จ๋า BNK48

Work and Play: พยายามที่จะพยายาม โดย จ๋า BNK48

BNK48 วงไอดอลของไทยที่โด่งดังอยู่ ณ ตอนนี้ หากลองมองดูดีๆ จะพบว่ามันคือโครงสร้างจำลองของสังคมเรา 

        เด็กสาวแต่ละคนก็คือจุดจุดหนึ่งในโครงสร้างใหญ่นี้ ที่มีความเหลื่อมล้ำ มีชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง และชนชั้นที่ถูกหลงลืมไป มีบางคนที่ประสบความสำเร็จร่ำรวย มีบางคนที่อยู่บนเส้นทางของการดิ้นรน ตะเกียกตะกาย เด็กสาวบางคนมีชื่อเสียงมากกว่าคนอื่นๆ และเด็กสาวอีกหลายคนที่เข้ามาเดินบนเส้นทางนี้โดยที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก 

        เมื่อพูดแบบนี้แล้วก็เกิดคำถามหนึ่งขึ้นมาในใจว่าอะไรที่ทำโครงสร้างแบบนี้ยังคงดำเนินต่อไป อะไรที่ทำให้เด็กสาวจำนวนมาก คนแล้วคนเล่า รุ่นแล้วรุ่นเล่า ยังคงหลงใหลใฝ่ฝันที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ทั้งๆ ที่ปีนเท่าไหร่ก็ยังขึ้นไปถึงจุดที่ชนชั้นสูงยืนไม่ได้สักที 

        เรามีโอกาสได้คุยกับ ‘จ๋า’ – ณปภัช วรพฤทธานนท์ เด็กสาวสมาชิกวง BNK48 ที่อาจจะเรียกได้ว่าเธอคนนี้ไม่ได้เป็นชนชั้นสูงของแบบจำลองโครงสร้างนี้เลย เธอเป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ที่อยู่ภายใต้โครงสร้างใหญ่เท่านั้น แต่อะไรที่ทำให้เธอยังคงอยู่ ณ จุดนี้ต่อไป เธอปลอบประโลมตนเองด้วยคำพูดแบบไหน และบอกกับตัวเองว่ายังไงว่าทำไมฉันจะต้องอยู่ตรงนี้ 

 

จ๋า BNK48

ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ

        “ก่อนหน้านี้เคยตั้งใจไว้ว่าจะเรียนอย่างเดียว และคิดว่าจะโตไปทำอาชีพที่อยากเป็น จนได้ดูการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่องว่า AKB0048 หนูได้พบความฝันใหม่ว่าอยากจะเป็นไอดอล อยากเป็นนักร้อง เป็นตัวอย่างที่ดีและมอบความสุขให้กับทุกคน พอรู้ว่าเขามาเปิดที่ประเทศไทยก็ตัดสินใจไปสมัครทันที แม้ทางครอบครัวอยากให้ตั้งใจเรียนหนังสือ แต่หนูยังยืนยันที่จะไป และบอกเขาว่าทั้งเรื่องเรียนและเรื่องนี้ หนูจะพยายามทำให้ดีที่สุด  

        “จริงๆ ก็คงมีอาชีพอื่นอีกที่ต้องไปทำ แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอาชีพอะไร BNK48 จึงเป็นอย่างหนึ่งที่ทำได้ในตอนนี้ แต่มันคงต้องมีอาชีพอื่นด้วย เพราะรู้ดีว่าต้องมีวันหนึ่งที่เราต้องแกรด (จบการศึกษา) ไป หนูก็ต้องมีอาชีพที่มั่นคงมากกว่านี้ 

        “การที่ไม่รู้หรือไม่มีความฝันว่าอยากเป็นอาชีพอะไร มันไม่ได้แย่ขนาดนั้น คนอื่นเขาคงมีความคิดว่าอยากเป็นหมอ อยากเป็นวิศวกร อยากเป็นตำรวจ อยากเป็นทหาร อะไรอย่างนี้ใช่ไหม แต่หนูไม่รู้ ค่อยๆ พยายามตั้งใจทำ ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ไปก่อน อย่างเช่น ตั้งใจเรียน ค่อยๆ เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็คงเจอความฝันที่เป็นของหนูจริงๆ 

        “แม้วันนั้นจะยังไม่เจอความฝัน แต่หนูเคยได้มาทำตรงนี้ หนูก็โอเค หนูตั้งเป้าหมายอันใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ หรือว่าตั้งความฝันใหม่ที่อยู่ในอาชีพที่ไม่ได้ฝันไว้ก็ได้” 

 

จ๋า BNK48

ความกดดันอันใหญ่ยิ่ง

        “ทุกคนมีความกดดันของตัวเองหมดเลย แต่อาจจะเป็นคนละเรื่องกัน แตกต่างกันไป อย่างคนที่มีชื่อเสียงมากๆ ก็จะกดดันว่า เฮ้ย ต้องทำให้ดีกว่านี้ ต้องห้ามพลาดเพราะว่าเป็นที่จับจ้องมาก ส่วนคนที่ไม่ค่อยถูกกล่าวถึง ไม่ค่อยรู้จัก ก็จะมีเรื่องกดดันอย่างอื่น 

