1Flow

Work and Play: ท่องไปในโลกอันลื่นไหลของโฟลว์ โดย 1Flow

นักจิตวิทยาชาวฮังกาเรียน มิฮาลี ชิคเซนมิฮาย (Mihaly Csikszentmihalyi ) อธิบายคำว่า Flow ไว้ว่า เป็นสภาวะในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนรู้สึกเหมือนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสิ่งนั้น เป็นความรู้สึก full engagement ทั้งสุขและสนุกในขณะที่กำลังทำอยู่ 

        ส่วนแร็ปเปอร์สุดคูล ‘หลุยส์’ – ธชา คงคาเขตร หรือ 1Flow ที่หลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาจากรายการ The Rapper Thailand บอกเราว่า

        “โฟลว์เปรียบเหมือนการใช้ชีวิตของเราในทุกๆ วัน ที่ต้องดำเนินชีวิตไปเรื่อยๆ โฟลว์คือเซนส์ที่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าสิ่งนี้กำลังจะมา สิ่งนี้กำลังจะไป เพราะฉะนั้น การอยู่ในโฟลว์จะช่วยให้ผมเข้าใจเทรนด์และใช้ชีวิตไปกับมัน” 

        ดูเหมือนว่า หลุยส์ ธชา กำลังใช้ชีวิตอยู่ในโฟลว์ของตัวเอง เขากำลังกระโจนออกไปทำงานที่ท้าทายและพัฒนาทักษะความสามารถของตัวเองขึ้นไป เพื่อทำให้สิ่งที่อยากทำและทักษะความสามารถอยู่ในระดับที่เหมาะสม

        ดังนั้น เราจึงนั่งลงพูดคุยกับเขาเพื่อขุดค้นหาคำตอบว่า สภาวะโฟลว์และชีวิตด้านอื่นๆ ทั้งงานพิธีกร งานโปรดิวเซอร์รายการทีวี เขามีภาวะโฟลว์เหมือนอย่างการแต่งเพลงแร็ปหรือเปล่า 

        สิ่งที่เราค้นพบจากหลุยส์คือความหมายของโฟลว์ที่น่าสนใจ เพราะเขาบอกว่า เมื่อใดก็ตามที่เราได้เข้าไปในสภาวะนี้แล้ว ก็จะรู้สึกราวกับว่าเวลาเคลื่อนผ่านไปโดยที่คุณไม่รู้ตัว 

 

1Flow

ท้าทายคอมฟอร์ตโซน

        “ผมเป็นคนชอบสร้างงานใหม่ ชอบสร้างสิ่งใหม่ไปเรื่อยๆ จาก A ไป B และจาก B ไป C สำหรับบางคน ถ้าเขาไปถึง C แล้วก็ล้ม เขาก็ต้องกลับมาที่ A ใหม่ แต่สำหรับผมไม่เป็นแบบนั้น เพราะพอรู้ว่าอีกเดี๋ยวจะฉิบหายแล้ว ผมก็จะปรับแก้ตรงนั้นเลย 

        “อย่างเช่น หลายคนยึดติดกับความสำเร็จ ไม่กล้าไปทำอย่างอื่น สมมติคุณเคยได้ร้อย เดือนนี้ได้แปดสิบ เดือนต่อไปได้หกสิบ แต่คุณยังอยู่แบบนี้ต่อไป นี่คือสิ่งเก่าที่คุณไม่กล้าทิ้ง 

        “ครั้งหนึ่งเราเคยทำสิ่งนอกกรอบ พอมาถึงวันหนึ่ง มันได้กลายเป็นกรอบใหม่และเราติดอยู่ในกรอบนั้น กลายเป็น safe zone สิ่งที่เคยนอกกรอบกลับกลายเป็น safe zone ของเรา เพราะฉะนั้น เราก็ต้องทิ้งได้ เปลี่ยนได้ ท้าทายมันได้ หาอะไรใหม่ทำไปเรื่อยๆ 

        “คุณนึกออกไหม จบตอนที่มันยังสวยงาม แล้วเราจะได้ไปเริ่มสิ่งใหม่ ไปทำอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายเรา นี่แหละคือโฟลว์ของผม โฟลว์คือการท้าทายสิ่งใหม่โดยไม่ยึดติดความสำเร็จเดิม จากนั้นเราก็ไปหาเป้าหมายใหม่ ปลดล็อกความสำเร็จใหม่ เจอคนโน้นคนนี้เพิ่มขึ้นไป” 

จัดการกับความกังวล

        “แน่นอนว่าการออกไปทำสิ่งใหม่ เราต้องเผชิญกับความตื่นเต้น กลัว วิตกกังวล 

        “เทียบกับการทำสิ่งเดิมวนซ้ำเป็นลูป มันไม่ตื่นเต้น มันช่วยให้เราเก่งขึ้น แม่นขึ้น เร็วขึ้น อันนี้เรียกว่า professional ความเป็นมืออาชีพคือการทำสิ่งเดิมแต่เร็วขึ้น จากปกติคุณใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการวาดรูปสิงโต พอวาดไปเรื่อยๆ คุณอาจจะวาดรูปสิงโตได้ในระยะเวลา 1 นาที หรือเรียกอีกอย่างว่าสกิล หรือความชำนาญ มันไม่ใหม่แต่ว่ามันคล่องและต่อยอดได้ ผมคิดว่าสำหรับงานบางอย่าง เราก็ควรจะมีสกิล สกิลเป็นสิ่งสำคัญ มันทำให้เราทำซ้ำได้เรื่อยๆ 

