พราย ปฐมพร

‘ชีวิตสอนให้รู้ว่า ทุกชีวิตล้วนมีค่า… อย่าเพิ่งรีบตาย’ Life Manifesto โดย พราย ปฐมพร

ถ้าคุณได้ฟังเขาร้องเพลง ได้ดูการแสดงบนเวที แล้วไม่เกิดหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวเขาอย่างหนักหนา คุณก็อาจจะส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจ หรือพาลเกลียดเขาเข้าไส้เลยก็ได้ ซึ่งไม่ว่าจะเห็นอย่างไร ‘พราย’ – ปฐมพร ปฐมพร ก็น้อมรับคำวิจารณ์จากพวกคุณทุกคน แต่เขาก็จะยืนยันต่อหน้าพวกคุณเช่นกันว่า นี่คือเส้นทางที่เขาเลือกอย่างไตร่ตรองที่สุดแล้ว

     เขาคือศิลปินผู้ใช้ชีวิตไปกับการทดลอง ทดสอบ เรียนรู้ เพื่อสร้างรูปแบบของตัวเอง ภายใต้คำถามสั้นๆ ง่ายๆ ที่ตอบยากอย่าง ‘เราเกิดมาทำไม?’ ผ่านบทเพลงหลากหลายอารมณ์ ทั้งโกรธเกรี้ยว ก่นด่า อ่อนแอ แข็งขืน บางผลงานก็ดูเหมือนเขาร่ายบทสวดมากกว่าร้องเพลง อีกทั้งยังสร้างเอกลักษณ์ให้คนจดจำด้วยการเพนต์ตัวเป็นสีฟ้า เหลือไว้เพียงแค่ดวงตาที่จ้องมองมาที่เรา ก็ยิ่งทำให้เขาดูลึกลับมากขึ้นไปอีก หรือหากคุณยังพอจำได้ ครั้งหนึ่งเขาเคยเปลือยกายถ่ายภาพเพื่อโปรโมตอัลบั้มที่ถูกวิจารณ์หนาหูเมื่อหลายสิบปีก่อน

     สิ่งเหล่านี้เองคือสิ่งที่เขานิยามไว้ว่าเป็นบททดสอบความกล้าหาญ ความอดทน ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เชื่อว่าตัวเองเกิดมาเพื่อเอาชนะความกลัว ออกจากกรอบของศีลธรรม ประเพณี และศาสนา เพื่อค้นหาศักยภาพของตัวเองด้วยตัวเอง

     บทความนี้ได้สรุปบทเรียน ทัศนคติต่อโลก และคำตอบของการมีชีวิตที่เขาค้นหามาตลอด 57 ปี จากการสัมภาษณ์ในวาระที่เขามีผลงานล่าสุดกับค่ายสนามหลวงมิวสิค ในอัลบั้มที่มีชื่อว่า Life is Precious ที่พยายามจะบอกกับพวกเราทุกคน โดยเฉพาะในห้วงยามที่โรคซึมเศร้าแพร่ระบาดกลายเป็นโรคแห่งยุคสมัยว่า

     “เรารู้ว่าเราคือธุลีในอวกาศ แต่ในขณะเดียวกันเราก็เป็นหนึ่งเกสรอันงดงามของโลกใบนี้ด้วย แน่นอนว่าเรามีค่า แล้วเราก็อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขามีค่าเหมือนกับเรา คุณมีคุณค่ามากนะ เพราะฉะนั้น คุณอย่าเพิ่งรีบตาย”

 

พราย ปฐมพร

 

มนุษย์… เกิดมาพร้อมความกลัว และมีชีวิตเพื่อปลดปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระ

