกรรม) ผู้กำกับว่าห้าวเป้งต้องกลับมาแล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นของเด็กชายห้าวเป้งที่ตอนนี้มีอายุ 12 ขวบพอดี ผมสนใจว่าความซนของเขาจะมากตามอายุด้วยหรือเปล่า 

ภาพยนตร์แนวแกงกันเองหรือแกล้งก่อนค่อยออกมาเฉลยนั้น ในยุคนี้ยังไม่เชยใช่ไหม

        โดยส่วนตัว ผมเรามักจะตื่นเต้นกับเหตุการณ์อะไรที่เผยทำให้เห็นตัวตนของคนคนนั้น เหตุการณ์ที่เซตขึ้นมาทำให้อะดรีนาลินหลั่งอยู่ตลอดเวลา เราติดใจในความสนุก คนดูสนุก คนเล่น คนแกล้งก็สนุก คนถูกแกล้งก็อาจไม่สนุกตอนแรก แต่พอเฉลยออกมาแล้วก็รู้สึกว่าชีวิตกูต้องมีสีสันแบบนี้ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสมัย 12 ปีก่อน

        พอมาถึงวันนี้ เหมือนคนก็อยากจะดูความสดอยู่นะ ซึ่งภาพยนตร์แบบนี้ตอนนี้มันแทบจะไม่เหลือแล้ว อาจเพราะมีประเด็นที่คนชอบหรือไม่ชอบ สมัยก่อนคนไม่ชอบเขาก็บ่นกับเพื่อนหรือครอบครัว แต่สมัยนี้พอไม่ชอบเขาก็สามารถบ่นลงสื่อของเขาเองได้ เลยเป็นที่มาของคอมเมนต์ต่างๆ ที่พบเจอกันบ่อยๆ แต่สิ่งนั้นก็ทำให้การแกล้งหรือการแกงกันสำหรับเราต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น 

        แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นด้วยสัญชาตญาณของพวกเราที่ทำเรื่องนี้มาทั้งชีวิต เราอยากบอกว่าเวลาเราแกล้งใครจะมีผลบวกมากกว่าลบ เทคนิคเหล่านี้เป็นเทคนิคที่เรียนรู้กันยาก ว่าแกล้งกันแล้วทำไมพอเฉลยกันแล้วเขากลับดีใจ แต่กับบางคนแกล้งเขาไม่ต้องแรงหรอก แกล้งนิดเดียวแต่ทำไมถึงโกรธมาก โกรธแบบชาตินี้ไม่ขอพูดด้วย สองอย่างนี้อยู่บนเส้นที่ขนานกันมาก เพราะฉะนั้น เราจะแกล้งยังไงให้เขารักกับแกล้งยังไงให้เขาเกลียด เป็นเรื่องที่ต้องศึกษา เมื่อศึกษามาแล้วว่าต้องแกล้งยังไงที่พอเฉลยแล้วคนถึงรัก คนดูรู้สึกมีความสุขด้วย นั่นคือวิถีที่เราทำมาจนมาจนถึงหนังเรื่อง ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง

จริงๆ สมัยนี้เราสามารถดูคอนเทนต์เกี่ยวกับการอำได้เยอะแยะทางสื่อโซเชียลฯ ต่างๆ แล้วการอำในหนังของ เปิ้ล นาคร มีความน่าสนใจกว่าอย่างไร

        อยู่ที่วิธีการแกงกันแบบเป็นเรื่องเป็นราว มีสตอรี อย่างวัยรุ่นสมัยนี้แกล้งกัน เขาก็จะถ่ายแบบแคนดิต เอาเพื่อนมาแล้วเอาลูกโป่งใส่น้ำแล้วก็จิ้มให้แตก หรือเอาเพื่อนไปใส่ในล้อยางรถยนต์ แล้วกลิ้งลงมาจากเขา ก็ฮาๆ ขำๆ เป็นช็อตๆ ไป แต่ของเราจะเป็นเรื่องเป็นราว เป็นแบบผู้ใหญ่ เพราะในสมัยก่อน ตอนที่ผมทำ สาระแน ในยุคแรกๆ ก็ใช้วิธีทำให้ตกใจ ทำให้กลัว ทำให้วิ่งหนี ก็หัวเราะเฮฮา แล้วจบ หรือเอารถไปซ่อน แกล้งเป็นผีไปหลอกก็มี แต่พอมาหนังก็มีความใส่รายละเอียดเข้าไปให้เป็นเรื่องเป็นราว มีความเป็นคอเมดี ดราม่า แอ็กชัน ต้องสงสัย ชิงไหวชิงพริบ ดังนั้น หนังของผมครบรสกว่าเยอะ