        “ใน BNK48 ก็จะเป็นความรู้สึกที่ว่าเซ็มบัตสึชุดต่อไปเราจะหลุดหรือเปล่า ต้องพยายามยังไงให้คนมาชอบมากขึ้น ทุกคนก็มีความกดดันในแบบของตัวเอง แต่ละคนก็มีเรื่องที่กดดันไม่เหมือนกัน 

        “หนูเคยคิดว่าภายนอกตัวเองดูชิลเกินไปหรือเปล่า เพราะที่บ้านไม่ค่อยมีใครกดดัน ทุกคนรู้ว่าหนูเป็นคนชอบกดดันตัวเอง อย่างเรื่องเรียน ป๊ะป๋ากับแม่ก็ไม่เคยพูดเลยว่าต้องเรียนให้ได้ที่ 1 หรือต้องเรียนให้ได้เกรด 4 เขามีแต่บอกว่า ตั้งใจเรียนนะ แค่นี้ หนูก็พยายามที่จะตั้งใจเรียนให้เท่ากับเพื่อนร่วมชั้น เราจะใช้ BNK48 มาเป็นข้ออ้างไม่ได้ เพราะเราเลือกจะมาทำตรงนี้เอง การเรียนจึงต้องให้เท่ากับคนอื่น มันเลยเป็นสิ่งที่หนูกดดันตัวเองประจำ 

         “หนูอยากเป็นเหมือนคุณแม่ รู้สึกว่าแม่เป็นคนที่ให้กำลังใจคนอื่นได้ ในวันที่หนูรู้สึกท้อก็มีคุณแม่ให้กำลังใจ ในวันที่ร้องไห้หนักมาก ก็มีคุณแม่เดินเข้ามากอด หนูอยากเป็นคนที่มอบพลังบวก อยากเป็นคนที่มอบความสุข อยากเป็นใครสักคนให้กับคนอื่นได้ หนูได้พลังบวกมาจากคุณแม่นี่แหละ” 

 

จ๋า BNK48

ความสุข หรือความสำเร็จ?

        “การมาเป็นไอดอล หนูมีความรู้สึกหลายๆ อย่างรวมกันคือ ณ โมเมนต์นั้นๆ รู้สึกว่าตอนนั้นมีความสุข แต่ไม่ได้รู้สึกว่าที่สุด พอเวลาผ่านไป มานั่งย้อนดูก็รู้สึกว่า เฮ้ย มีความสุขจังเลยเนอะ ตอนนั้นที่ได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่าง ได้มีประสบการณ์หลากหลาย หนูรู้สึกว่าความสุขยังมีมากกว่านี้ไปได้อีกเรื่อยๆ 

        “มีครั้งหนึ่งตอนนั้นจะสอบ ม.4 วันก่อนหน้าที่จะไปสอบต้องขึ้นคอนเสิร์ต STARTO เลิกดึกมากๆ เสร็จแล้วต้องนั่งรถตั้งแต่เที่ยงคืนมานอนพักใกล้ๆ สถานที่สอบ และต้องตื่นเช้าไปสอบต่อ ก็รู้สึกว่า เฮ้ย ทำไมต้องเหนื่อยขนาดนี้ แต่ยินดีที่จะทำ เพราะมันเป็นสิ่งที่รักทั้งสองอย่างเลย เรื่องเรียนก็ชอบที่จะเรียน เรื่อง BNK48 ก็ชอบที่จะทำเหมือนกัน 

        “อีกวันหนึ่งหนูทำข้อสอบมาแล้วแย่มากเลย หนูรู้สึกแย่มาก แต่ตอนเย็นต้องไปเต้น ต้องขึ้นโชว์ให้ทุกคนดู ตอนแรกๆ ก็ฟุ้งซ่าน แต่พอได้ยินเสียงทุกคนเชียร์ ได้ยิน overture ก่อนแสดงของ BNK48 ขึ้นปุ๊บ ความคิดในหัวก็สงบขึ้น ทุกอย่างค่อยๆ นิ่ง โอเค หนูพร้อมแล้ว ตอนนี้โฟกัสแค่สิ่งที่อยู่ข้างหน้าเรา ไปเต้นให้ทุกคนดู แสดงให้ทุกคนเห็น และมีความสุขกับสิ่งที่ทำตอนนี้ค่ะ เพราะถ้าหนูไม่มีความสุข ก็คงไปจากที่นี่แล้วล่ะ (หัวเราะ) 

        “เวลาเจอเรื่องยากๆ ในวง BNK48 หนูก็เกิดความคิดว่าจะออกดีไหม แต่เพราะว่าความชอบและความรักที่มีให้จริงๆ จึงทำให้หนูยังอยู่ตรงนี้” 

 

