ปุ๊กกี้ ปวีณ์นุช: เป็นมนุษย์แม่ (เหนื่อย) ให้สุด แล้วหยุดที่เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กสายฮา

“อาชีพแม่เป็นอาชีพที่เหนื่อยที่สุด การเลี้ยงคนให้โตขึ้นมาคือสิ่งที่ยากที่สุด ยากกว่าการทำงานทุกงานที่เคยทำมาในชีวิต”

    ประโยคสุดจริงที่แสนจริงจังของ ‘ปุ๊กกี้’- ปวีณ์นุช แพ่งนคร หรือผู้หญิงตัวเล็ก ผิวเข้ม สายฮา ที่เรามักติดลุกส์เจ๊โฉม จากซิตคอม เนื้อคู่อยากรู้ว่าใคร หรือชลลี่ จากซีรีส์ น้ำตากามเทพ ที่ในครั้งนี้แม่อย่างปุ๊กกี้ พร้อมแล้วที่จะมาเผยความนัยในฐานะมนุษย์แม่พร้อมกับความสนุกปนความเหนื่อย สุดท้ายกลายมาเป็นผลลัพธ์ที่เรียกว่า ‘มนุษย์ลูก’ สามารถทำให้ยิ้มได้ไปทั้งใบหน้าและครึกครื้นไปทั้งหัวใจ

 

คุณรู้สึกอย่างไรในวันแรกที่เข้ารับตำแหน่งคุณแม่มือใหม่

     ตอนนั้นเราอายุแค่ 28 ปีเอง เราเป็นคุณแม่เพราะแต่งงานเร็วมาก สวยมาก (ขำ) และมีลูกคนแรกเลย ก็คือน้องพุทธ ตอนนี้อายุ 11 ปี จำได้เลยว่าช่วงนั้นเราเพิ่งข้ามจากความเป็นวัยรุ่นมาหมาดๆ ยังเที่ยวกลางคืน ยังสังสรรค์กับเพื่อนๆ อยู่เลย แต่พอมีน้องพุทธ ชีวิตของเราก็เปลี่ยนอย่างแรง นั่นทำให้เรารู้สึกเศร้าเหมือนกัน เรามองตัวเองแล้วนึกในใจว่า เอ๊ะ! นี่เพื่อนยังไปเที่ยวกันทุกวันศุกร์อยู่เลย ฉันคือเอาลูกเข้าเต้าอยู่ เลื่อนฟีดเห็นเพื่อนนั่งดื่มกันอยู่ แต่ฉันกำลังปั๊มนมวนไปอยู่อย่างนี้

     หรือบางวันก็รู้สึกว่า เพื่อนที่เขาไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูกนี่ดีจังเลย ไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ เที่ยวเมืองนอกเมื่อไหร่กับใครก็ได้ จะไปกินติ่มซำที่ฮ่องกงก็ไปได้เลย ทำไมเราทำไม่ได้ โอ๊ย… มันยากไปหมด จะไปไหนทีก็ยาก ต้องฝากลูก ต้องแพลนว่าให้ยายมาช่วยเลี้ยง ทำไมชีวิตฉันยากจัง

ที่คุณเศร้าเพราะยังไม่พร้อมมีลูก หรือเศร้าเพราะการเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน

     เศร้าเพราะช่วงแรกๆ เราปรับตัวไม่ค่อยได้ มีแอบร้องไห้บ้าง เพราะอยากออกไปข้างนอก แต่พอลูกชายอายุได้ขวบกว่าๆ เรากลับรู้สึกว่าฉันไม่อยากออกไปข้างนอกอีกแล้ว เหมือนการมีลูกทำให้เราโตขึ้นแบบก้าวกระโดดมาก แต่ก็ยอมรับเลยว่าการเลี้ยงลูกเล็กๆ ตอนแรกๆ เป็นงานที่หนักมาก