ที่คุณบอกตอนต้นว่าเด็กชายห้าวเป้งได้เติบโตขึ้น แล้วตอนนี้เขาเป็นคนแบบไหน

        เขาโตขึ้นมาในรอบสิบปี แต่ยังคงกลิ่นนิสัยเดิมๆ ของความเป็นห้าวเป้ง แต่เรื่องราวเปลี่ยนตามยุคตามกระแสมากกว่า ดังนั้น ที่ผมบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็น organic film นั่นคือไม่มีบทชัดเจน เป็นการเดินไปข้างหน้าแล้วเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ วางแผนไปตามทาง เหมือนจะเดินป่าแล้วพอเข้าไปในป่า ก็จะวางแผนไปในแต่ละฐาน ฐานที่หนึ่ง สอง สาม จะเจอนั่นเจอนี่ เราวางแผนไว้แค่นี้ เพราะเมื่อเดินเข้าไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเจอฝนหรือเปล่า น้ำป่าจะหลากหรือเปล่า หรือว่าใครที่ไปเจองู เจอผีเสื้อ ก็จะเก็บมาเล่า แต่เหตุการณ์ต่างๆ ก็จะถูกเตรียมเอาไว้ตามสถานการณ์จริง นี่คือเสน่ห์ของห้าวเป้ง

คิดว่าการทำหนังแนวอำกันไปมา มีโอกาสประสบความสำเร็จแค่ไหนในยุคนี้

        เรื่องนี้ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับว่าคนดูดูแล้วชอบมั้ย ถ้าชอบแล้วเขาไปบอกต่อหรือเปล่า แต่ในฐานะที่เราทำเป็นอาชีพ ผมมีความรู้สึกว่า ถ้าหนังเรื่องนี้เป็นภาพเขียน ผมว่าเป็นภาพที่สวยกว่าภาคที่แล้วที่เราเขียนเอาไว้เมื่อสิบปีก่อน มันมีความเรียลของกลุ่มน้องๆ CGM48 ความเรียลของพี่ๆ ที่แกงกันเองบ้าง หยอกเอินกันเองบ้าง ส่วนความเรียลที่หาดูได้ยาก หาดูไม่ได้อีกแล้วก็มาจากกลุ่ม CGM48 นี้แหละ ที่เราไปจับเอาวงจรชีวิตของเขา ซึ่งจะหาดูไม่ได้อีกแล้ว และเป็นวงจรที่ผมอยากให้ดู เพราะชีวิตของน้องๆ นั้นสวยงามมาก 

พูดวงจรชีวิตของ CGM48 มันคือการฝึก การซ้อมเต้น การร้องเพลง แล้วอะไรคือสิ่งที่คุณเพิ่มเข้าไป

        เดิมทีเรารู้แค่ว่า BNK48 เป็นวงไอดอลเกิร์ลกรุ๊ปที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว แล้วกำลังจะมีวงน้องใหม่เกิดขึ้นมา ตอนนั้นถ้าเรารู้จัก BNK48 ตอนที่เขาเริ่มต้นเลย ตอนที่ขี้มูกโป่ง มาแบบเสื่อผืนหมอนใบเข้ามาในวง ซึ่งเราไม่สามารถไปเก็บภาพเหล่านั้นได้ ตอนนี้พอมีวงน้องใหม่ขึ้นมา เราอยากรู้ว่าวงจรชีวิตของเด็กที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นไอดอลได้เนี่ย จะเริ่มต้นกันยังไง ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่สำคัญมากๆ เหมือนเรากำลังจะย้อนเวลา ไปดูวง BNK48 ตอนที่เขาเริ่มต้นใหม่ โดยน้องๆ CGM48 ให้เราได้มาย้อนเวลา ให้ดูว่าเด็กกลุ่มนี้เขาเริ่มต้นกันยังไง เขามีชีวิตอย่างไร ฝึกซ้อมกันแบบไหน นอกจากฝึกซ้อมร้อง เล่น เต้น ฝึกทักษะแล้ว พวกเขาน่าจะเจออะไรนอกจากทฤษฎีเบื้องต้นที่ควรได้เรียนรู้ ผมเลยเสริมทฤษฎีแบบพวกห้าวเป้งเข้าไป ให้เป็นสีสันของชีวิตน้องเขา ก่อนที่เขาจะโตมาเป็นไอดอล 