    “ในวัยเริ่มต้นของชีวิต เราทุกคนจะถูกกรอบไว้โดยการเลี้ยงดู ศีลธรรม ธรรมเนียม และประเพณี หรือแม้แต่ศาสนา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้เข้ามาสร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กๆ ทุกคน ทำให้เราไม่มีอิสรภาพในการที่จะกล้าคิดหรือจินตนาการ แต่พอเติบโตขึ้น ชีวิตเราจะเริ่มผ่านความกลัวทีละขั้น ในแต่ละสเต็ปของวัย ตั้งแต่อายุ 20, 30, 40 จนกระทั่งปัจจุบันที่เราอายุ 57 ปี ได้ผ่านการล้มลุกคลุกคลาน ถูกตำหนิ โดนเกลียดชังมาสารพัด จากทั้งคนในครอบครัว หรือแม้กระทั่งญาติพี่น้อง

     “มนุษย์ทุกคนต้องเจอแบบนี้ ตั้งแต่เกิดมาเราทุกคนจึงมีความกลัว มีปมของตัวเองซ่อนอยู่ สิ่งเหล่านี้เองได้เข้ามาท้าทายความเป็นมนุษย์ให้เราต้องแก้ปมด้วยการค่อยๆ สร้างศักยภาพของเราเองขึ้นมา เพื่อให้เราได้เป็นอิสระ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ยากพอสมควร”

 

มนุษย์… ทุกคนมีสิทธิ์จะคิดฝัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่พร้อมจะเข้าใจ

     “เราเป็นคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ความคิดของเราไม่ได้ล้ำลึกและกว้างขวางพอที่จะไปพูดให้ใครต่อใครฟังได้ทุกคน การแสดงบนเวทีของเราส่วนใหญ่ก็ออกมาจากสัญชาตญาณ การให้มาเล่าว่าเราคิดเห็นแบบไหนหรือเป็นคนอย่างไรผ่านการสัมภาษณ์มันไม่ใช่การใช้สัญชาตญาณ มันเลยไม่ง่าย มันคล้ายกับการถูกบีบจากอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อให้เราบอกความเป็นตัวเองออกมา แล้วไอ้ความเป็นตัวเราเองมันก็ไม่สามารถจะบอกออกไปได้อีก คุณไม่มีทางที่จะรู้ว่าตัวเราเองจริงๆ เป็นอย่างไร คนที่เขาอยู่ใกล้เราก็ไม่รู้ แม้แต่ตัวเราเองในบางครั้งก็ยังไม่รู้เลย

     “สำหรับเราตอนนี้ เรารู้แค่ว่าเรามีสิทธิของความเป็นมนุษย์ในการที่จะคิดฝันเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ที่ผ่านมาเรากลับถูกตำหนิ ต่อว่า เราเองไม่ได้อยากจะไปทำให้คนอื่นเขามาอารมณ์เสียกับเราเหมือนกัน แต่เราก็ต้องปกป้องสิทธิของตัวเราเองด้วย ทำอย่างไรให้ไม่สูญเสียศักยภาพของเราไป เราจึงเลือกที่จะสื่อสารผ่านบทเพลง ผ่านการแสดง ผ่านการกระทำ ซึ่งก็จะมีแค่บางคนที่เขาอาจเคยรู้สึกแบบเดียวกับเราเท่านั้นที่จะรับได้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจ เมื่อรู้อย่างนี้เราก็พร้อมที่จะโดนตำหนิ ต่อว่า ไม่ว่าจากทางไหนก็ตาม แล้วเราก็โดนมาตลอดจนเป็นเรื่องธรรมดา

 

พราย ปฐมพร

 

มนุษย์… ควรทำความเข้าใจตัวเอง

     “การทำความเข้าใจตัวเองคือเรื่องสำคัญและเป็นหน้าที่ของเราทุกคน เพราะเราเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ที่เกิดมาแค่สืบพันธุ์แล้วตายจากไป ชีวิตมนุษย์ไม่ใช่แค่นั้น มันมีคำถามมากมายที่ต้องตอบ นักวิทยาศาสตร์อาจใช้กรอบคิด วิธีการของเขาในการหาคำตอบ จิตรกรก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามทุกคนล้วนมีหน้าที่ในการไปแสวงหาคำตอบ