     ลูกคนแรกก็จะหนักหน่อย เราไม่รู้ว่าลูกร้องไห้ทำไม ทำยังไงดี พอหันไปทางสามีก็แบบว่า ช่วยฉันไม่ได้เลย (หัวเราะ) ก็เลยทำให้การเลี้ยงลูกคนแรกมีความขรุขระนิดหน่อย แต่หลังจากนั้น พอได้คุณปู่ คุณย่า มีคุณแม่เรา คุณยายมาช่วยดูแล เราได้รับประสบการณ์การเลี้ยงลูกมาจากพวกท่าน ทำให้ทุกอย่างมันค่อยๆ ดีขึ้น ราบรื่นขึ้น พอมีลูกคนที่สองก็เป็นผู้ชายอีกคือน้องพีพะ ตอนนี้ 7 ขวบ ตอนนั้นเราก็ไม่เศร้าแล้ว เพราะรู้สึกว่าฉันคือโปรเฟสชันแนลในการเลี้ยงลูก

ต่อให้เป็นโปรเฟสชันแนลแค่ไหน อาชีพแม่ก็ยังเหนื่อยสุดในบรรดาทุกอาชีพที่คุณทำมาจริงไหม

     จริง และก็เหนื่อยที่สุด เพราะการเลี้ยงคนให้โตขึ้นมาคือสิ่งที่ยากที่สุด ยากกว่าการทำงานทุกงานที่เคยทำมาในชีวิต การเลี้ยงลูกอาจจะดูเหมือนง่าย เราเห็นว่าเป็นเด็กๆ น่ารัก ไร้เดียงสา แต่จริงๆ แล้ว การที่เราพูดแต่ละอย่างส่งผลกับชีวิตของเขาทั้งนั้น การกระทำของเราเองก็เช่นกัน ทุกๆ อย่างรอบตัวลูกก็ด้วย มีผลไปทุกอย่าง มันยากไปหมด

ที่คุณว่ายาก ความยากนั้นคืออะไร

     ความยากนั้นอยู่ตรงที่ เราในฐานะแม่จะเลี้ยงลูกให้เป็นคนอย่างไรต่อไป หากเปรียบเทียบตอนที่เราอยู่ในอาชีพคนเขียนบท เราดีไซน์บทบาทของตัวละครได้ จะต้องเล่นแบบนี้ ยิงมุกแบบนี้ ต้องตลกแน่เลย คนดูต้องชอบ ต้องปัง แต่กับลูกเราทำไม่ได้อย่างนั้น เราแพลนไม่ได้เลย เราไม่รู้เลยว่าข้างหน้าลูกจะเจอกับอะไร จะเป็นยังไงต่อล่ะ เรากังวลไปหมด แต่ในความกังวล เราก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องท้าทายคนเป็นแม่อย่างหนึ่งเหมือนกัน

 

ยิ่งท้าทาย ยิ่งเหนื่อย คุณให้ความเหนื่อยนั้นระดับไหน

     คูณร้อย เพราะว่ามันเหนื่อยมาก ยิ่งคนเป็นแม่และทำงานไปด้วย เป็นความเหนื่อยและยากเป็นพันๆ เท่า แต่ถึงแม้จะยากแค่ไหน เราก็ต้องพยายามชมตัวเอง ไม่งั้นจะท้อ เราต้องบอกว่า ฉันก็เก่งนะ ผ่านมาได้ เราผ่านความเหนื่อยขนาดนั้นมาได้ ยิ่งตอนที่คลอดลูกใหม่ๆ และต้องออกไปทำงานเลย โอ้โฮ… เราร้องไห้ทุกวัน มีความรู้สึกที่เรียกว่า Baby Blue ซึมเศร้าหลังคลอดบวกเข้ามาอีก เศร้าก็เศร้า แต่งานก็ต้องออกไปทำ แถมนมก็ต้องให้ จนเราพูดกับตัวเองว่า ทำไมเป็นแม่มันยากอย่างนี้วะ แต่ก็ได้แค่คิด ท้ายสุดเราก็สู้ต่อไป เพราะในวันนี้เราเลี้ยงลูกตัวเอง ทำให้เรารู้สึกเลยว่าแม่ของเราเก่งมาก เลี้ยงฉันจนเติบโตมีการงานที่ดีทำ นี่แหละชีวิตมนุษย์แม่ เป็นอาชีพที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกนี้แล้ว

