คำว่า ‘มิตรภาพ’ นั้นจะเกิดขึ้นมาไม่ได้เลย ถ้าทั้งสองฝ่ายไม่มีปฏิสัมพันธ์ในทางที่ดีต่อกัน และในหลายๆ ครั้งสิ่งที่จะทำให้เราได้เพื่อนที่ดีกลับมานั้น ต้องเริ่มจากตัวเราเองเป็นผู้ให้ โดยไม่หวังอะไรตอบแทนเสียก่อน เหมือนกับที่ ‘ตุลย์’ – ตุลยเทพ เอื้อวิทยา ได้รับความผูกพันดีๆ กลับมาทั้งจากคนด้วยกันเอง และเรื่องราวที่สุดตื้นตันจากเจ้าลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ สุนัขแสนรักที่จากไปของเขา
เรื่องเล่าถึงมิตรภาพครั้งแรก
สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ได้ชื่อว่าเป็นสัตว์เลี้ยงที่เป็นมิตรกับคนที่สุดแล้ว จึงไม่แปลกใจว่าทำไมชายคนนี้ถึงยกให้มันเป็นเหมือนน้องชายคนเล็กประจำบ้าน และเสียใจอย่างมากเมื่อถึงวันที่มันต้องจากพวกเขาไป
“ผมเลี้ยงมันมาตั้งแต่อายุสองเดือนจนถึงสิบสามปี มันเพิ่งจากเราไปได้ราวๆ สองปีที่ผ่านมา จนวันนี้ผมก็ยังไม่คิดว่าจะหาสุนัขมาเลี้ยงใหม่เพราะไม่อยากให้ใครมาแทนที่มัน” น้ำเสียงที่ค่อยๆ แผ่วลงไปทำให้เรารู้สึกเศร้าตามไปด้วย “แต่ผมก็จะติดตามอินสตาแกรมทุกอันที่โพสต์อะไรเกี่ยวกับสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์นะ” เขาเปิดโทรศัพท์ให้ดูรูปภาพในอินสตาแกรมที่ติดตามไว้ ก่อนจะเล่าถึงความผูกพันในช่วงสุดท้ายที่มีต่อสุนัขของเขา
“ตอนนั้นมันแก่มากแล้วมีเนื้องอกที่ปอดด้วย มันก็จะมีอาการไอแห้งๆ ผมจำได้เลยว่าวันสุดท้ายของมัน เป็นวันที่ผมเข้าออฟฟิศช้า แต่มันก็นั่งรอจนผมกลับมา แล้วมันก็เดินมาหาผม จากนั้นก็เดินไปหาคนอื่นๆ จนครบ แล้วมันก็มานอนที่ตัก ผมก็ลูบหัวมันเบาๆ แล้วบอกว่า ถ้าไม่ไหวก็ไปนะ จากนั้นมันก็ถอนหายใจยาวๆ สองที แล้วก็ยืดขาตัวเกร็งนิ่งไป”
จากนั้นเขาก็เล่าถึงความผูกพันที่เกิดขึ้นทั้งการพาไปเที่ยวทะเล นั่งดูมันว่ายน้ำ และย้อนกลับไปถึงวันแรกที่ได้เจอกันว่า มันเป็นลูกสุนัขตัวเดียวจากในกลุ่มพี่น้องที่อยู่ๆ ก็เดินมาหาเขา “ผมคิดว่ามิตรภาพทั้งหมดนี้ เกิดจากเคมีบางอย่างของผมกับมันที่มีเท่ากันพอดี”
แฟชั่นคือความลงตัว
ความเข้ากันได้นั้นไม่เพียงแต่ใช่เชื่อมโยงไปยังความสัมพันธ์เท่านั้น แต่หมายถึงการเลือกเครื่องแต่งกายของตัวเองด้วย
“หลายครั้งที่ผมชอบสไตล์การแต่งตัวของใครบางคน แต่ให้ไปแต่งตัวแบบเดียวกับเขาผมก็แต่งไม่ได้ เพราะสไตล์ของเขาไม่เข้ากับเรา” ถ้าอย่างนั้นเคมีที่ใช่ระหว่างเขากับเสื้อผ้าที่ใส่ประจำเป็นแบบไหน นั่นคือสิ่งที่เราสงสัย และอยากรู้ทันที