     “เช่นเดียวกับการที่เราได้มาพบกันครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะได้มานั่งพูดคุยกัน ซึ่งถ้าบทความนี้ออกไปก็อาจจะไปส่งผลให้คนคนหนึ่งเกิดความสนใจ ทำให้เขาเริ่มใคร่ครวญเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ในตัวของเขาเอง ลองหาคำตอบว่าเขามีศักยภาพที่จะเพิ่มเติมจากเรื่องเดิมๆ ที่เขาเคยทำ เช่น การตื่นเช้า ออกไปทำงาน รอรับเงินเดือน ผิดหวังเสียใจ มันมีอะไรที่ดีกว่านี้ไหม แต่ละคนจะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน เราไม่สามารถจะไปบอกเขาได้ ทุกคนต้องตามหากันเอง เพียงแต่ถ้าถามเรา เราก็จะตอบว่า เราคือมนุษย์ที่พยายามจะใช้ศักยภาพของความเป็นมนุษย์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งที่เราทำมาก็ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง

     “เวลามีปัญหา เราจะไม่ถือโทษโกรธใครก่อน แต่จะพยายามค้นหาว่า ต้นเหตุของความคับข้องใจมันเกิดจากอะไรกันแน่ ทุกคนต้องพยายามตอบให้ได้ว่าการที่คุณไม่พอใจ รู้สึกสูญเสีย หรือเกิดความแหลกสลายในจิตใจมันเกิดจากสาเหตุใด ถ้าคุณไม่คิดเรื่องนี้เลย นั่นแปลว่าคุณก็ไม่ได้ใช้ศักยภาพของความเป็นมนุษย์อย่างเต็มกำลัง ถ้าคุณใช้วิธีการแบบเดิมๆ คุณก็จะเจอแต่เรื่องเดิมๆ ตลอดชีวิต ทำงาน ซื้อบ้าน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เดิมๆ แบบนั้นแล้ววันหนึ่งก็ตายจากไป ซึ่งสังคมเรามีคนแบบนี้มากมาย แต่เราไม่ว่ากล่าวเขาหรอก เขาไม่ใช่คนโง่ เพียงแต่ว่าเขาไม่สนใจเท่านั้นเอง เพราะเขาเลือกจะเป็นแบบนั้น แต่ถ้าเขาเกิดคำถามขึ้นในใจแล้วพยายามถามต่อ เขาก็จะได้ประโยชน์ทันที

     “ทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน แต่คนที่สนใจตัวเองมีสักกี่คน เพราะว่าคนส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่องข้างนอกกันหมด บังเอิญว่าเราโชคดีที่เริ่มเรียนรู้ เหมือนคนที่เริ่มออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน วิ่ง ร่างกายมันก็จะเริ่มแข็งแรง ส่วนเราก็ออกกำลังใจ หาวิธีออกกำลังใจให้จิตใจเริ่มแข็งแรง เพราะฉะนั้น เวลา 24 ชั่วโมงที่เรามีเท่ากับคนอื่นๆ เราจะแบ่งใช้ไปกับการออกกำลังใจด้วย

     “คำแนะนำคือ ถามตัวเองว่าตอนนี้จิตใจเราเป็นอย่างไร อยากให้มันแข็งแรงขึ้นไหม ถ้าอยาก มันมีวิธีนะ แต่ต้องหา ไม่ใช่มาบอกกันได้เลย เพราะเพียงวิธีเดียวที่เราเลือกใช้มันไม่ใช่วิธีที่ดีสำหรับทุกคน ใช้กับคนนี้ได้ไม่ได้หมายความว่าจะใช้กับคนอื่นๆ ได้ ของแบบนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ คำพูดเดียวที่เป็นสัจธรรมที่สุดคือ เราต้องเข้าไปสัมผัสด้วยประสบการณ์ของตัวเราเองเท่านั้น”

 

