incubus

The Review | การมาเยือนไทยครั้งที่ 4 ของคณะดนตรีอินคิวบัส ผู้มาพร้อมเสียงร้องทรงพลังและดนตรีแน่นหนักหน่วง

หลังจากที่หนุ่มๆ(?) ทั้งห้า Brandon Boyd, Mike Einziger, Jose Pasillas, Chris Kilmore และ Ben Kenney เคยได้ฝากความประทับใจครั้งล่าสุดไว้เมื่อปี 2015 ในปีนี้ พวกเขาได้มีโอกาสกลับมาอีกครั้งกับคอนเสิร์ต Singha Music presents ‘Incubus Live in Bangkok 2018’ คอนเสิร์ตโปรโมต ‘8’ สตูดิโออัลบั้มลำดับที่แปดของพวกเขา โดยผู้จัด Miracle Management เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ BCC Hall Central Plaza Ladprao

incubus

     ความพิเศษของคอนเสิร์ตครั้งนี้ นอกจากจะจัดลำดับเซตลิสต์ใหม่ไม่ซ้ำกับทัวร์มาเลเซีย ก่อนที่จะมาเยือนไทยแล้ว ยังตรงกับวันเกิดของ Brandon Boyd ฟรอนต์แมนของวงอีกด้วย (ซึ่งตรงกันกับวันเกิดของเรา อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เราจะได้ชมพวกเขาแสดงสดอีกต่างหาก!)

     20.30 น. เป็นเวลาที่วงเริ่มทำการแสดง แค่เพียงเริ่มการแสดงได้ตรงเวลาก็ทำให้ใครหลายคน (รวมถึงเรา) รู้สึกประทับใจในระดับหนึ่งแล้ว และการเปิดคอนเสิร์ตด้วยเพลง Glitterbomb ผลงานจากอัลบั้มล่าสุด ก็ยิ่งกระตุ้นเร้าผู้ชมให้มีอารมณ์ร่วมได้เป็นอย่างดี
 

 
     บรรยากาศเริ่มสนุกสนานและดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลมาจากเสียงร้องทรงพลังบวกกับดนตรีแน่นหนักหน่วง โดยเฉพาะเพลง Anna Molly ที่ส่วนตัวรู้สึกว่าเป็นเพลงที่เดือดสุดๆ เพียงแค่อินโทรขึ้นก็เรียกเสียงเฮจากคนดูได้กระหึ่มฮอลล์ และร่วมร้องตามกันจนเสียงแหบเสียงแห้ง โยกหัวกันคอแทบหลุด
 

 
     จากนั้นวงก็คูลดาวน์อารมณ์ด้วยเพลง 11am ที่เหมือนหลอกให้คนดูตายใจ ก่อนจะจุดไฟให้ลุกโชนอีกครั้งด้วยเพลง Megalomaniac อีกหนึ่งเพลงดังที่ทุกคนร้องตามกันอย่างพร้อมเพรียงเสียงดัง หลังเพลงนี้จบลงก็เกิดความเงียบขึ้นเพียงอึดใจก่อนจะเกิดโมเมนต์น่ารักๆ ที่ทุกคนพร้อมใจร้องแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้กับแบรนดอน ที่อายุครบ 42 ในวันนั้น (แต่รูปร่างและพลังกำลังยังเต็มแน่นไม่มีตกจนแทบไม่อยากเชื่อว่า ผู้ชายที่ยืนอยู่บนเวทีจะมีอายุเข้าหลักสี่แล้วจริงๆ)

     หลายเพลงในโชว์มีการเรียบเรียงดนตรีขึ้นใหม่เพื่อใช้ในการแสดงสด ซึ่งเราก็รู้สึกว่ามันมีความน่าสนใจมากกว่าในออดิโอเอามากๆ คอนเสิร์ตดำเนินไปเรื่อยๆ โดยที่อารมณ์เพลงก็มีสลับขึ้นบ้างลงบ้าง ไม่ได้ติดขัดอะไร จนกระทั่งเพลงชาติอย่าง Drive ได้บรรเลงขึ้น บรรยากาศในคอนเสิร์ตที่ลุกเป็นไฟอยู่แล้ว เหมือนถูกสาดน้ำมันเติมเข้าไปอีก ทั้งยังมีการเว้นช่องว่างให้คนดูได้ร้องเพลงนี้ด้วยเสียงดังกันอย่างเต็มที่แบบที่ไม่มีใครยอมใคร
 

