11 ภาพยนตร์

11 ภาพยนตร์ที่ให้แง่คิดเพื่อผ่านพ้นความทุกข์แห่งยุคสมัยและค้นพบความหมายของชีวิต

เคยมีคนบอกว่าการดูหนังดีๆ สักเรื่อง สามารถทำให้วิญญาณของเราสะอาดขึ้น ดังนั้น หลายๆ ครั้งการเรียนรู้ถึงหนทางของการแก้ปัญหาชีวิต เราสามารถใช้บทเรียนบางอย่างที่อยู่ในหนังมาประยุกต์ใช้กับตัวเองได้ และในท้ายที่สุด แม้เวลาเพียงสองชั่วโมงกับหนังสักเรื่องอาจจะช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็เชื่อว่าช่วงเวลาของหนังที่มีแง่มุมด้านบวกสักเรื่องนั้นตั้งแต่เริ่มฉายจนถึงตอนจบ จิตใจของเรากำลังถูกปลอบประโลมทีละเล็กละน้อยไปในตัวอย่างแน่นอน

 

11 ภาพยนตร์

01 | The Martian (2015)

        ภายใต้แรงกดดันที่เกิดขึ้นในชีวิตของ มาร์ก วัตนีย์ หนึ่งในทีมนักบินอวกาศขององค์การนาซานั้นคงไม่มีใครหนักหน่วงเท่าอีกแล้ว นั่นคือการที่เขาต้องหาทางเอาชีวิตรอดให้ได้บนดาวอังคารเพียงคนเดียว และข้อคิดสำคัญของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ตัวมาร์กบอกกับทุกคนว่า “ณ จุดใดจุดหนึ่ง ทุกอย่างจะล้มเหลวใส่คุณ ทุกอย่างจะผิดพลาดจนคุณบอกว่า นี่แหละ นี่คือจุดจบของฉัน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะยอมแพ้หรือจะลุกขึ้นสู้ คุณแค่เริ่มต้น คิดคำนวณ แก้ปัญหาแรกให้ได้ แล้วค่อยแก้ปัญหาต่อไป แล้วก็ต่อไป เมื่อคุณแก้ปัญหาได้มากพอ สุดท้ายคุณจะได้กลับบ้าน”

 

11 ภาพยนตร์

02 | Love Letter (1995)

        ภาพยนตร์ที่ใช้บรรยากาศของฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนักมาเป็นตัวแทนของความอ้างว้างในใจของ ฮิโรโกะ วาตานาเบะ และความเจ็บปวดนั้นก็ถูกเยียวยาโดยสิ่งที่ไม่คาดคิด สิ่งนั้นคือจดหมายตอบกลับที่เธอลองเขียนถึงสามีของตัวเองที่เพิ่งเสียชีวิตไปจากอุบัติเหตุ โดยส่งมาจาก อิตสึกิ ฟูจิอิ ผู้หญิงที่ชื่อและนามสกุลเหมือนกับชายคนรักของเธอโดยบังเอิญ เมื่อหญิงสาวทั้งสองที่หน้าตาเหมือนกันราวกับฝาแฝดได้มาเจอกัน ความลับในอดีตที่ซ่อนอยู่ในห้องสมุดของโรงเรียนมัธยมที่ฝ่ายชายเคยเรียนก็ค่อยๆ ถูกคลี่คลาย ฮิโรโกะก็ได้พบกับการก้าวข้ามความเจ็บปวดของชีวิต ส่วนอิตสึกิ (หญิง) ก็พบกับความอบอุ่นในชีวิตเหมือนแสงอาทิตย์จากฤดูใบไม้ผลิ

 

11 ภาพยนตร์

03 | Begin Again (2013)