ชีวิต… คือการทดลองและเรียนรู้เพื่อสร้างรูปแบบของตัวเอง

     “ชีวิตที่ผ่านมาเป็นเหมือนการทดลอง ทดสอบตัวเอง บางทางอาจจะใช่ บางทางอาจจะไม่ใช่ คำตอบที่ได้มาในแต่ละช่วงชีวิตทำให้คนเราเปลี่ยนไปเรื่อยๆ แต่เราเชื่อว่าอย่างน้อยๆ ทุกคนจะมีรูปแบบเกี่ยวกับตัวเองที่เขาสร้างขึ้นมา เราก็สร้างรูปแบบของตัวเองขึ้นมา ซึ่งภายใต้ความเปลี่ยนแปลงในทุกๆ วันของเรา เรากลับพบรูปแบบที่ชัดเจนขึ้นจนกระทั่งรู้สึกว่า เฮ้ย มันอาจจะมีเราอยู่ในดาวดวงอื่น มันมีลักษณะแบบเดียวกันนี้ในมนุษย์อีกพวกหนึ่งหรืออีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง ซึ่งมันอาจจะเชื่อมต่อกันด้วยวิธีที่ไม่ใช่การสื่อสารโดยการพูดกันแบบนี้ เราเชื่อว่ามันยังมีวิธีสื่อสารแบบอื่นๆ อีก

     “การสื่อสารผ่านเพลงมันทำให้เราใกล้ธรรมชาติที่สุด เพลงเป็นเหมือนบทสวด เป็นดั่งการปลดปล่อยระบายความรู้สึกของเราออกมา มันมีท่วงทำนองและเนื้อหาทางความคิดที่ทำให้ได้ตระหนักรู้ถึงเรื่องราวใหม่ๆ มีเรื่องราวที่เราอยากจะสื่อไปถึงคนอื่น ซึ่งในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าเราบริสุทธิ์พอที่จะสื่อไปถึงใครทุกคนได้ มันส่งไปถึงเฉพาะคนที่เขามีลักษณะเดียวกับเราเท่านั้น เพราะฉะนั้น มันจะมีคนกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่มากนักที่รับในสิ่งที่เราสื่อสารออกไป เขาก็จะรู้สึกว่าเขามีเพื่อน ซึ่งเราจะเป็นเพื่อนผู้ออกเดินทางร่วมไปกับเขา เพื่อไปถึงตรงที่เรามีศักยภาพพอที่จะสู้ พอที่จะกล้าหาญในการเดินไปด้วยกัน เรามั่นใจได้ว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ไม่ต้องกลัวอะไรเลย”

 

พราย ปฐมพร

 

เพลง… คือการสร้างสรรค์เพื่อสะท้อนกำลังใจแก่คนฟัง

     “มีเรื่องเล่าในทำนองที่ว่า เพลงของ พราย ปฐมพร ได้ให้กำลังใจคนบางคน สร้างบางสิ่งบางอย่างให้กับคนฟัง ซึ่งทุกอย่างที่เราได้ยินมาล้วนเป็นเรื่องเล่าทั้งนั้น เราไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงมันเป็นอย่างไร แต่สิ่งเหล่านี้มันคือการสะท้อนกำลังใจกันไปมาระหว่างเรากับคนฟัง พลังงานที่ดีต่อกันมันจะสะท้อนกันไปมา เหมือนกับที่พลังงานที่ไม่ดีมันก็จะสะท้อนกันไปมาเช่นกัน

     “เพลงคงไม่ได้พาเราไปพบความจริงแท้ของชีวิต แต่เพลงทำให้ย้อนทบทวนถึงชีวิตที่ผ่านมา ตอนนี้เราเริ่มเข้าใจกฎเกณฑ์บางอย่างที่เมื่อตอนเด็กๆ เราไม่เข้าใจ เพราะไม่มีใครสอน ถ้าเราอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนเราก็จะเป็นแบบนั้น สังเกตดูได้จากลักษณะของคนในปัจจุบันที่ตื่นเช้ามาทำงานแล้วไม่รู้ว่าจะไปหาความจริงจากไหน ความจริงอยู่ในตัวเรา เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าจะไปเจอสิ่งที่ทำให้เขาตระหนักรู้ว่าจะต้องมาสนใจตัวเองทำไม เรื่องง่ายๆ แต่มันทำยาก ก็เพราะว่าเลือกที่จะไม่ทำ อย่างการออกกำลังกาย ทุกคนรู้หมดว่าดี แต่ไม่ทำ แล้วร่างกายจะแข็งแรงได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้เลย”