 
     แสดงไปสักพัก ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นปกติอยู่แล้วตามสไตล์ หรือเพราะอากาศภายในฮอลล์ที่ร้อนมากกันแน่ (ร้อนเหมือนไม่ได้เปิดแอร์ จะรู้สึกเย็นทีก็ต่อเมื่อมีคนเปิดประตูออกไปซื้อเบียร์ด้านนอก) แบรนดอนถึงถอดเสื้อโชว์กล้ามเนื้อสุขภาพดีที่คนวัยยี่สิบสามสิบอย่างเราๆ ยังต้องอาย และไม่ใช่เพียงแค่แบรนดอนเท่านั้นที่สร้างสีสันให้กับโชว์ แต่นักดนตรีทุกตำแหน่ง ก็เป็นส่วนที่ทำให้โชว์สนุกสนาน ดุดัน และมีลูกเล่นชวนแปลกใจอยู่เสมอๆ (โดยเฉพาะตำแหน่งมือกลองที่เราคลั่งไคล้เป็นพิเศษ)

incubus

incubus

     พอเข้าช่วงเซตเพลงสุดท้าย เราก็ยังคงตื่นตาตื่นใจกับเพลงอย่าง Stellar เอย Vitamin เอย แล้วก็ดำเนินไปถึงเพลงจบที่ Wish You Were Here และมีเซอร์ไพรส์ใจผู้ชมด้วยการร้องเพลงที่มีชื่อเดียวกันแต่เป็นผลงานของศิลปิน Pink Floyd เป็นการเพิ่มความพิเศษและน่าจดจำของโชว์ยิ่งขึ้นไปอีก แล้วก็พากันหายเข้าไปหลังเวทีเพื่อกลับมาอีกครั้งกับช่วง encore ด้วยเพลง No Fun และ Warning ที่ทางวงเลือกมานำเสนอ ซึ่งก็มีคนรอบตัวเราบ่นๆ ว่าเสียดายที่ไม่ใช่เพลงนู้น ไม่เล่นเพลงนี้ ไม่… ฯลฯ

     แต่สำหรับเราที่เพิ่งเคยได้ดูโชว์ของพวกเขาเป็นครั้งแรก ทุกอย่างในคอนเสิร์ตถือได้ว่าสร้างความสุข ความประทับใจ และเป็นของขวัญวันเกิดรับเบญจเพสที่โคตรดีกับใจสุดๆ แล้ว ทั้งโปรดักชันที่มีคุณภาพ จัดเต็มทั้งเวทีและแสงสี ทั้งซาวนด์ที่ชัดเจน ทรงพลัง รวมถึงการแสดงและการเอนเตอร์เทนของวงที่ทำได้อย่างดีเยี่ยม ทุกอย่างสำหรับเรามันลงตัวและกลมกล่อมมาก หากมีครั้งหน้าก็คงไม่พลาดที่จะไปดูอีกแน่นอน

incubusincubus

     ถ้าจะติ หรือจะหักคะแนนก็คงไม่เกี่ยวกับเรื่องของวงหรือโชว์แต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องของพฤติกรรมการร่วมชมคอนเสิร์ตของใครหลายๆ คน ที่ไม่น่ารักและไม่มีมารยาทต่อส่วนรวมเอาซะเลย ทั้งคนที่ดื่มเบียร์จนเมาแล้วรบกวนคนอื่น ทั้งคนที่ยกกล้องไลฟ์ และคนที่บันทึกวิดีโอทุกเพลงตลอดหนึ่งชั่วโมงกว่า ทั้งๆ ที่ก็มีกติกาห้ามไว้แล้วว่าไม่อนุญาตให้บันทึกการแสดง

     เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างด้านบนคือสิ่งที่เราพบเจอทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนเมารบกวน คือคุณดื่มได้ คุณก็ต้องรับผิดชอบต่อส่วนรวมได้ด้วย และคนถ่ายวิดีโอตลอดเวลา จนทำให้เราไม่มีสมาธิอยู่กับโชว์บนเวทีเพราะเขายืนอยู่ตำแหน่งหน้าเราและกลางเวทีพอดิบพอดี ยกมือถือขึ้นมาทีแบรนดอนก็หายจากเวทีย้ายไปอยู่ที่หน้าจอสมาร์ตโฟนซะงั้น ถึงขนาดเตือนให้ลดมือถือลง เธอก็ช่างแสนดีเอาลงให้เราหนึ่งเพลงนิดๆ แล้วก็ยกขึ้นมาถ่ายจนจบคอนเสิร์ต… จ้ะ

     มันเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก และเบียดเบียนคนอื่นมากๆ เพราะเราเชื่อว่าที่ใครหลายคนเลือกจ่ายเงินไปคอนเสิร์ตก็เพราะตั้งใจจะไปดูการแสดงบนเวที ไม่ใช่หน้าจอสมาร์ตโฟนที่ทุกคนคุ้นชินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากอยากเก็บภาพความประทับใจว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเคยได้ร่วมคอนเสิร์ตนี้ ก็อยากให้สแนปแบบพอดีๆ หรือบันทึกคลิปเพียงสั้นๆ เคารพพื้นที่ของคนอื่น และเคารพกติกาของผู้จัด แล้วสังคมคอนเสิร์ตเราจะดีขึ้น เป็นพื้นที่ที่ใครหลายคนสบายใจที่จะไปมากขึ้น

     ก็ถ้าไม่เจอกับตัวก็คงไม่หัวเสียถึงขนาดต้องเก็บเอามาบ่นให้หลายคนได้รับรู้ถึงความเจ็บช้ำระกำใจ จนอยากให้ไว้เป็นอุทาหรณ์สอนว่า อย่าได้คิดไปทำแบบนี้ไม่ว่ากับใครเข้าใจไหม

 


ภาพ: Tar311 Photographer, Grich Puchong, Athanon Ruksawong