เปิ้ล นาคร

สีสันที่ว่าใช่น้าเน็ก, ยังโอม, แจ็ค แฟนฉัน และ กันต์ กันตถาวร ที่คุณเชิญมาด้วยใช่ไหม

        ใช่ พอเรารู้เส้นทางชีวิตของเด็กกลุ่มนี้ว่าเขาจะเดินไปทางไหนปุ๊บ เราจะรู้คร่าวๆ แล้วว่าจะอำพวกเธออย่างไร ที่เหลือก็ใช้การด้นแล้วอิมโพรไวซ์ตามไปเลย ว่าชีวิตของน้องในแต่ละวันจะเป็นยังไง แล้วเราจะเล่นอะไรกับเขา ทีนี้หน้าที่ของเราก็คือช่วยเสริมประสบการณ์ สร้างอุปสรรคให้เขา ในการที่เขาจะไปต่อ ดูซิว่าเขาเจออุปสรรคแบบเปิ้ลแล้วเนี่ย เขาจะไปต่อได้มั้ย ดังนั้น ผมจึงตั้งแก๊งแกงขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนที่เลือกมาก็ไม่ธรรมดา มีของที่จะไปให้แรงบันดาลใจเด็กๆ ให้ได้เรียนรู้ในแบบสไตล์ของพวกเราได้

        เช่น ถ้าเด็กอยากรู้การเป็นพิธีกร ก็ต้องเรียนรู้กับพิธีกรอันดับหนึ่งของเมืองไทยอย่าง กันต์ กันตถาวร ในส่วนของนักแสดง พิธีกรรุ่นเก๋า ที่เคยอยู่ในออฟไลน์แล้วสามารถเทิร์นไปออนไลน์ได้ประสบความสำเร็จด้วย ตอนนี้มีอยู่คนเดียวเลยคือน้าเน็ก ที่ทำเพจ อย่าหาว่าน้าสอน เรียกว่าอีกหนึ่งทฤษฎีที่อยากให้น้องได้เรียนรู้ ส่วน แจ็ค แฟนฉัน เรามองว่าใครที่อยู่วงการตั้งแต่เด็กยันแก่ได้โดยงานไม่ตก ยังสามารถรักษาความสว่างของตัวเองได้อยู่ตลอดเวลา ด้วยคุณภาพ ด้วยนิสัย ด้วยใจ ด้วยทุกอย่าง แจ็ค แฟนฉัน เอาตรงนี้ไปเลย และที่สำคัญสายเพลง ถ้าพูดถึงเรื่องเพลงฮิปฮอปนี่ ตอนนี้ก็ต้องให้เขา ยังโอม ยังกู ฟิกส์ ไดมอนด์ ก๊วนแก๊ง Already Deadd ซึ่งถือว่าตอนนี้สุดยอดแล้ว ไม่มีพวกเขาไม่ได้ ไม่พูดถึงพวกเขาไม่ได้ เลยเอามาเป็นส่วนหนึ่งที่จะเอามาให้แรงบันดาลใจ ให้ประสบการณ์กับเด็กๆ CGM48 แล้วก็ยังมีแขกรับเชิญที่คาดไม่ถึงโผล่มาในหนังอีกมากมาย

ตัวหนังเมื่อเป็นเรื่องของการแกง การแกล้ง การอำ แล้วคุณคิดอย่างไรกับตอนนี้ที่หลายฝ่ายออกมาต่อต้านการบูลลี่ที่รุนแรง 

        การแกล้งของผมไม่ได้เป็นการบูลลี่ คำจำกัดความของคำว่าบูลลี่ ในความเข้าใจของผมนั้นซึ่งไม่แน่ใจว่าถูกไหม แต่คือการล้อ ไปล้อคนนั้นคนนี้ ล้อว่าไอ้อ้วน ไอ้แก่ ไอ้ดำ หัวเถิก ล้อชื่อพ่อชื่อแม่ ล้อให้เสื่อมเสีย ให้อับอาย แต่การแกงของเราไม่ได้ไปล้อน้องๆ แต่เป็นการทดสอบ เล่นกับเขา ผมจึงคิดว่าหนังไม่เกี่ยวกับการบูลลี่ ถ้าคุณคิดว่าผมไปบูลลี่นั่นไม่เกี่ยวกับผมแล้ว เป็นคนละเรื่องกันเลย เพราะเราไม่ไปล้อเด็ก เราทำด้วยเจตนาที่เป็นบวก รัก เอ็นดู และอยากให้คนเห็นในความตั้งใจของน้องๆ เพียงแต่ว่าในสไตล์ของเราเท่านั้นเอง

