บทเรียนจากผู้บริหารสาวสวยรุ่นใหม่ แห่ง The Regent Cha Am Beach Resort

เราเชื่อในคำพูดที่ว่า แต่ละคนต้องกำหนดเส้นทางชีวิตของตัวเอง บางคนเลือกเส้นทางเดินใหม่ แต่บางคนก็ใช้หมุดหมายที่ครอบครัวลงหลักปักไว้นำไปต่อยอดให้กิจการเติบโตไปข้างหน้า เหมือนกับที่ทายาทรุ่นที่ 3 อย่าง ‘นูนู่’ – วศุมา คณาธนะวนิชย์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ โรงแรม The Regent Cha Am Beach Resort และการเริ่มต้นการทำงานภายใต้ร่มเงาของครอบครัวเธอนั้นก็น่าสนใจไม่น้อย

ชีวิตต้องลอง ระหว่างที่เรียนปริญญาโท เราลองไปฝึกงานหลายๆ ที่ ทั้งแบบที่ตรงและไม่ตรงกับสิ่งที่เรียนมา ทั้งงานธนาคาร งานโฆษณา หรือแม้แต่งานด้านอสังหาริมทรัพย์ เพราะเราอยู่ตัวอยู่แล้วว่าต้องกลับมาดูแลกิจการของที่บ้าน แต่เราก็ยังอยากออกไปตามหาตัวเอง อยากรู้ว่างานอะไรที่เหมาะกับตัวเรา และอยากทำอะไรจริงๆ สุดท้ายก็รู้ว่าความชอบของเราคืองานโรงแรม

รีแบรนด์ เมื่อก่อนคนชอบมาเที่ยวที่ชะอำ และเข้าพักที่โรงแรมของเรา แต่เวลาก็ผ่านมานานแล้ว ช่องว่างของกลุ่มลูกค้าก็เพิ่มขึ้น เพราะวัยของคนท่องเที่ยวเปลี่ยนไป เราตั้งใจจะทำแบรนด์ของที่นี่ใหม่ เพราะจริงๆ โรงแรมของเราก็ปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งที่ทำไว้ยังส่งไปไม่ถึงกลุ่มลูกค้าในตอนนี้ เราอยากให้คนมอง เดอะ รีเจ้นท์ ชะอำบีช รีสอร์ท ในหลายๆ มุมบ้าง

เรียนรู้ ในเชิงการตัดสินใจ และงานที่ได้รับมอบหมายเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ เพราะบางครั้งสิ่งที่คิดว่ามันดี ในมุมมองของผู้ใหญ่เขาจะคิดอีกอย่าง การทำงานในกิจการของครอบครัว ความคิดเห็นไม่ตรงกันเป็นเรื่องปกติ ต้องอาศัยการคุยการปรับตัวร่วมกันสูง และสร้างหลักเกณฑ์บางอย่างขึ้นมาเพื่อไปในทางเดียวกัน

Public Space … เราคิดไว้นานแล้วว่าถ้าได้เข้ามาทำงานที่โรงแรม สิ่งแรกที่อยากปรับคือเรื่องของพื้นที่สาธารณะรอบโรงแรม เราอยากให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ถึงแม้โรงแรมของเราจะมีอายุกว่า 30 ปีแล้วก็ตาม เราก็คิดว่ายังสามารถพัฒนาปรับปรุงให้มีความร่วมสมัยได้ อย่างพื้นที่หน้าชายหาดก็สามารถใช้เป็นจุดสำหรับรวมตัวกันเป็นปาร์ตี้เล็กๆ หรืองานอีเวนต์น่ารักๆ ได้

ความคิดคน คนรุ่นใหม่เคยได้ยินชื่อโรงแรมของเรา แต่เขาก็ไม่คิดจะมาพัก ซึ่งก็ต้องยอมรับความจริง และเราไปเปลี่ยนความคิดของเขาไม่ได้ ทางแก้สำหรับเราคือ ลองนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเติม เช่น ร้านอาหาร Peppina ที่อยู่สุขุมวิท 33 เราก็มาเปิดสาขาเป็นร้าน Peppina On The Beach ซึ่งหวังว่าจะดึงดูดคนกลุ่มใหม่ๆ เข้ามา และเขาจะได้เห็นว่าโรงแรมของเราสวย ไม่ได้เป็นโรงแรมเก่าๆ แบบที่เขาเคยคิดไว้

ความตื่นเต้น งานโรงแรมสำหรับเราเป็นความผูกพัน และทำให้รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา นั่นจึงทำให้เราพูดได้ว่าตัวเองไม่เคยรู้สึกว่ามาทำงาน เพราะเราเคยรู้สึกเบื่องาน ไม่อยากทำงาน ไม่อยากลุกจากเตียงมาแล้ว ซึ่งเกิดขึ้นกับงานที่อื่น แต่สำหรับที่นี่เราไม่เป็น เรารักแบรนด์ของครอบครัว

ความสุขในการทำงาน เป็นสิ่งที่คุณแม่พูดถึงเสมอและเราก็เห็นด้วย แต่บางเรื่องตอนที่ยังเป็นเด็กเราก็ต่อต้าน เช่น การใส่ใจกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งเราไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำขนาดนั้น ให้คนอื่นทำก็ได้ เช่น เวลาคุณแม่เดินอยู่ในล็อบบี้แล้วเห็นใบไม้หล่นอยู่บนพื้น ท่านจะเดินไปหยิบแล้วเอาไปทิ้ง พอได้เข้ามาทำงานเราถึงเข้าใจว่า เราไม่ต้องรอให้คนอื่นมาทำ เราไม่ได้ทำเพื่อโชว์พนักงาน แต่เป็นสิ่งที่ต้องยึดถือไว้ว่า เรื่องเล็กก็ต้องทำ เรื่องใหญ่ก็ต้องดู

Social Network… เสียงของลูกค้าดังเสมอ ยิ่งตอนนี้เขามีสื่อออนไลน์ในมือ ทำให้เราได้รับคำติชมอย่างรวดเร็ว ซึ่งบางครั้งคำติชมจะเข้ามาอย่างรุนแรง แต่นั่นเป็นข้อดีที่ทำให้เราปรับปรุงได้อย่างทันที เราไม่คิดว่าการคอมเมนต์ในเพจของโรงแรมเป็นเรื่องน่ากลัว เพราะถ้าเราทำผิด ทำไม่ถูกใจ เราก็ขอโทษเขากลับไปอย่างจริงใจ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็พร้อมจะให้โอกาสในการปรับปรุงตัวของเรา

7… เราให้คะแนนตัวเองปีนี้ไว้ที่ 7 เพราะรู้สึกว่าตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ มีอีกหลายเรื่องที่เรายังจัดการได้ไม่ดีพอ ก็ต้องหักคะแนนออกไป ส่วนปีหน้าเราจะทำแบรนด์ให้แข็งแรงขึ้นกว่านี้ หาโปรดักต์ใหม่ๆ มาเติม เพื่อลดช่องว่างของกลุ่มลูกค้าให้ได้

ชะอำ สำหรับเราหัวหินเป็นเมืองที่คนเริ่มเยอะ ไปถึงแล้วก็เจอกับปัญหารถติด เราคิดว่าคนกรุงเทพฯ ถ้าจะหนีความวุ่นวายเพื่อมาพักผ่อนเขาก็ไม่อยากไปที่ที่มีรถติด ชะอำเป็นเมืองที่กำลังเติบโต แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าหัวหิน จึงทำให้ที่นี่ยังมีความสงบอยู่สูง ถ้ามาที่นี่ยังไงก็ยังได้รับการพักผ่อนจริงๆ