จากความกังวลต่างๆ ความยากและความเหนื่อย กลายมาเป็นความสนุกในการเลี้ยงลูกได้อย่างไร

     เราคิดว่าเราแอบเป็นคุณแม่ที่คล้ายๆ เป็นไบโพลาร์นิดหน่อย เราก็งงตัวเองเหมือนกัน เพราะว่าบางทีเราก็เลี้ยงลูกแบบตลกมากๆ ปล่อยฟรีมาก เล่นไปเลย ทำบ้านเละไปเลย จะเล่นอะไรก็ได้ พูดคำที่ไม่เหมาะสมบ้างก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความถึงคำหยาบคาย แต่เป็นคำที่เขาพูดตามในทีวี แล้วเราบอกว่า ห้ามพูด ซึ่งบางครั้งถ้าลูกพูด เราก็ปล่อยๆ ไปเพราะเขาก็เป็นผู้ชาย แต่อีกพาร์ตหนึ่งก็กลายเป็นองค์ลงแบบมีวิญญาณของคุณยายอี๊ด (คุณแม่ของปุ๊กกี้) เข้าสิง ที่ทุกอย่างจะต้องเก็บให้เรียบร้อย และบ่นลูกทั้งวัน เข้มงวดขั้นสุด ซึ่งจริงๆ เราก็มีทั้งสองพาร์ตและพยายามบาลานซ์ เช่น เวลาเล่น แม่ให้เล่นเต็มที่ แต่เวลาที่ต้องอยู่ในกฎระเบียบก็ต้องเป๊ะเหมือนกัน

     จนถึงวัยที่เขาโตพอ เขาจะมีวินัยและดูแลตัวเองได้ดีสมวัย อย่างกิจวัตรของเด็กๆ ก็คือหนึ่งทุ่มตรงต้องเก็บกิจกรรมทุกอย่างและเตรียมตัวไปอาบน้ำ ทุ่มครึ่งอาบน้ำเสร็จ ก็จะเป็นช่วงเวลาที่แม่ลูกคุยกัน อย่างวันนี้ทำอะไรบ้าง ใครทำไม่ดีบ้าง วันนี้เพื่อนแกล้งไหม เป็นช่วงของการฟ้อง เราก็รับฟัง พอสองทุ่มก็ส่งเข้านอนทันที จะเป็นแบบนี้ทุกวัน

แต่ดูเหมือนว่า คุณจะเอนเอียงไปทางฝั่งจิตวิญญาณของคุณยายอี๊ดเสียมากกว่า

     เอาจริงๆ แล้วตัวเราเองก็ไม่ใช่คนมีวินัย แถมเสียวินัยบ่อยมาก เราเลยมาคุยกับสามีว่า จริงๆ แล้วเราควรแบ่งพาร์ตกัน คุณต้องยกให้ดิฉันเป็นพาร์ตที่เข้มงวดเล็กน้อย ฉันจะไม่เล่นตีหมอนข้างกับลูกเด็ดขาด เสียเกียรติความเป็นแม่เป๊ะๆ หมด (หัวเราะ) ส่วนคุณก็เป็นฝ่ายเอนเตอร์เทน พาไปเล่น ปั่นจักรยาน เล่นด้วง ซึ่งแม่เกลียดมาก แต่เมื่อกลับมาจะต้องล้างมือให้สะอาดทุกซอกทุกมุม ซึ่งลูกก็ปรับตัวได้ดี เวลาอยู่กับพ่อก็จะสบายมากกว่าอยู่กับแม่ แต่อยู่กับแม่ก็สบายได้นะ ขออย่าเกินขอบเขต เดี๋ยวแม่จะแปลงร่าง