“ผมชอบเสื้อผ้าที่ดูแล้วธรรมดา แต่ดูดี มีความขี้เล่นแฝงอยู่ เพราะถ้าเป็นเพื่อนสนิททุกคนจะบอกว่าผมเป็นคนตลก แต่สำหรับคนไม่รู้จักเขาจะมองว่าตุลยเทพ เป็นผู้ชายที่เหมือนจะดุ
“ผมชอบเสื้อผ้าที่ใส่สบายไม่ต้องตามแฟชั่นมากเพราะตอนนี้อายุเยอะแล้ว” เขาพูดพร้อมกับหลุดหัวเราะออกมา “ถ้าให้เดินไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ ผมก็จะหยิบเสื้อยืด กางเกงยีนส์หรือกางเกงวอร์ม แล้วก็จบที่รองเท้าผ้าใบ” โดยเฉพาะกับแบรนด์เสื้อผ้าถ้าเขาจะเลือกก็จะเลือกยี่ห้อที่เขาไว้วางใจเป็นอันดับแรก โดยให้เหตุผลว่า “แบรนด์จะแสดงถึงบุคลิก และตัวตนของเรา ถ้าเราชอบแบรนด์ไหนก็แสดงว่าเราถูกชะตากัน เหมือนตอนที่เจอกับสุนัขของผมครั้งแรก เป็นความรู้สึกของเคมีที่ลงตัว เสื้อผ้าก็เหมือนกันถ้ามองแล้วว่าไม่ใช่ตั้งแต่แรกทำอย่างไรก็ไม่อยากใส่”
มิตรภาพครั้งใหม่ในชีวิต
ตุลยเทพเป็นคนหนึ่งที่ตั้งแผนการใช้ชีวิตของตัวเองไว้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านของการทำงานหรือการออกไปร่วมรายการวิ่งต่างๆ ทั้งใน และต่างประเทศ โดยทุกครั้งที่เดินทางในแต่ละปี เขาก็จะได้รับมิตรภาพที่แน่นแฟ้นกลับมาเสมอ
“ปีที่แล้วผมไปวิ่งเทรลหนึ่งร้อยกิโลเมตร ที่ตำบลโป่งแยง จังหวัดเชียงใหม่ ตอนที่วิ่งเราจะได้เจอพี่คนหนึ่งตลอดเวลา ผลัดกันแซงบ้าง ผมวิ่งตามหลังเขาบ้าง ไปถึงจุดพักก็จะเจอเขา เพราะเราวิ่งในระยะทางที่ไล่เลี่ยกัน จนในที่สุดผมตัดสินใจชวนเขาคุย แล้วก็เหมือนเราสนิทกันทันที ต่างคนต่างเล่าว่าไปวิ่งรายการไหนมาบ้าง เพราะในจังหวะที่วิ่งด้วยกันสิบกว่าชั่วโมงเหมือนกับเราไปเที่ยวด้วยกันมาหนึ่งอาทิตย์ เราเปิดใจคุยกันทุกเรื่องทั้งเรื่องบ่นว่าตัวเองจะมาลำบากแบบนี้เพื่ออะไรทำไมไม่นอนอยู่บ้าน เหนื่อยจนวิ่งไม่ไหวก็บ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ด้วยกันไปเรื่อยๆ” ตุลยเทพหัวเราะออกมาดังๆ และเราก็เชื่อแล้วว่าชายคนนี้เป็นคนตลกจริงๆ
“ผมได้เพื่อนหลายคนจากการไปวิ่ง หลังแข่งเสร็จเราจะแอดเฟรนด์กัน ว่างๆ ก็จะเข้าไปคอมเมนต์ไปแซวกันในสเตตัส และอัพเดตว่าใครจะไปรายการวิ่งที่ไหนบ้าง ผมเชื่อว่าเมื่อเจอกันอีกครั้ง พวกเราจะสามารถพูดคุยกันได้อย่างสนิทสนม ไม่มีกำแพงอะไรมากั้น เพราะเราผ่านกันมาหมดแล้วเหมือนคนที่ไปรบด้วยกันมา และผมก็คิดเหมือนกันว่าถ้าต้องวิ่งอยู่คนเดียวเป็นสิบชั่วโมง บางทีเราอาจจะไปไม่ถึงเส้นชัยก็ได้ การมีเพื่อนร่วมทางเหมือนกับเขาคอยดูแลเรา และเราก็ช่วยดูแลเขาทั้งๆ ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
เราเชื่อว่านี่แหละคือ ‘เคมี’ที่เข้ากันจนเกิดเป็นความหมายของคำว่ามิตรภาพอย่างแท้จริง