        “จนกระทั่งเมื่อเราไปลองทำงานอื่นที่ไม่ถนัด ไม่เคยมีสกิลมาก่อน อย่างเช่น เรานั่งอยู่หลังกล้องตลอด เราชอบให้กล้องจ่อคนอื่น แต่ว่าเวลาโดนกล้องหันกลับมาจ่อ มันไม่ค่อยโอเค แล้วพอต้องไปเป็นพิธีกรรายการ นึกออกไหม แค่ตัวเราเองยังเอาตัวไม่ค่อยรอดเลย 

        “ยิ่งวันสุดท้ายที่มีการไลฟ์สดนั่นคือที่สุด คือพลาดไม่ได้ และเราก็ยังพลาดอยู่ พอถ่ายทำเสร็จลงเวทีมา เพื่อนๆ เขาเฮกัน ยิงเปเปอร์ชู้ต ปิดกล้อง ขึ้นไปขอบคุณบนเวที เราก็นอยด์ๆ พี่ทีมงานก็เดินมาบอก เฮ้ย ไม่เป็นไร ดีๆ คนดูไม่รู้ (หัวเราะ) ผมก็ขอโทษ คือผมซ้อมหลายรอบมาก แต่พอเอาจริงมันก็ยังหลุด มันจะมีความเด๋อด๋าอยู่ประมาณหนึ่ง 

        “ถ้าเป็นงานที่อยู่หน้ากล้อง ผมกังวลหมดทุกงาน เพราะมันไม่ใช่ตัวเองเท่าไหร่ เราอยากแสดงออกนะ อยากทำเป็น อยากพูดคล่องๆ ยิ่งเวลาเป็นพิธีกรอีเวนต์จะขอพิธีกรคู่ตลอดเลย ไม่เคยทำเดี่ยว เพราะทำไม่ไหว ไปพูดกับคนที่เขาไม่รู้จักเราแล้วเขาไม่เล่นด้วย น่ากลัวมากเลยนะ การคุยกับคนไม่รู้จักเป็นสิ่งที่โคตรยาก แต่ก็ลองทำได้ อยากลองทำ” 

 

1Flow

การสร้างโฟลว์อย่างสร้างสรรค์

        “จริงๆ ตอนนี้ผมรู้สึกอัดอั้น ผมทำ Rap is Now มา 4 ซีซัน ทำ The Rapper ต่ออีก 2 ซีซัน ประมาณ 2 ปี ไม่มีใครเห็นผมแร็ปเลยเว้ย มันอัดอั้น

        “ผมก็ไม่ได้อยากจะร้องเอง เพราะคิดว่าแก่เกินไปแล้ว แต่ผมชอบแต่ง ชอบเขียน ก็พยายามเขียนๆ ไว้ในโทรศัพท์ แล้วก็พอไปเห็นพวกน้องๆ อัดเพลง เราก็คันปาก อยากลองเทคนิคใหม่ๆ เห็นเขาใส่ออโต้จูนกัน ผมกลับมาทำเพลงเพราะออโต้จูนเลยนะ พอไปลองแล้วก็สนุก ติดใจ พอได้ทำปุ๊บ มันไหลมาเองเลย

        “เมื่อไม่นานก็เพิ่งจะแต่งได้อีกเพลงหนึ่ง ช่วงนี้ผมอัดเพลงถี่มาก มันเป็นช่วงของล้น (หัวเราะ) อย่างเนื้อหาเพลง Automatic เริ่มต้นมาจากที่ผมได้ฮุกมาก่อน ‘Automatic’ ทำอะไรด้วยอัตโนมัติทั้งหลายแหล่ ก็เลยเขียนเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดในชีวิต ว่าผมทำทุกอย่างด้วยความออโตเมติกของตัวเอง ผมอยากทำอะไรก็จะทำ ถ้ามึงไม่อยากทำก็เรื่องของมึง กูจะทำ มันเป็นอารมณ์แบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว 

        “เวลาเขียนเพลงจะเป็นอะไรที่เพลินมาก ผมเขียนจนล้นโทรศัพท์ ล้นทะลักใส่ไทม์ไลน์เพื่อให้คนแชร์ จุดประสงค์คือ ‘เยียวยาตัวเอง’ เขียนเพลงเพื่อระบายและตอบคำถามตัวเอง เราก็มีเมโลดี้ มีเนื้อเพลงในหัว อ่านเสร็จปุ๊บ เราตอบคำถามตัวเองเสร็จแล้ว เราเลยไม่ปล่อยเพลง ก็เก็บมันไว้ เพราะมันตอบเราเสร็จไปแล้ว 