 

มนุษย์… ทุกข์โศกจากจุดเริ่มต้นเดียวกัน

     “ผมมีความสนใจและพยายามที่จะพูดคุยกับคนหนุ่มสาว แต่ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยด้วยสักเท่าไหร่ อาจเพราะเขากลัวหรือไม่กล้าเข้ามาคุยหรือเปล่า เราเองก็ไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือเราอยากจะรับฟังพวกเขาให้มากที่สุด โชคดีที่สื่อสมัยใหม่มีมากมาย ทำให้เราเข้าใจได้ว่าคนอื่นคิดเห็นอย่างไร หลายๆ ครั้งมุมที่เขาพูดออกมา เราก็รู้สึกว่ามันเหมือนเรานะ อาจจะสะท้อนผ่านคนละประเด็น แต่สุดท้ายความทุกข์ของมนุษยชาติมันคือเรื่องเดียวกันทั้งนั้น

     “คำถามต่อการมีชีวิต ความทุกข์โศก ความหวาดกลัว คือสิ่งที่มีร่วมกันในคนทุกยุคทุกสมัย คนที่เป็นโรคซึมเศร้าก็ใช่ว่าเพิ่งจะมีเดี๋ยวนี้ เมื่อก่อนก็มี หรือบางทียังไม่ทันซึมเศร้าเขาก็อาจจะตายไปก่อนแล้วก็ได้ สิ่งเหล่านี้มีอยู่เสมอ ไม่ต้องไปคิดมาก แล้วถ้ามองให้ลึกลงไป ปรากฏการณ์เหล่านี้มันสะท้อนไปถึงคำถามที่เราเฝ้าถามกันซ้ำๆ ว่า เราเกิดมาทำไม ซึ่งถ้าถาม พราย ปฐมพร เราก็ตอบว่า เราเกิดมาเพื่อพยายามทำศักยภาพของความเป็นมนุษย์ของเราให้ดีมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แล้วมันก็ต้องแลกมาด้วยการศึกษาหาความรู้ การอดทน ต้องทำหลายๆ อย่างเพื่อที่จะไปถึงคำตอบนั้น

     “เราไม่เคยพอใจอะไรในชีวิตเลย บางครั้งย้อนมองตัวเองแล้วก็รู้สึกว่า ในวัยนี้เราไม่ควรอยู่ตรงนี้แล้วแต่มันก็ยังอยู่ตรงนี้อยู่ดี บางอย่างที่เราไม่ชอบแต่ก็ยังต้องฝืนทำ ทุกคนเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด แต่มันมีความรู้สึกหนึ่งที่เรายอมรับด้วยกายและใจจริงๆ ว่าเราจะไปสู่หนทางเล็กๆ แคบๆ ที่เรากำหนดเองนี้ได้แค่ไหน นี่แหละคือศักยภาพของเรา เรารู้แค่ว่ามาถูกทางแล้ว เราพยายามต่อไปเรื่อยๆ ส่วนที่เหลือมันไม่ใช่หน้าที่ของเราแล้ว ก็แค่นั้นเอง