จ๋า BNK48

สิ่งที่ยังทำให้มุ่งไป

        “ในงานจับมือมักจะมีคนมาบอกว่า พยายามมากขึ้นกว่านี้นะ บางคนก็จะบอกว่าพี่รู้นะว่าจ๋าพยายามแล้ว แต่ก็ต้องพยายามขึ้นไปอีก หรือพยายามให้ถูกจุด หนูมักจะโดนพูดแบบนี้บ่อยมาก ว่าอยากให้จ๋าพยายามให้ถูกจุด เหมือนเขาบอกว่าการพยายามเต้น พยายามร้องนั้นดีอยู่แล้ว แต่อยากให้พยายามเรื่องโซเชียลมีเดียด้วย สำหรับหนูถือว่าเป็นเรื่องยาก แต่ก็พยายามทำอยู่ เพราะก่อนจะมาเข้าวง หนูเป็นคนไม่เล่นโซเชียลฯ เลยค่ะ แต่พอมาอยู่ในวงก็ต้องมีการปรับเปลี่ยน

        “นอกจากเรื่องนี้ หนูก็ต้องใช้ความพยายามมากๆ ยิ่งช่วงที่เป็นรอยต่อตอนอยู่ ม.ปลาย เพื่อนๆ คนอื่นก็เตรียมตัวเข้ามหา’ลัยกัน หนูเองก็ต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือหรือเวลาที่ติวกับเพื่อนๆ มาให้ BNK48 มาทำงาน มาเต้น มาร้องเพลงให้ทุกคนฟัง 

       “พอเข้าวงนี้มา ไม่ว่าทุกคนจะอายุ 20 ปี 16 ปี หรือ 13 ปี ทุกคนคือเท่ากันหมด เป็น BNK48 เหมือนกันหมด ทุกคนต้องพยายาม เขาไม่ได้มองว่า เฮ้ย คนนี้อายุ 16 ปี ไม่ต้องเต้นเท่าคนอื่นก็ได้ ไม่ต้องทำเท่าคนอื่นก็ได้ ในวงทุกคนเท่ากันหมด ต้องพยายามเท่ากัน ต้องทำเหมือนกัน หนูเลยพยายามจริงจังตลอด 

        “ส่วนใหญ่พยายามที่จะไม่เปรียบเทียบกับคนอื่นค่ะ เพราะรู้สึกว่าทุกคนมีเรื่องของตัวเองแตกต่างกัน หนูก็พยายามในเรื่องของตัวเอง ไม่ต้องไปเปรียบเทียบว่าคนนู้นดีกว่าเรา คนนู้นดังกว่าเรา เอาแค่ของตัวเองให้เต็มที่ 

        “สำหรับความคิดหนูนะ การเป็นตัวท็อปมันก็คงดี แต่หนูไม่รู้จริงๆ เพราะยังไม่เคยไปอยู่ ณ จุดจุดนั้น ไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ไม่เคยสัมผัส แต่รู้สึกว่าเวลาทำอะไรก็ต้องทำให้สุดสิ ถึงแม้ตอนนี้จะอยู่แค่กลางๆ แต่สักวันหนึ่งหนูต้องพยายามไปให้ถึงจุดนั้นให้ได้ เหมือนเราตั้งเป้าหมายว่าเราจะไปอยู่จุดที่ท็อปที่สุด แต่ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง หนูรับได้หมด เพราะว่ามันคือสิ่งที่หนูพยายามเต็มที่แล้ว

        “ความพยายามบางครั้งมันก็เฟลนะ จริงๆ มันมีอยู่ทุกวันน่ะค่ะ เป็นอยู่ตลอด ตอนนี้ก็อาจจะเป็นอยู่ก็ได้ รู้สึกว่ามันมีอยู่แล้วเรื่องที่หนูเฟล เช่น เรื่องที่หนูออกไปเต้นแล้วเต้นผิด รู้สึกว่าทำได้ไม่ดี หรือจำบล็อกกิ้งไม่ได้ อย่างวันที่หนูออกไปร้องเพลงโชว์ให้ทุกคนฟัง ทั้งๆ ที่ซ้อมมาอย่างดีแต่พอออกไปร้องปุ๊บกลายเป็นว่ามันคนละเรื่องกับสิ่งที่ซ้อมมาเลย มันมีอยู่แล้วไม่ว่าจะเฟลนิดเดียวหรือเฟลเยอะ มันก็คือเฟลอยู่ดี ถามว่าตอนนั้นรู้สึกเฟลไหม หนูรู้สึกเฟลมาก แล้วก็รู้สึกแย่มากที่ไม่สามารถทำออกมาได้ตามที่หวังไว้ แต่ถ้าเราจะจมอยู่กับตรงนั้นคงไม่ทำให้อะไรดีขึ้น รู้สึกว่าต้องเก็บไว้เป็นบทเรียนแล้วพยายามต่อไป มันต้องมีสักวันที่เราจะไม่ทำพลาดเหมือนวันนี้ 

        “ถ้าเต้นก็เต้นให้สุด ถ้าร้องก็ร้องให้สุด หรือว่ายิ้มก็ยิ้มให้มีความสุขที่สุด เต็มที่ค่ะ”