หากให้เดา คุณคงจะแปลงร่างบ่อย

     ใช่เลย แต่ก็คงไม่มีคุณแม่คนไหนที่ไม่เคยแปลงร่างนะ… จริงมั้ย เช่น บางครั้งมีอารมณ์ที่ค้างมาจากการถ่ายละคร แล้วเหนื่อยมาก ลูกก็ยังมาดื้อกับฉันอีก ฉันต้องระเบิดลงกับใครสักคน ก็ลูกนี่แหละ ลูกรับกรรมไป (หัวเราะ) แต่เป็นระเบิดแค่ทำเสียงดัง ดุแรงๆ หากดื้อมากๆ เพราะเรารู้สึกว่า เราไม่ได้เลี้ยงลูกแบบต้องมาปลอบตลอดเวลา ว่าไม่ได้เดี๋ยวเสียใจไปเก็บตัวในตู้เสื้อผ้า เราไม่ชอบ เราก็เลี้ยงลูกแบบที่เราเคยถูกคุณยายอี๊ดเลี้ยงมา

 

สไตล์การเลี้ยงลูกของคุณยายอี๊ดเป็นแบบไหน

     คุณแม่มีความเป็นระเบียบ ที่ผสานความตลกได้อย่างลงตัว ตัวอย่างความตลกที่เป็นระเบียบคือเด็กสองคนนี้สามารถตื่นเช้าได้ผ่านเสียงนาฬิกาปลุกที่แบบแค่เสียง ตึ้ด ตึ้ด ตึ้ด ตึ้ด ไม่ได้ ต้องไปโหลดเสียงไก่กะต๊าก เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก พอตื่นแล้ว ก็ลุกขึ้นมาเต้นท่าไก่ แล้วก็ร้องไก่ขันไปจนถึงห้องน้ำ (หัวเราะ) คือลูกชายดิฉันธรรมดาไม่ได้ (หัวเราะ) และนี่ก็คือตัวอย่างจากวิธีของคุณยาย ซึ่งเราเองก็ต้องหาอะไรใหม่ๆ มาให้ลูกเหมือนกัน

ในเสียงหัวเราะของคุณ เราสัมผัสได้เลยว่าคุณมีความสุขและรู้สึกสนุกมากกับการมีลูกชาย

     ใช่ เพราะเรารู้สึกว่าลูกชายเหมาะกับเรา ถึงแม้เด็กชายจะดื้อจะซน แต่ทั้งคู่ก็เป็นเด็กที่เชื่อฟัง และก็มีความเป็นเพื่อนกัน เข้าใจกันในฐานะผู้ชาย เล่นอะไรเหมือนๆ กัน แต่มีบ้างที่วัยต่างกัน พี่น้องจะปรับจูนกันไม่ได้ เช่น พี่ไม่เล่นกับน้อง เพราะรู้สึกว่าน้องเด็กมาก เล่นอะไรก็ไม่รู้ติ๊งต๊อง ส่วนพี่ก็อยู่ในวัยที่เริ่มเข้าใจโลกมากขึ้น ก็จะดูเป็นผู้ชายคูลๆ ขึ้น และพี่คนโตทำให้เรารู้สึกว่า เขาช่วยแม่ดูแลน้องได้ ตอนนี้ชีวิตเบามาก เพราะว่าลูกชายดูแลให้ (หัวเราะ)

เมื่อคุณสนุกไปกับลูก จึงทำให้ลูกเป็นเด็กชายอารมณ์ดีมีเสียงหัวเราะเป็นเพื่อนใช่ไหม

     เราคิดว่า ลูกจะซึมซับอารมณ์ของพ่อแม่ ถ้าเขารู้ว่าจริงๆ แล้วพื้นฐานอารมณ์พ่อแม่คือคนตลก เป็นคนอารมณ์ดี เป็นคนมองโลกในแง่ดี เราว่าลูกก็แทบจะไม่ต่างจากเรามากนะ เราตลก ลูกเราสองคนก็ตลกทั้งคู่ คนโตจะตลกแบบเงียบๆ เก็ตมุกแม่ ขำนะแต่ไม่แสดงออก แอบมีกำแพงในใจว่าฉันจะไม่เล่นมุกออกมา เดี๋ยวฉันจะไม่คูล แต่คนเล็กนี่โอเพนมาก ทำหน้าทุเรศทุรัง เขาปล่อยออกมาเต็มที่ไม่มีกั๊ก คุณอาจจะเห็นว่าคนเล็กใส่แว่นนี่น่าจะเรียบร้อย แต่นี่คือซูเปอร์ของความซนและแสบที่สุดเลย