     “เราคือคนธรรมดาเหมือนกับคนอื่นๆ ร้อนก็บ่น หรือถ้าไม่อยากทนร้อนก็หนีไปอยู่ห้องแอร์ เรารู้ด้วยศักยภาพของเรา แต่ถ้าเราร้อนแล้วยังตำหนิตัวเองว่าทำไมเราจน แบบนี้ไม่มีประโยชน์ แอร์ฟรีก็มีเยอะแยะ ไปหาเอาสิ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการพบความจริงมันต้องพยายาม เช่น ถ้าเราอ้วนแล้วเราไม่แคร์ เราก็จะกิน แต่ถ้าเราอยากจะเรียนรู้ว่าการที่เราไม่กินมันมีประโยชน์อย่างไรบ้าง หน้าเด็กลง ไม่ต้องซื้อครีม ไม่ต้องใช้เครื่องสำอาง เพราะการที่เรากินน้อยมันทำให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วสดชื่นขึ้นด้วย ทำไมไม่ทำ ก็เพราะว่าอยากกินไง อีกอย่างคือ เรายังไม่รู้จริง ยังไม่ลองอด ยังไม่ลองไปศึกษา เหมือนเวลาที่เราร้อนแล้วไม่ทนร้อน หากเราพิจารณาตัวเองว่าร้อนแล้วเหงื่อไหล จากนั้นเกิดความหงุดหงิดใช่ไหม แล้วไงต่อ คือมันต้องมีความอดทนในการเฝ้ามองดูตัวเองแบบนั้น พอผ่านมันไปได้เราจะรู้เลยว่านี่คือการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง แล้วมันปรับใช้ได้กับทุกเรื่องเลย ความอดทนต้องมีในมนุษย์ทุกคน ถ้าเราไม่อดทน เรากลายเป็นสัตว์ไปแล้ว อยากกินก็กินไปเลย อยากสืบพันธุ์ก็เข้าไปสืบพันธุ์เลย ไม่มีการยับยั้งชั่งใจ”

 

พราย ปฐมพร

 

มนุษย์… สามารถล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ได้

     “หลายคนคิดว่าเราทำเพลงโดยไม่มุ่งชื่อเสียงเงินทอง แต่จริงๆ แล้วเรามุ่งนะ เพียงแต่มันไม่ได้ ก็ปล่อยมันไปเท่านั้นเอง คิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเรา ซึ่งในความไม่สำเร็จมันเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งที่ทำให้เรามีแรงผลักดันในแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ การทำงานที่แท้จริงสำหรับเราคือเราได้สร้างอะไรที่เป็นประโยชน์กับชีวิต กับโลกใบนี้ หรือกับประเทศนี้บ้าง? เรามีคุณสมบัติพอที่จะเป็นประโยชน์กับคนอื่นไหม? เท่าที่มองตัวเองมาก็คิดว่าเราพยายามจะอดทน มุ่งมั่น แล้วก็ไม่ยอมแพ้ในสิ่งที่ตัวเองคิด ไม่ว่าจะยังไง ใครไม่ยอมรับ แต่เราพยายามจะทำในสิ่งที่เราไตร่ตรองแล้วว่าดี แล้วเราก็ทำ ทำมันแล้วก็พลาดแล้วก็ทำมันอีก จนตอนนี้เรารู้สึกว่าคนที่รักเรา เขาอาจไม่ได้รักเพราะเพลงหรอก แต่เป็นเพราะว่าพลังแบบนี้ของเรามันส่งไปถึงเขาได้ เขาต้องมีบางมุมที่คิดเหมือนกับเรา แล้วเขาจะเอาตัวเองลุกขึ้นมา ล้มแล้วก็ลุกขึ้นใหม่ ทุกคนมีพลังของตัวเองที่ต้องค้นหาด้วยตัวเอง

     “เราเป็นคนที่ร้องไห้บ่อยมาก อะไรนิดอะไรหน่อยก็น้ำตาไหล แต่เราไม่เคยบอกตัวเองว่าเศร้า ไม่รู้จะเรียกว่าหลอกตัวเองหรือเปล่านะ ตั้งแต่เด็กแม่ตีเรา เราไม่ร้องไห้เลย มีแต่แม่ที่ตีเราไปแล้วร้องไห้ไปด้วย ล่าสุดเราร้องไห้เพราะดูซีรีส์ Game of Thrones มันทำให้เราคิดไปถึงคนเขียนบท คนกำกับ คนทำงานเบื้องหลังทั้งหลายที่มีความเป็นมืออาชีพมากๆ เราไม่คิดว่าซีรีส์โหดๆ แบบนี้จะพูดถึงเรื่องความรัก ความเสียสละ ความห่วงใย ซึ่งมันมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน ถ้าเราเป็นคนที่โดนตัดไข่ทิ้ง เจอเรื่องทุกข์ยากมากมายแล้วเราจะยังยืนหยัดทำสิ่งที่ถูกต้องอยู่ไหม มันยากมากนะที่เราจะยังยอมกลับมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ซีรีส์นี้จึงเป็นการให้กำลังใจเราทางอ้อม เหมือนกับเพลงที่เราพยายามแต่ง มันก็อาจจะเป็นกำลังใจทางอ้อมสำหรับคนอื่นก็ได้เช่นกัน”