        หนังเรื่องนี้แสดงถึงภาพของคนหนุ่มสาวในยุคปัจจุบันที่กำลังพบกับทางเดินในชีวิตที่ส่องสว่างเหมือนแสงของดวงสาว เพียงแต่ดาวคู่นี้มีดวงหนึ่งที่แสงค่อยๆ ริบหรี่ลงเพราะเรื่องของความสัมพันธ์ และชายวัยกลางคนซึ่งไม่ต่างกับดาวฤกษ์ที่แสงในตัวนั้นได้ดับลงไปแล้ว เมื่อดวงดาวสองดวงโคจรมาเจอกันจึงกลายเป็นแรงที่เกื้อหนุนกันและช่วยให้แสงแห่งชีวิตของแต่ละฝ่ายกลับมาเปล่งประกายได้อีกครั้ง แม้ในหนังจะมีเพลงซึ้งๆ โดนใจอย่าง Lost Stars แต่เพลงที่ทำให้เราปล่อยวางในเรื่องของความสัมพันธ์ได้ก็คือ A Step You Can’t Take Back

 

11 ภาพยนตร์

04 | INSIDE OUT (2015)

        เรียนรู้ ยอมรับ เติบโต เรามอบสามคำนี้ให้กับภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ แม้ว่าเบื้องต้นจะดูเหมาะกับเด็กๆ ในเรื่องของการรู้เท่าทันและจัดการกับอารมณ์ตัวเอง แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนหนาวของชีวิตมาก่อน ไม่ใช่แค่เข้าใจ แต่สามารถปลอบประโลมใจในวันที่บางอารมณ์หม่นหมอง หรือปล่อยวางในบางอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้สอน แต่ดึงและเค้นประสบการณ์ร่วม ก่อนจะสะท้อนกลับมาสู่จิตใจ ให้ทำหน้าที่คัดกรองและตีความอีกครั้ง 

 

11 ภาพยนตร์

05 | Anomalisa (2016)

        มนุษย์คืออะไร ความเจ็บปวดคืออะไร การมีชีวิตคืออะไร และเวลาเรามีจำกัด นั่นคือสิ่งที่เราลืม ประโยคต้นๆ จากตัวอย่างภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้ที่ชวนให้เราติดตามตัวเอกอย่าง ไมเคิล สโตน ที่เจอกับวิกฤตวัยกลางคนไปจนจบ ผู้ชายที่พยายามดิ้นรนแสวงหาความสุขภายใต้หน้ากาก เราตามติดว่าท้ายสุดแล้วเขาจะเจอกับความสุขที่เรียกว่าอะไร ความรัก การงาน หรือครอบครัว เราไม่บอก แต่แค่รู้ว่าการไม่หลอกตัวเองและยอมรับให้ได้คงเป็นยารักษาใจที่ดีที่สุดแล้ว

 

11 ภาพยนตร์

06 | The PURSUIT of HAPPYNESS (2006)

        ภาพยนตร์บอกเล่าชีวิตจริงของ คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์ มหาเศรษฐีพันล้าน ซึ่งก่อนจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายที่ต่างมารุมเร้าเขาจนถึงกับต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในห้องน้ำสาธารณะกับลูกชายซึ่งเป็นเหมือนความสุขเดียวในชีวิตของเขา ก่อนที่สิ่งนั้นจะเป็นคติสอนใจว่า แม้จะเศร้าขนาดไหนก็ตาม แต่หากเรามองหาความสุขที่แอบหลบอยู่ในมุมมืดได้ สิ่งนั้นจะเป็นเหมือนแสงพระจันทร์กลมโตที่ทำให้คุณอบอุ่นในค่ำคืนอันมืดมิดอย่างสิ้นสงสัย

 

11 ภาพยนตร์

07 | Eternal Sunshine of the Spotless Mind (2004)

        ถ้าเราลืมความเจ็บปวดได้ คงจะดีไม่น้อย แต่ในชีวิตจริงไม่มีใครลืมได้จริง แม้กระทั่ง โจเอล บาริช ชายที่ลบความทรงจำที่มีร่วมกันกับแฟนสาวคนเก่าที่เขาเคยรัก แต่ทว่าเมื่อเขารู้ตัวอีกที ก็พบว่าความทรงจำนั้น ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงความหมายของชีวิตคู่ และความเจ็บปวดไม่ใช่จุดจบของความสัมพันธ์ แถมยังสามารถทำให้ทั้งคู่เยียวยากันและกัน และเติบโตในความสัมพันธ์ต่อไปได้ 