เมื่อเป็นแม่ ชีวิตก็แทบจะวุ่นวายอยู่กับลูกเป็นส่วนใหญ่ จริงไหมที่อาจจะทำให้ละเลยสามีไป

     จริง คนเป็นแม่จะโฟกัสอยู่กับลูกมากๆ โดยเฉพาะช่วงมีลูกใหม่ๆ จนลืมผัวไปเลย แต่วันหนึ่งเราจะรู้สึกได้เอง ไม่ต้องมีใครมาเตือน เพราะหน้าเขาจะหมองๆ เหมือนคนขาดการดูแล (หัวเราะ) แต่ช่วงหลังๆ เราก็ดูแลเขาพร้อมกับเลี้ยงลูก เหมือนเขาเป็นลูกชายคนโต เพราะต่อให้เขาเป็นผู้ใหญ่ แต่เราว่าเขาก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ เขาเป็นคนสนุกสนาน เฮฮาเสมอเมื่ออยู่กับลูก แค่ดูแลเขาตามแบบฉบับของคุณพ่อ ส่วนเวลาของเราสองคนก็คือหลังจากส่งลูกเข้านอน เรายังคงนอนดูซีรีส์ด้วยกัน เล่นเกมเพลย์สเตชัน ทุกอย่างสอดคล้องกันไป เราใช้ชีวิตแบบเพื่อนกันมากกว่าก็เลยอยู่ด้วยกันได้

 

สิ่งที่ทำให้คุณมั่นใจกับแนวทางการเลี้ยงลูกในสไตล์ของคุณคืออะไร

     เรามาพบทางสว่างของการเลี้ยงลูกคือเลี้ยงแบบที่เราสบายใจที่สุด เพราะลูกคือคนที่เรารู้จักมากที่สุด รู้จักศักยภาพในตัวของเขามากที่สุด ทำให้เราจึงรู้ว่า ควรเลี้ยงเขาด้วยวิธีไหนมากกว่าการฟังคนอื่นแล้วมาเปรียบเทียบให้บั่นทอนตัวเอง

ในความคิดเห็นของคุณ เมื่อแม่เป็นทุกอย่างของลูก เป็นส่วนหนึ่งของพ่อ และเป็นคนสำคัญของบ้าน สิ่งใดหรือใครที่จะเติมพลังให้แม่ในวันที่เหนื่อยล้าถึงขีดสุด

     สามีคือคนนั้น สมัยตอนที่เราเลี้ยงลูกและทำงานไปด้วย เราคิดว่าหากไม่มีสามีคอยซัพพอร์ตทุกอย่างมันจะแย่ไปหมด สามีคือคนที่ส่งกำลังใจและช่วยเราเลี้ยงลูก แต่หากบางคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือไม่ได้อยู่กับสามี อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีใครสักคนที่เข้าใจ อาจจะเป็นเพื่อนหรือคุณแม่ก็ได้

     หากรู้สึกต้องการพลังมากๆ แล้วยังไม่ได้รับ รับได้น้อย หรือเหนื่อยกับการเลี้ยงลูกมากๆ ก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ เมื่อลูกอายุ 11 ขวบเขาจะอาบน้ำเองได้ แล้วเขาจะเอาน้องไปอาบน้ำด้วย และปล่อยให้แม่นอนต่อได้ ทุกวันนี้ดิฉันนอนยาวมาก เพราะลูกชายดูแลกันเองได้ คนโตตื่นตี 5.45 น. ไปปลุกน้อง สองคนไปอาบน้ำ แต่งตัว เตรียมกระเป๋า กระติกน้ำ หกโมงครึ่งมาปลุกแม่ แม่แค่ขับรถไปส่งเท่านั้นเองจ้า (หัวเราะ)