 

ชีวิต… มีค่า อย่าเพิ่งรีบตาย

     “เราเป็นคนพูดแล้วเหมือนกับพร่ำเพ้อ ไม่ได้ใจความ จึงเลือกที่จะสื่อสารผ่านเพลง ซึ่งเพลงในระยะแรกๆ ของเรามันมาจากแค่อารมณ์หรือจินตนาการ แต่ตอนหลังมันชัดเจนมากขึ้น เรารู้ว่าเราคือธุลีในอวกาศ แต่ในขณะเดียวกันเราก็เป็นหนึ่งเกสรอันงดงามของโลกใบนี้ด้วย แน่นอนว่าเรามีค่า แล้วเราก็อยากให้คนอื่นรู้ว่าเขามีค่าเหมือนกับเรา คุณมีคุณค่ามากนะ เพราะฉะนั้น คุณอย่าเพิ่งรีบตาย เพราะที่สุดแล้วไม่ว่าเกสรนี้ปลิวไปตกที่ไหน หากมันได้น้ำ ได้ดินที่ดี มันก็จะงอกเงยขึ้นมาเป็นดอกไม้ แล้วก่อให้เกิดละอองเกสรอีกมากมาย วนกันไปแบบนี้ เพราะฉะนั้น ทุกชีวิตมีค่า

     “ในบางช่วงของชีวิตเราอาจรู้สึกไร้ค่า อาจมีปมด้อยอะไรสักอย่าง ซึ่งปมด้อยหรือความรู้สึกแย่ๆ เหล่านั้นมันก็ไม่ยอมออกไปสักที เหมือนคนที่เป็นโรคซึมเศร้าหลายคน ความรู้สึกเหล่านี้มันไม่ได้ออกไปง่ายๆ พวกเขาต้องร้องไห้เหมือนกับเรา แต่น่าเสียดายตรงที่พวกเขากลับมองเห็นแต่ความทุกข์ ความเศร้า ยิ่งจมดิ่งลงไปอีก อันนี้เราก็เข้าใจ ไม่ใช่ใครก็อยากฆ่าตัวตาย แต่เพราะเขาทุกข์ เขาทนไม่ไหวจริงๆ ลูกสาวสองคนของเพื่อนผมเป็นโรคซึมเศร้าทั้งคู่ วันๆ ไม่กินอะไรเลยนอกจากน้ำอัดลม จนทำให้พ่อที่ดูแลก็กลายเป็นซึมเศร้าไปด้วย เราทำได้แต่เข้าใจเขานะ แต่เขาก็ต้องเข้าใจตัวเองด้วยว่า เขากำลังเป็นโรค เมื่อเป็นโรคก็ต้องไปหาหมอ ต้องลองตั้งสติด้วยตนเองด้วยว่า อาการแบบนี้ไม่ดีแล้ว ต้องต่อสู้ ต้องสร้างพลังบางอย่างที่ทำให้ฮึดขึ้นมาให้ได้ ถ้ามันจะล้มไปอีกก็จะต้องฮึดขึ้นมาอีก คุณเข้มแข็งได้ เรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง ฝึกตัวเองได้ เพราะฉะนั้น ทุกคนมีหน้าที่ที่จะทำศักยภาพของมนุษย์ให้เข้มแข็งขึ้น แล้วมันก็ไม่ได้มีประโยชน์แค่ตัวคุณ คนรอบข้างก็จะได้ด้วย”

 


PRECIOUS 

ฟังเพลงในอัลบั้มล่าสุด Precious จาก พราย ปฐมพร ปฐมพร ได้แล้วในระบบสตรีมมิงทุกช่องทาง

YouTube Channel: Sanamluang Music

Spotify: https://open.spotify.com

Joox:  https://joox.page.link/Ck6mN

iTunes /Apple Music: https://itunes.apple.com/th