        “มักจะมีคนถามนะว่าทำไมไม่ปล่อยเพลงใหม่ เราก็บอก ไม่รู้จะปล่อยทำไม เพราะมันแก้ปัญหาให้ตัวเราไปแล้ว ผมใช้เพลงตัวเองในการแก้ปัญหาชีวิตตัวเอง 

        “พี่หลายคนเขาก็บอกว่า ลองให้มันไปแก้ปัญหาให้คนอื่นบ้างสิ ตอนแรกเราก็ไม่เข้าใจว่าแร็ปที่แต่งมาจากภายในจิตใจเราจะไปแก้ปัญหาคนอื่นได้ยังไง จนพอมาทำ The Rapper ทั้ง 2 ซีซัน ถึงเห็นหน้าตาของเพลงที่ช่วยชีวิตคน เป็นเพลงที่พูดถึงการให้กำลังใจคนอื่น เป็นอีกโมเมนต์หนึ่งที่เราคิดว่า เฮ้ย เจ๋งดี เราอยากทำ ก็เลยลอง” 

ทลายกำแพงของการหยุดชะงัก

        “มีบางครั้งที่เขียนเพลงไม่ออก ทั้งๆ ที่เวลาเยอะมาก แต่พอตั้งใจว่าจะมานั่งเขียนเพลงจริงๆ จังๆ กลับเขียนไม่ออก ผมชอบเขียนเพลงเวลาเกิดความรู้สึก ถ้าโกรธ ผมจะทำเพลงด่า ถ้าดาวน์ ผมจะทำเพลงแบบไฟต์ขึ้นมา เราทำเพลงเพื่อพูดกับตัวเอง 

        “ในการเขียนแร็ปเพื่อตอบตัวเองนั้นก็ฟังก์ชันหนึ่ง แต่การทำเพลงเพื่อที่จะให้เป็นผลงานเพลงนั่นก็เป็นอีกฟังก์ชันหนึ่ง บางทีผมก็ไม่สามารถบังคับตัวเองว่าเพลงจะต้องเสร็จเมื่อไหร่ เราทำได้ก็เมื่อเรารู้สึกกับมันก่อน 

        “บอกยากเลยนะว่าทำไมถึงจะเขียนออก เพราะเวลาเขียนออกมันก็ออกมาเลย เหมือนปิ๊งไอเดีย เหมือนอะไรที่… เฮ้ย เมโลดี้ขึ้นมาแบบนี้ ประโยคมา ได้เนื้อเรื่อง คราวนี้ก็ไหลทะลุทะลวงไปหมดเลย คือมันออกมาเอง 

        “บางทีนั่งเงียบๆ ก็จะมามู้ดหนึ่ง ถ้าไปอยู่ในที่เสียงดังๆ ก็จะมาอีกมู้ดหนึ่ง มันเหมือนทุกอาชีพที่ทำงานครีเอทีฟ ถ้าตั้งใจมากๆ มันจะไม่ออกมา แต่บางทีก็จะมาตอนเวลาเร่งๆ ไฟลนก้นแล้ว โห ไอเดียพุ่งเลย เหมือนกันเลย” 

 

1Flow

ค้นหาโฟลว์ของคุณ

        “เวลาไปลองทำสิ่งใหม่ ผมมักจะมองหางานอดิเรกก่อนอย่างแรก ไม่ว่าจะเป็นเพลง เป็นการทำอีเวนต์ หนัง โฆษณา พิธีกรหรืออะไรก็ตาม ผมมองว่ามันเป็นงานอดิเรกหมดเลย ถ้าทำไม่ดี ไม่ชอบ ก็กลับออกมา แต่ถ้าทำได้ดีก็จะทำต่อไป 

        “เราจะเจอโฟลว์ของเราจากงานอดิเรก คือทำโดยธรรมชาติ แล้วมันก็เป็นไปแบบธรรมชาติมากๆ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเก่งที่สุด แต่มันคือสิ่งที่เราทำได้ตลอดมากกว่า ในยุคนี้ ทำงานอดิเรกอะไรได้ให้มันเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง แล้วเราจะมีความสุขง่ายๆ เลยแค่นั้น 

        “แต่ละคนจะมีโฟลว์ชีวิตต่างกัน ถ้าจะมองว่าฉันอยากเป็นคนนี้ แล้วฉันจะต้องใช้โฟลว์แบบคนนี้ก็คงยาก มันจะกดดันตัวเองเกินไป ยังไงๆ คุณก็น่าจะเป็นตัวเองให้มากที่สุด เลือกสิ่งที่ดีที่สุด ถ้าเลือกสิ่งที่ไม่ชอบมันจะทรมาน ยากที่จะไปต่อ 

        “พอเราทำได้แบบนี้ จะไม่รู้สึกแก่เลย ตอนกลับไปเจอเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ต่างจังหวัด พวกเขาใส่เชิ้ตทำงาน ใส่ชุดข้าราชการ นั่งดื่มเบียร์เป็นอาแปะ แล้วทุกคนก็จะบอกว่า เฮ้ย อาชีพมึงดีว่ะ แต่งตัวทำผมเผ้าแบบนี้ก็ได้ด้วย ผมบอก ก็พวกมึงไม่เลือกของพวกมึงเอง”