เปิ้ล นาคร

คุณเคยอำใครจนเสียความสัมพันธ์กับคนนั้นไปเลยไหม

        เท่าที่จำได้คือไม่มี มีแต่อำเสร็จแล้ว หลังเฉลย เขาขอบใจผมมากกว่า เข้ามากอดแล้วก็ดีใจที่เขาโดนผมอำ เพราะอย่างที่บอกว่าเวลาเราจะอำใคร เราต้องรู้สึกรัก ชอบ เลื่อมใส ปลาบปลื้มเขาก่อน พอเฉลยแล้วว้าย! อาย ตีกัน เล่นกัน เราไม่ได้อำกันเพราะว่าเราหมั่นไส้มัน กูเกลียดมัน กูจะฆ่ามัน กูจะอำให้มันเสีย ให้มันออกจากวงการไป แบบนั้นไม่มี และไม่อยู่ในสารบบของพวกเรา 

มีครั้งไหนที่ตัวเองโดนอำเสียเองแล้วรู้สึกไม่โอเคบ้างไหม 

        ไม่เคยมีนะ ขนาดตอนเด็กๆ ผมโดนเพื่อนล้อชื่อพ่อแม่ หรือล็อกแขนล็อกขาแล้วเอาเท้ามายัดปากเราจนร้องไห้ พอลุกขึ้นได้ก็ไล่เตะมันคืน แล้วก็หัวเราะ แล้วก็เดินกอดคอ เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม จำได้เป็นแบบนี้ ผมไม่เคยโกรธใครได้นานหรอก

ทำอย่างไรถึงจะรู้ทันว่าคนนี้ต้องเขามาอำเราแน่ๆ 

        เนื่องด้วยเราทำรายการแอบถ่ายมาสิบกว่าปี ผมเจอทุกสถานการณ์ ซ้าย ขวา หน้า หลัง บน ล่าง เจอมารอบตัว พอได้กลิ่นนิดหนึ่งก็รู้แล้ว แต่บางครั้งก็ไม่รู้เหมือนกันนะ พอเฉลยว่าเราโดนแกล้งผมก็แบบเหมือนเล่นบันจี้จั๊มป์ วูบแรกเหมือนตกจากที่สูง ตายแล้ว กูโดนอำแล้ว อะไรแบบนั้น

เมื่อมีคนรู้ทันเยอะขึ้น การคิดวิธีอำทำให้ต้องซับซ้อนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแค่ไหน

        ไม่เยอะหรอก วิธีก็เหมือนๆ เดิม เป็นเทคนิคเหมือนตำรวจตามจับโจร จับยังไงให้ได้โดยละม่อม จับยังไงให้โจรไม่รู้สึกตัว ล่อซื้อจนจับโจรได้ ซึ่งวิธีการนั้นมีเยอะแยะ วิธีการอำคนก็คล้ายๆ กัน 

มีคลิปที่ภรรยาคุณพลาดท่าตกสระน้ำจนเป็นกระแสฮือฮา ทำไมถึงตัดสินใจแชร์คลิปนั้น 

        ก็มันตลกดี แล้วเราก็นั่งดูกันกับภรรยา ดูกับลูกๆ ก็หัวเราะกันครื้นเครง เราก็อยากให้คนอื่นหัวเราะด้วย มีความสุข แบบนี้เขาเรียกว่าบูลลี่ไหม ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ มันเป็นเหตุการณ์ที่หาดูได้ยาก คิดว่าคนได้ดูก็จะอารมณ์ดี เพราะว่าขนาดเราตกน้ำเอง ยังอารมณ์ดีเลย ดังนั้น เราแบ่งปันให้คนอื่นอารมณ์ดีด้วยคงไม่ใช่เรื่องเสียหายหรอก แต่ถ้าเราดูกันในครอบครัวแล้วเรารู้สึกอับอาย รู้สึกแย่ หดหู่ เราคงไม่ให้คนอื่นดู เพราะว่าคนที่ดูด้วยกันก็เป็นคนที่เรารักทั้งนั้น ถ้าเอาไปปล่อย เขาก็คงหดหู่ตามไปด้วย แบบนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ 