 

11 ภาพยนตร์

08 | 50/50 (2011)

        ภาพยนตร์ขึ้นหิ้งสายดราม่าน้ำตาซึม ที่บอกเล่าเรื่องราวของอดัม ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตหายใจทิ้งไปวันๆ เนี่องจากเขาเป็นมะเร็งจึงไร้ซึ่งแรงจูงใจใดๆ ในการมีชีวิตต่อ ทำให้ไคล์ เพื่อนสนิทคู่กาย เริ่มชักชวนเขาไปทำอะไรสนุกๆ บ้าบิ่นสารพัด ก่อนที่นั่นจะกลายเป็นข้อคิดสำคัญว่า สุดท้ายแล้วมนุษย์เราเกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิตจะมานั่งเสียใจไปทำไม การออกไปใช้ชีวิตให้สนุกสุดเหวี่ยงตามใจฉัน คงหมายถึงคำว่าชีวิตได้ดีกว่าการนั่งถอนหายใจรอความตายอย่างแน่นอน 

 

11 ภาพยนตร์

09 | The Secret Life of Walter Mitty (2013)

        เพราะบางทีคุณอาจจะทุกข์ใจอยู่ แค่คุณอาจจะยังไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นตัวอย่างของความทุกข์ใจที่ไร้เสียงซึ่งแสดงออกมาได้เป็นอย่างดี และนี่คือเรื่องราวของ วอลเตอร์ มิตตี้ หนุ่มพนักงานออฟฟิศผู้ใช้ชีวิตไปวันๆ ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้เดินทางไปยังดินแดนอันเหน็บหนาว เหงา และเงียบสงัด จนกระทั่งเมื่อเขากลับมายืนที่เดิม ก็พบว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เขาเคยคิดว่าพอใจ กลับเป็นความทุกข์ที่เขาก้มหน้ายอมรับได้แล้วต่างหาก

 

11 ภาพยนตร์

10 | The Notebook (2004)

        เรื่องราวของสองหนุ่มสาว โนอาห์และอัลลี ที่ได้ตกหลุมรักกันอย่างหมดหัวใจ แต่กลับต้องถูกเส้นแบ่งเรื่องชนชั้นมาเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความรัก จนทำให้ทั้งสองต้องแยกจากกัน ก่อนที่ต่อมาทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้บอกให้เราเข้าใจว่า สุดท้ายแล้วความรักในแบบที่ไม่หวังผลตอบแทน คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับความทุกข์ที่ไม่ชัดเจน ซึ่งหลายคนมักเรียกว่า ‘ความหวัง’ (จากความรัก) 

 

11 ภาพยนตร์

11 | The Perks of Being a Wallflower (2012)

        นี่คงเป็นภาพยนตร์วัยรุ่นที่เรื่องความทุกข์สะดุดใจและเตะตาเรามากที่สุด เมื่อวันหนึ่ง ชาลี เด็กหนุ่มขี้อายที่มีปัญหาการเข้าสังคมได้พบกับแซมและแพทริก เพื่อนกลุ่มแรกในชีวิตที่คอยช่วยเหลือเขา ทำให้ชาลีกลายมาเป็นเด็กที่มีชีวิตชีวาอีกครั้ง เด็กหนุ่มทั้งหลายทำให้เรารู้ว่า ไม่ว่าใครจะเจอกับปัญหาที่เจ็บปวดแบบไหน หากมีใครสักคนคอยรับฟังและอยู่ดูแลใจในเวลาที่ท้อแท้ เป็นทางเลือกหลักที่ไม่ต้องนั่งแก้ปัญหาเพียงลำพังให้ทรมานจนเกินรับไหว