     และนี่คือความสำเร็จอย่างหนึ่งที่เรารู้สึกว่า คุณแม่คนไหนก็ทำแบบนี้ได้ แค่เรามีความมุ่งมั่นว่าฉันจะฝึกลูกให้เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ มีความสดใสและมีความคิดในแบบเขา เชื่อว่าวันนั้นของคุณจะมาถึง อยากให้อดทนรอ

เมื่อเป็นคุณแม่ที่รับตำแหน่งผู้หญิงทำงานหลายบทบาทด้วย คุณวางแผนอย่างไรบ้าง

     เอาจริงๆ ก็ไม่ได้จัดการวางแผนอะไรเลย (หัวเราะ) คือทุกอย่างในชีวิตตอนนี้ มันไหลลื่นมาก เป็นไปตามธรรมชาติ แต่หากถามว่าวางแผนชีวิตหรือเปล่า เราวางไว้แค่ระยะสั้นๆ มากกว่าวางแผนระยะยาว ว่าฉันจะต้องทำธุรกิจกินอันนี้เพื่อสร้างเงินในอนาคตไว้ใช้ตอนอายุสักหกสิบปี แบบนี้… ไม่มีค่ะ (หัวเราะ) แต่กลายเป็นว่าเราวางแผนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ สำหรับการใช้ชีวิตแบบวันต่อวันเยอะมากกว่า คงจะดีเอ็นเอนี้มาจากคุณยายอี๊ดเหมือนกัน คือเป็นผู้หญิงที่แบบคิดมาก คิดเยอะ

ความคิดเยอะของคุณนำมาใช้กับงานด้วยหรือเปล่า

     ก็น่าจะได้เอามาใช้ด้วย อย่างงานเขียนบทเรื่องล่าสุด ตุ๊ดซี่เดอะมูฟวี่ เป็นงานที่ต้องคิดเยอะมาก คิดหลายทาง เป็นเรื่องที่ยากมากเพราะตัวละครเยอะแถมตอนนั้นเรายังต้องถ่ายละครเรื่องใหม่ล่าสุด My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉินด้วย เรามีเวลาเขียนบทแค่หนึ่งชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ดังนั้น เราต้องรีบคิดมุก คิดอะไรขึ้นมาให้เร็วที่สุด เพราะว่าเวลามีค่ามาก

ยิ่งเลี้ยงลูกไปด้วย ทุกอย่างมันลงล็อกได้อย่างไร

     ก็ต้องจัดการให้ไว แต่หากจะมีปัญหาในทีมเขียนบท คงเป็นที่ดิฉันนี่ล่ะค่ะ (หัวเราะ) คนอื่นเขามีเวลากันหมด แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีและก็คิดว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ได้ร้อยล้านพันล้าน พูดเองเออเอง อยากให้ติดตามกัน เข้าฉายประมาณปลายปีนี้

เมื่อสักครู่คุณพูดถึงละครเรื่อง My Ambulance ได้ข่าวว่ารับบทเป็นนางเอก

     อุ๊ย! ไม่ใช่ค่ะ (หัวเราะ) ในเรื่องนี้น้อง ใหม่ ดาวิกา เป็นนางเอก ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ เป็นพระเอง ส่วนปุ๊กกี้เล่นเป็นพี่ตั๊ก พยาบาลรุ่นใหญ่ในหวอดฉุกเฉิน เป็นคนที่จัดการทุกอย่างหมดเลย โดยที่ความจริง ดิฉันไม่มีความรู้ทางการแพทย์เลย แต่อย่าได้กังวลไปค่ะ ดิฉันและทีมนักแสดงเลยไปเรียนและฝึกซ้อมการฉีดยา การใช้เครื่องปั๊มหัวใจ เป็นบทที่จริงจัง แต่ก็ยังมีพาร์ตตลก และดราม่าน้ำตาแตกด้วยจ้า ซึ่งก็เป็นงานยากเหมือนกัน เพราะปกติเป็นคนที่เล่นดราม่าได้ไม่ค่อยดี เล่นแล้วจะขำตลอด แต่ก็ผ่านมาได้ ดิฉันก็อยากจะฝากเรื่องนี้ไว้เช่นกัน เข้าฉายวันแรก 6 กันยายนนี้ ทางช่อง one 31 ค่ะ