เปิ้ล นาคร

งานชิ้นต่อไปคุณอยากทำอะไรอีกไหม เพราะจริงๆ เราชอบบทบาทที่คุณรับบทเป็นพี่กะเรใน Low Season สุขสันต์วันโสด มากๆ  

        พูดตรงๆ ว่าตอนนี้ยังไม่รู้อนาคตของภาพยนตร์ไทยของ เปิ้ล นาคร เลย รู้แค่ว่าได้ทำ ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง จบแล้ว ตัวเองมีความสุขชิบหายเลย ผมรู้แค่นี้ ส่วนอนาคตต่อไป ถ้ามีไอเดียที่ดี แล้วผมอยากทำมากๆ ปีหน้าก็อาจจะได้ดูอีกสักเรื่องก็ได้นะ 

        แต่สำหรับ ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง ผมว่าหนังเรื่องนี้คือเสน่ห์ที่หาซื้อไม่ได้จริงๆ เพราะว่าเราได้สัมผัสน้องๆ ตั้งแต่มาสมัครวันแรกเลย พ่อแม่จูงมือกันเข้ามา จนกระทั่งเขาสอบผ่าน มันมีการคัดตัว คัดผ่าน บางคนคัดไม่ผ่านก็ร้องไห้ไป บางคนคัดผ่านก็ร้องไห้อยู่ดี เพราะดีใจ มีทั้งเสียใจและดีใจ จนกระทั่งตัวเองได้เข้ามาอยู่ในการฝึก ได้รับการหล่อหลอม เพื่อจะโตขึ้นมาเป็นมืออาชีพ ตรงนี้เราได้เห็นพัฒนาการของน้องทุกอย่างเลย คุณจะเห็นหมดว่าเขาเติบโตขึ้นมายังไง ภาพถ่ายวันแรกกับภาพวันที่หนังจบในช่วงเวลาปีกว่าๆ เขาเปลี่ยนไปเยอะมาก เปลี่ยนตั้งแต่หน้าตาไปจนถึงทัศนคติ ตั้งแต่ไม่รู้ทักษะอะไรเลยจนมีพัฒนาการให้เห็น ซึ่งการเติบโตของพวกน้องคุณจะได้เห็นทุกมุมของพวกเขาในหนังเรื่องนี้  เราได้เก็บสิ่งเหล่านี้มาให้พวกคุณได้ชมกันแล้ว 

ในฐานะผู้อยู่เบื้องหลัง ผู้ก่อตั้งการแกงระดับตัวพ่อ อยากบอกอะไรกับเหล่าผู้คนศิลปิน เซเลบ คนดังทั่วฟ้าเมืองไทยที่เคยโดนคุณอำมาแล้วบ้างไหม

        ทุกวันนี้ก็รู้ตัวอยู่แล้วล่ะว่าชีวิตคงแก่อย่างไม่สงบอย่างแน่นอน (หัวเราะ) เพราะคงโดนหมายหัวไว้เยอะ ทั้งจากเพื่อนๆ ทั้งหน่วยงานราชการ และทุกหน่วยงานของประเทศไทย และรู้ว่ายูทูเบอร์ทั้งหลายก็แอบถามคิวกับผู้จัดการผมว่าเมื่อไหร่จะว่าง ขอแกล้งผมได้ไหม ซึ่งผมบอกเลยว่ารออยู่นะ และทำตัวเองให้แข็งแรงเข้าไว้เพื่อให้น้องๆ ได้แกล้งกลับคืน ผมพยายามสร้างตัวเองให้ไม่เจ็บ ไม่ป่วย เดี๋ยวน้องจะแกล้งไม่ได้ ส่วนน้องคนไหนยังไม่โดนผมแกล้ง ก็เตรียมตัวไว้ละกัน เพราะยังไง สีสันในชีวิตของน้องขาดพี่ไม่ได้หรอกครับ (หัวเราะ)

        ส่วนหนังเรื่อง ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง ผมถือว่าขออนุญาตคนไทยทั้งประเทศไว้ตรงนี้ด้วย ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยมีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ หลังจากเราเผชิญชะตากรรมมาปีกว่าเกือบสองปีแล้ว เราต่างรู้สึกกแย่กับสถานการณ์เศรษฐกิจและโรคร้าย แต่ตอนนี้เรากำลังจะกลับมาดีขึ้นแล้ว ทุกคนกำลังมีรอยยิ้มแล้วครับ

เปิ้ล นาคร


ภาพ: พงษ์ฉัตร อินทรานุปกรณ์